30 กันยายน 2556

พระเคราะห์กับอาชีพ

พระเคราะห์กับอาชีพ
.อาทิตย์ ผู้บริหาร นักการเมือง นักค้าอัญมณี นักวิทยาศาสตร์ ผู้นำ ผู้ควบคุม เจ้าหน้าที่ของรัฐ จักษุแพทย์ ฯลฯ
.จันทร์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ งานเกี่ยวกับผู้หญิงและเด็ก ผู้ประกอบอาหาร ร้านอาหาร การเดินทาง ท่องเที่ยว ธุรกิจนำเข้า/ส่งออก งานเกี่ยวกับทางน้ำ ฯลฯ
.อังคาร งานเกี่ยวกับไฟฟ้า แร่ธาตุ โลหะ อาวุธ นักคิดค้น วิศวกร งานก่อสร้าง โยธา ทหาร ตำรวจ แพทย์ผ่าตัด งานช่าง เครื่องยนต์กลไก ฯลฯ
.พุธ งานที่ต้องใช้สติปัญญา การเขียน การศึกษา ถ่ายทอด งานสอน ฝ่ายสินค้า เสมียน บัญชี บรรณาธิการ ฝ่ายตรวจสอบ การขนส่ง การแสดง โฆษก วิทยากร ฯลฯ
.พฤหัสบดี นักวิชาการ การเงิน สินเชื่อ กฎหมาย นักบวช นักการเมือง นักโฆษณา ครู แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน นักจิตวิทยา นักมนุษยธรรม พระ ฯลฯ
.ศุกร์ งานด้านศิลปะสุนทรียภาพ ความสวยความงาม ดนตรี ดารา งานบันเทิง กระแสนิยม โรงแรม สถานบันเทิง งานพาณิชย์เชิงศิลป์ ฯลฯ
.เสาร์ อสังหาริมทรัพย์ แรงงาน การเกษตร การค้า ก่อสร้าง เหมืองแร่ งานที่ต้องอาศัยประสบการณ์เฉพาะด้าน นักวิเคราะห์ ตรวจสอบ ฯลฯ
.ราหู นักวิจัย นักประยุกต์ แพทย์ เภสัชกร ผู้ผลิตหรือค้าน้ำเมา การบิน การเดินทาง ช่างไฟฟ้า งานลึกลับซ่อนเร้น ฯลฯ
.เกตุ งานแปลกแหวกแนวจากคนอื่น จินตนาการ สัมผัสนึกรู้ งานเกี่ยวกับศาสนา พระ นักเทศน์ นักบรรยาย นักสืบ ผู้มีความสามารถหลายด้าน ฯลฯ
๑๐.มฤตยู นักวิทยาศาสตร์ เทคนิกการแพทย์ นักประดิษฐ์คิดค้น คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญการแก้ไขเฉพาะด้าน ฯลฯ

ธีรพร  เพชรกำแพง
๓๐ กันยายน ๒๕๕๖


29 กันยายน 2556

คำพยากรณ์ลัคนาเกาะตรียางค์ (ของเก่า)


.ราศีเมษ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า ไฟจะไหม้เรือนรับทุกข์ แล้วเกิดสุขท่านให้ฐานา
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๑ ความว่า ฉลาดในการดนตรี สุนทรียภาพ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า จะเป็นเสนาท้าวพระยาผู้ใหญ่
.ราศีพฤษภ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า จะเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า ทำการค้าขายของหอมดอกไม้
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า เป็นผู้ขายเนื้อขายปลา
.ราศีมิถุน
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า ฉลาดวิชาหมอรักษาสัตว์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า เป็นผู้ขอผู้ติดต่อรับใช้ท่าน
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า เป็ช่าชำนาญด้านโลหะ
.ราศีกรกฎ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๒ ความว่า เป็นพ่อค้าต้นไม้ดอกไม้
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า รู้การงานดีประกอบด้วยทรัพย์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า ฉลาดตามวิชาการความรู้
.ราศีสิงห์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๑ ความว่า เป็นช่างปั้นช่างศิลป์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า จะเป็นโจรใหญ่ใจหาญ
.ราศีกันย์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า ฉลาดในการฟ้อนรำ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า จะได้รักษาสมบัติท้าวพระยา
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า จะได้มีอำนาจเป็นเสนาบดี
.ราศีตุล
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า จะมีความผิดด้วยคู่ครองผู้อื่น
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า จะเป็นหัวหน้าโจรหัวหน้านักเลง
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า จะได้เป็นอำมาตย์
.ราศีพิจิก
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า มักอิจฉา เจรจาอำพราง
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า จะเป็นใหญ่แก่นายโจร
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๒ ความว่า เป็นผู้สลัดกิเลสผูกมัดได้ง่าย
.ราศีธนู
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า จะได้เป็นใหญ่ในถิ่นที่ตนอาศัยนั้น
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า มักชอบที่รโหฐาน ทำการเงียบสงัด
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๑ ความว่า เป็นผู้มีเรือกสวนไร่นา
๑๐.ราศีมกร
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า จะได้ที่แดนเรือกสวนไร่นา
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า มักถือสาพยาบาท เจรจาลับอำพราง
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า จะได้เป็นเสนาราชการ
๑๑.ราศีกุมภ์
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๗ ความว่า เป็นช่างชาญสันทัดการจักสาน,งานไม้
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๔ ความว่า จะได้เป็นอำมาตย์ราชการแผ่นดิน
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๖ ความว่า มักชอบที่สงบสงัดเงียบ เร้นลับ
๑๒.ราศีมีน
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๕ ความว่า มีความรู้วิชาการอันประเสริฐ
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๒ ความว่า เป็นพ่อค้าพาณิชย์ผลาหาร
ลัคนาเกาะตรียางค์ ๓ ความว่า เป็นพ่อค้าพาณิชย์โลหะ

ธีรพร  เพชรกำแพง

คัดสำเนาเค้าความเดิม

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน ยามอริยสัจ ๔

ยามอริยสัจ ๔


          ในอดีตที่ผ่านมานั้นความรู้วิชาหมอดูหรือการพยากรณ์ทำนายทายทัก ส่วนใหญ่จะตกอยู่แวดวงของพระสงฆ์ที่ท่านใช้เป็นหลักวิชาสงเคราะห์คนตามสมควรแก่สมณสารูปที่พอจะช่วยเหลือได้ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำท่านมักเทียมเทียบไว้กับความรู้ทางพระพุทธศาสนา นับเป็นกุศโลบายที่ทำให้คนที่อยากเรียนวิชาเหล่านี้ ไดซึมซาบเอาความรู้หลักธรรมเข้าสู่จิตใจด้วย อย่างเช่นตำราพยากรณ์กาลชะตา ยามอริยสัจ ๔ นี้ก็มีสืบเนื่องกันมา จากแวดวงพระสงฆ์ก็เป็นฆราวาสผู้คงแก่ธรรมได้นำมาใช้ในการสงเคราะห์ช่วยเหลือคน ด้วยเป็นหลักวิชาที่เข้าใจและจดจำง่าย คือประกอบด้วยองค์อริยสัจ ๔ ประการนำมาพิจารณาดวงยาม คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค โดยมีรูปแบบการเรียงองค์ยามเป็นรูปกากบาท ทุกข์อยู่บน นิโรธอยู่ล่าง สมุทัยอยู่ซ้าย และมรรคอยู่ขวา ดังรูปที่แสดงนี้


          วิธีการนับเรียงยามท่านให้ใช้ดิถีข้างขึ้นข้างแรมเป็นเหตุแห่งการนับเวียนไป โดยระหว่างข้างขึ้นและข้างแรมนับต่างกัน ข้างขึ้นนับแต่ทุกข์วนซ้ายไปสมุทัย นิโรธ และมรรค ตามจำนวนค่ำของดิถี ส่วนข้างแรมนับแต่ทุกข์วนขวาไป มรรค นิโรธ และสมุทัยตามจำนวนค่ำของดิถี เช่น เขามาหาเราในวันแรม ๗ ค่ำ ให้นับวนขวาตั้งแต่ทุกข์ มรรค เรื่อยไปจนครบ ๗ ค่ำ ตกที่องค์ยามนิโรธ จึงให้ใช้ฝอยพยากรณ์ขององค์ยามนิโรธเป็นมูลทำนาย
.ทายของหาย
ตกทุกข์ ทายว่า ให้รีบหา หากช้าจะหายเลย   ตกสมุทัย ทายว่า  ได้หรือไม่ได้เท่ากัน
ตกนิโรธ ทายว่า หายสูญ                           ตกมรรค ทายว่า ได้คืนเร็ววัน
.ทายสัตว์หาย
ตกทุกข์ ทายว่า จะได้คืน มีคนนำมาให้          ตกสมุทัย ทายว่า ถูกคนลักพาไป
ตกนิโรธ ทายว่า จะคืนมาเอง                     ตกมรรค ทายว่า รีบตามหาอย่าช้า จะได้คืน
.ทายคนไปทางไกล
ตกทุกข์ ทายว่า มีเหตุอยู่ ประเดี๋ยวจึงกลับ     ตกสมุทัย ทายว่า กำลังเดินทางมาระหว่างทาง
ตกนิโรธ ทายว่า มีเหตุยังมาไม่ได้                 ตกมรรค ทายว่า ประเดี๋ยวมาถึงไม่ช้านาน
.ทายการไปติดต่อ
ตกทุกข์ ทายว่า ได้พบแต่ตกลงกันไม่ได้ ตกสมุทัย ทายว่า ได้พบแต่เลื่อนผัดไป
ตกนิโรธ ทายว่า ไม่พบ เสียประโยชน์เปล่า ตกมรรค ทายว่า ได้พบตกลงกันดังหวัง
.ทายการเจ็บป่วย
ตกทุกข์ ทายว่า กำลังเป็นไข้หนัก แต่ไม่ตาย    ตกสมุทัย ทายว่า อีกไม่กี่วันก็หาย
ตกนิโรธ ทายว่า ไข้หนักอาจถึงตาย              ตกมรรค ทายว่า ไม่เป็นไรถ้าไข้ก็หายดีแล้ว

          ในตำราเดิมเรื่องราวสมัยก่อนๆ ก็หนีไม่พ้น ๕ ประเด็นหลักนี้ พอมาในสมัยยุคปัจจุบัน เหตุที่ต้องการถามต้องการรู้นั้นมีมากหลากประเด็น ท่านจึงได้สงเคราะห์พอทำเนาไว้พิจารณาพยากรณ์ว่า ทุกข์คือผลหนัก สมุทัยคือเหตุแห่งเรื่อง นิโรธคือล่วงไป มรรคคือการกระทำอยู่ เช่น เขามาถามว่า จะไปค้าขายล่องใต้คราวนี้ดีหรือไม่ องค์ยามตกมรรค อันหมายถึงการกระทำอยู่ ย่อมตอบตามนัยความหมายแห่งยามว่า ถ้ากระทำตลอดรอดฝั่ง จะสำเร็จผลดี หรือหากองค์ยามตกทุกข์และเขาไม่มีเหตุพื้นฐานเตรียมพร้อมมาก่อน ย่อมตอบตามนัยความหมายแห่งยามว่า โอกาสนี้ดี แต่เหนื่อยยาก ถ้าหากวางมือมีแต่เสียไม่คุ้มทุน อย่างนี้เป็นต้น
          การศึกษาเรียนรู้วิชาเก่าๆ อันเป็นภูมิรู้ของปราชญ์โบราณนั้น ถือว่าเป็นการรักษาคุณค่าภูมิปัญญาให้สืบไป จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ที่มาที่ไป คือการศึกษาตั้งแต่ต้นเหตุ หลักการ เหตุผล ตลอดจนวิธีใช้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถนำความรู้นั้นไปใช้ได้อย่างเห็นผล ในทางกลับกัน หากศึกษาแต่ปลายเหตุแล้วนำไปใช้แบบเปรียบเทียบหาความถูกผิด พอไม่ได้ผลตามที่หวัง อย่างนี้ก็มักพลอยโทษตำราหลักวิชาไป เพราะไม่ได้รู้จริงมาแต่ต้น

ธีรพร  เพชรกำแพง
คัดสำเนาเสริมเค้าความ

27 กันยายน 2556

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน วันไชยฤกษ์หลวง


วันไชยฤกษ์หลวง

แต่ครั้งก่อนนั้น ท่านว่าจะประกอบการพิธีใดๆ เป็นสำคัญ ให้หาวันหมายมั่นเหมาะสม ตำรา ไชยฤกษ์หลวง นับเป็นอีกหลักเกณฑ์วิชาหาวันเหมาะสมในการประกอบกิจ ลักษณะคำประพันธ์คล้องจองบอกเหตุดีเหตุร้ายไว้ในตัวเสร็จสรรพ โดยการพิจารณาว่าดิถีข้างขึ้นข้างแรมใดควรใช้ประกอบการมงคล และดิถีใดต้องหลีกเลี่ยง หากเป็นการกิจที่ไม่ต้องพิจารณาฤกษ์โดยละเอียดแล้ว ท่านก็จักใช้ตำรานี้ในการให้วันดีวันเหมาะสม อย่างเช่น กรณีมีคนจะเปิดร้านขายขนมไทยๆ มีหม้อแกงบ้าง วุ้นบ้าง ตะโก้บ้าง เป็นกิจการที่ต้องใช้รถเข็นทำหน้าร้านขายตามตลาด การกระทำกิจของเขาเป็นเหตุแห่งฤกษ์เองอยู่แล้ว ผู้ให้ฤกษ์คงจะไม่รอมานั่งผูกดวงเดิมดูดวงจรวิเคราะห์ฤกษ์ล่าง-บนสอบเข้าหาโครงสร้างอาชีพ เพราะเขากำลังจะประกอบอาชีพนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ให้วันอันดีและเจรจาพาทีเป็นที่ชอบใจในการประกอบมงคลกิจแก่การเริ่มต้นของเขา ในที่นี้ก็หาวันดีตามหลักตำรา  ไชยฤกษ์หลวง ได้ ตามดิถีขึ้นแรมที่ต้องโฉลกกับเรื่องราว เช่น วัน ๓ ค่ำ ล้างมือท่ารอกิน (ดี) หรือ ๖ ค่ำ ลงสำเภาไปค้า (ดี) เป็นการเหมาะสมกับอาชีพค้าขายของเขาตรงตัวพอดี อย่างนี้เป็นต้น
          ในการหาวันนั้น ท่านให้ใช้ดิถีจะเป็นขึ้นแรมก็ใช้อย่างเดียวกัน หาวันดีเหมาะสมจากฝอยพยากรณ์ ไชยฤกษ์หลวง ดังนี้

๑ ค่ำ ช้างแก้วขึ้นสู่โรงธรรม (ดี) [ริเริ่มด้วยกาลสถานที่ดี]
๒ ค่ำ ผิฟังธรรมกลางป่าช้า (ไม่ดี) [ทำในสิ่งที่ช้าหรือสายไปแล้ว]
๓ ค่ำ ล้างมือท่ารอกิน (ดี) [สร้างเหตุปัจจัยไว้รอรับผลดี]
๔ ค่ำ นอนปลายตีนตากแดด (ไม่ดี) [ทำการใดไม่คุ้มตัว]
๕ ค่ำ ผีแวดล้อมปองเอา (ไม่ดี) [มักถูกเบียดเบียน]
๖ ค่ำ ลงสำเภาไปค้า (ดี) [เดินทางดี,มีโชคในอาชีพ]
๗ ค่ำ เคราะห์อยู่ด้านหน้าคอยชน (ไม่ดี) [มีเหตุร้ายรออยู่เบื้องหน้า]
๘ ค่ำ สาละวนบ่แล้ว (ไม่ดี) [อลวลวุ่นวาย]
๙ ค่ำ บ่แคล้วเสี้ยนพระราม (ไม่ดี) [หลบหลีกเหตุร้ายไม่พ้น]
๑๐ ค่ำ หาความงามบ่มิได้ (ไม่ดี) [ทำสิ่งใดไม่เป็นผลดี]
๑๑ ค่ำ เหตุร้ายกลายเป็นดี (ดี) [เรื่องร้ายเป็นดี]
๑๒ ค่ำ บ่มีดีสักหยาด (ไม่ดี) [ทำกิจหาดีไม่ได้]
๑๓ ค่ำ ไชยประพาสชมพู (ดี) [ความเจริญในการเดินทาง]
๑๔ ค่ำ ศัตรูปองฆ่า (ไม่ดี) [เป็นที่อิจฉาริษยาแก่คนทราม]
๑๕ ค่ำ บ่ายหน้าวายชนม์ (ไม่ดี) [มีเหตุทุกข์จนมืดแปดด้าน]

          การกล่าวมธุรสมงคลสุนทรแก่ผู้รับฤกษ์ไปใช้นั้น ถือว่ามีความสำคัญ เป็นการอำนวยพรให้เกิดโชคชัย ผู้รับฤกษ์นั้นไปย่อมเกิดกำลังใจที่จะกระทำในการกิจที่ตนมุ่งหวังผลสำเร็จไว้ เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ให้ฤกษ์ไม่ควรมองข้าม ย่อมทำให้เกิดความประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับฤกษ์ ความถึงพร้อมทางกำลังใจนั่นแล..จะป็นตัวชี้บ่งผลของฤกษ์ที่ดี

ธีรพร  เพชรกำแพง

คัดสำเนาเสริมเค้าความ

25 กันยายน 2556

จักรทีปนี ตอน เสาร์


เสาร์ทับพระอาทิตย์    ปฏิสนธิในชาติ           ชนใดจะถึงฆาต  บ่มีทรัพย์จะสาธารณ์
ถ้อยความจะถึงตู  ผิวศัตรูจะปองผลาญ          แม้นหมิ่นประมาทการ ก็จะเป็นภยันตราย
เสาร์ทับพระเคราะห์จันทร์  นระนั้นบ่มิสบาย  ทรัพย์สินจะเสียหาย  อุปสรรคจะมีมา
ข้าคนและลูกเมีย  ก็จักเสียและโศกา             ขอคุณพระรักษา  ชนชีพจะยืนนาน
เสาร์สู่ ณ ราศี  ปะทะทับพระอังคาร             เกิดเหตุกลีการ  ปรปักษ์จะบีฑา
นัยหนึ่งจตุบาท  ทวิบาทและเขี้ยวงา             ระมัดระวังอา  สรพิษจะทำเข็ญ
เสารทับพระเคราะห์พุธ  ดุจะนั้นโฉลกเห็น     โชคลาภจะพูนเพ็ญ  แม้ศัตรูจะอัปรา
เสาร์ทับพฤหัสบดี สิริสวัสดิลาภา                  สิ่งสินและเงินตรา  จะลุโดยสะดวกดาย
ศัตรูจะอัปรา  และวัตถาระส่ำระสาย            สินทรัพย์จะสูญหาย  ก็จะคืนจะคงเรือน
เสาร์ถูกพระเคราะห์ศุกร์  ปะทะทุกข์พยาธิ์เรือน        โรคร้ายและหลายเดือน  ก็จะกลายจะกลับเป็น
โจรร้ายเขม้นมอง  อริปองกระทำเข็ญ           อายุบ่ยืนเย็น  มฤตย์ภัยจงเร่งเกรง
เสาร์ถึงสถิตเสาร์  ปะทะกันและกันเอง          โทษทุกข์แต่ปางเพรง  ย่อมจะก่อจะเกิดมี
สิ่งสินระส่ายทรัพย์  ภัยทับระทมทวี              เกรงอายุชนม์ชี  วิตพินาศประไลยตู
เสาร์จร ณ ราศี  อสุรินทราหู                      จักชำนะศัตรู  ประสิทธิโชคไชยา
ตำนานหนึ่งหญิง  จรสุ่มประสงค์ปลา            พบแท่นธนสาร์  กรุรัตนล้วนขุมทอง
เสาร์จรประทับลัคน์  คณานั้นจะหม่นหมอง    เสียทรัพย์และสิ่งของ  ครุเหตุจะพึงมี
ดังโปริสารทราษ  ฎรเขาก็ขับหนี                  จากขัติยาศรี  สิริราชนคร

ธีรพร  เพชรกำแพง

คัดสำเนาเค้าเนื้อความ

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน บาปเคราะห์สมเคราะห์เป็นกาลี

บาปเคราะห์เป็นกาลี
อนึ่งพาลบาปเคราะห์ เฉพาะเป็นกาลีสัญจร กระเจิงลี ปะทะลัคน์ปะทะจันทร์ เมื่อนั้นจะสูญสิ้น ชนมชีพชีวัน บ่มิเป็นอัน สุรโทษจะพึงมี ถูกอายุและมาต้องตนุเล่าถมทวี พยาธิใหญ่จะพึงมี ชนมชีพมลายไป ต้องเดชจะเกิดไฟ จะเผาเพลิงพนาลัย เรือนโรงอันอาศัย จะพินาศด้วยอัคคี บ่มิเพลิงจะพลอยตาย ย่อมต้องสายอัสนี เสื่อมยศเสียศักดิ์ศรี จะวิตกโทมนัสนัก แม้นต้องพระเคราะห์ใด ปะทะปะทุถึงลัคน์ ทุกข์โทษจะทายทัก กลกล่าวประดุจหลัง ฝูงกาลีทั้งนั้นต้องกันและกันหวัง คนชั่วจะโอหัง เข้าล่วงหมิ่นและถิ่นแคลน

สมเคราะห์เป็นกาลี
          อนึ่งตนุกดุมพะ และกาละเข้าล่วงแดน แสนโทษประทุษแสน สุรทายดังก่อนมา มีคำพร่ำแห่งโจทย์ ว่าโสดสมเคราะห์ทา ทันหกไปเป็นกา ละกรรณีบ่มีร้ายหรือ บ่มิหยิบยกแสดง แบ่งแต่บาปพระเคราะห์ถือ ส่วนสมเป็นกระลือ กระลีดีดอกฉันใด ฝ่ายศรีกระโวหาร จักแจ้งการที่สงสัย ครวญออกจากคำไข จะข่มคำซึ่งแทรกแซง สมเคราะห์ก็ดุจกัน แต่หากมันบ่ร้ายแรง บางทีเอาคดีแสดง และแบ่งความเข้าข่มขี่ อนึ่งโชคแห่งสมเทศ พระเคราะห์เกตุเล่าก็ดี บ่มีกลัวกับลาลี ไปตกภูมิดั่งนั้นมา ย่อมให้วุฒิโชค สรรพโภคโภคา สมในสังวัจฉรา ธารณโทษบ่พึงมี ผิวกาลกรรณีกาจ ชาติสมเคราะห์ก็ดี หักให้ตัวกาลี เข้าเรือนลัคน์และจักรจันทร์ ชุกโชคปางทั่วปี ภายหลังมีให้ร้ายครัน แรกร้ายให้เทิมทัน มาท่อนท้ายไชยโชคชุม กลหนึ่งภิปรายทาย ว่าจะตายด้วยโรครุม บางความว่าบ่มิคุ้ม โทษเลยอย่าควรทาย กิจนี้ให้ถ่ายเท กลเล่ห์ให้เร่งทราบ ชะตาเป็นชะตาตาย กำหนดหมายมาเทียบแทน หนึ่งเล่าหลวงพระโหร รอบรู้ตำหรับแผน ดาวเดือนตะวันแดน ดวงจักรขบวนบน แจ้งสุขทุกขภัย ในต่ำใต้แผ่นดินดล จึงจักพจนนิพนธ์ นิพันธ์ทายตำรา หวังไว้ศาสตร์สารฉบับ สืบตำรับชั่วกัลปา จึงขึ้นคำคาถาเป็นบทบาทมาลี

ธีรพร  เพชรกำแพง

คัดสำเนาเค้าสำนวน

24 กันยายน 2556

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน พระเคราะห์บอกเหตุ “ฝน ลม ไฟ”

พระเคราะห์บอกฝน
.หาก ๔ เดินร่วมราศีกับ ๑ ท่านว่าฝนชุก ถ้า ๑ ร่วมด้วยหรืออยู่ข้างหลัง แต่มี ๒๕ องศาขึ้นไป หรืออยู่ข้างหน้าแต่มีองศา ๑๒ ลงมา ฝนย่อมจะชุกมากขึ้น
.หาก ๔,๖ เดินไปเบื้องหน้าพระเคราะห์ทั้งหลายและร่วมราศีเดียวกันท่านว่าฝนตกชุกนัก ถ้าไม่ร่วมราศีฝนตกแต่พอดี
.หาก ๔,๖ อยู่ร่วมราศีเดียวกันก็ดี ๔,๕ อยู่ร่วมราศีเดียวกันก็ดี ฝนจะตกชุกมากนัก ถ้า ๕,๖ อยู่ร่วมราศีและบาทเดียวกัน ท่านว่าฝนจะตกชุกมากนัก
.หาก ๔ อยู่หลังอาทิตย์ก็ดี แต่ว่ามีองศาถึง ๒๕ ขึ้นไปแล้ว ท่านว่าคงมีฝนตกแต่ไม่สู้หนักชุกนัก ถ้า ๖ ใกล้ ๑ เข้ามา ท่านว่ายิ่งให้กำลังแรงฝนชุกยิ่งนัก
.หาก ๔ อยู่หน้า ๑ ก็ดี ทว่ามีองศาเพียง ๑๒ ลงมาท่านว่าฝนชุกบ้าง ถ้า ๖ ร่วม ๑ หรือ ๔ ด้วยแล้ว ท่านว่าฝนยิ่งจะชุกมากขึ้น

กาลแห่งฝนจะมีมากหรือน้อย
๑.หากแม้นว่า ๒ เป็น ๑-๔-๗ และเป็น ๑๐ แก่ ๑ ท่านว่าฝนวันนั้นตกมากแล
๒.หากแม้นว่า ๒ เป็น ๓-๕-๘-๙ แก่ ๑ ก็ดี และมีองศาเข้าใกล้ ๑๒ ก็ดี ท่านว่ามีฝนตกมากเสมอกัน
          อนึ่ง นัยว่าท่านให้นับหาวันตัววัสสนานฤดูแห่งอาทิตย์ คือวันที่อาทิตย์ มีองศา ๙ ราศีมิถุน ให้เอาราศีอาทิตย์ตั้ง เอาราศีจันทร์ ๓ ๔ ๖ บวกเป็นเกณฑ์ตราไว้ ถ้าพระเคราะห์ใดอยู่ในราศี ๐ ให้ยกพระเคราะห์นั้นเสีย ถ้าปีเอกเทกไปหาเบญศกเอา ๘ ลบเกณฑ์ ถ้าปีฉศกไปหาสัมฤทธิศก ให้เอา ๑๒ ลบเกณฑ์ เศษเหลือเท่าใดเอา ๑๐ คูณเป็นนิ้ว ถ้าเอา ๑๐๐ คูณเป็นสตางค์ ได้เท่าใดก็เป็นเกณฑ์ฤดูฝนเท่านั้นแล
          หากไม่มีเหตุจากดาวพระเคราะห์ใหญ่แล้ว ย่อมไม่ผิดพลาดเลย

พระเคราะห์ใหญ่บ่งบอกฝน
๑.หาก ๕ เล็ง ๘ ได้ฝน ๔๐๐ ถ้าร่วมกันได้ฝน ๓๐๐
๒.หาก ๓ เล็ง ๘ ได้ฝน ๒๐๐ ถ้าร่วมกันได้ฝน ๑๐๐
๓.ราหูมีปริเฉทข้างละ ๑๑ องศา คิดแบ่งเป็น ๓ ส่วน ส่วนละหนึ่ง เป็นเกณฑ์ ๑๐๐ ถ้าห่างกันถึง ๙ และ ๑๐ องศาแล้ว ได้ฝน ๑๐๐
๔.หาก ๐ มฤตยูดวงเดียวเข้าร่วมหรือเล็ง ๘ ย่อมเกิดฝนทวีคูณขึ้น เท่าถึง ๘๐๐ และ ๙๐๐
๕.หากมีพระเคราะห์มาเล็งหรือร่วมก็เป็นอันงดเลิกไป
๖.หาก ๗ เล็งหรือร่วม ๘ ปีนั้นท่านว่าแล้งหรือฝนน้อย
๗.หากพระเคราะห์ใหญ่เสริด พระเคราะห์น้อยมนฑ์ ท่านให้ลดเกณฑ์ฝนเสียตัวละ ๑๐๐

พระอังคารบังคับฝน
๑.พระอังคารตกปฐวีธาตุและราศีมีน ฝนตกดีน้ำงาม มนุษย์ทั้งปวงจะอุดมด้วยข้าวน้ำ ธัญญาหาร
๒.พระอังคารอยู่พิจิกและกรกฎ มีฝนบ้างเป็นประมาณ เหล่ามนุษย์หากินลำบากนัก
๓.พระอังคารตกในราศีทวารทั้ง ๔ ฝนย่อมตกน้อยเต็มทีนัก
๔.พระอังคารอยู่ในราศีเมษ มิถุน กันย์ และอาโปธาตุ ท่านว่านัยฝนแล้ง
๕.พระอังคารอยู่สิงห์ พิจิก กุมภ์ ท่านลมพัดมามากในทิศต่างๆ
๖.พระอังคาร เสาร์ อยู่ร่วมราศีและบทเดียวกัน ท่านว่าลมพัดแรงมาก ฝนน้อย มักเกิดอัคคีภัย
๗.สมมโนนัยท่านให้นับแต่ราศีเสาร์ไป ๕ และ ๙ ราศี ผิวต้อง ๓ ก็ดี และ ๕ อยู่ในราศีธาตุลมก็ดี ศุกร์เป็น ๗ ก็ดี ท่านว่าไฟจะแรง เกิดอัคคีภัยขึ้นเนืองๆแล
          ความรู้เรื่องฝน ลม ไฟ โบราณท่านวางไว้ให้เป็นบทพิสูจน์ โดยการเอาใจใส่ให้พึงเห็นประโยชน์จากข้อเท็จจริง อันควรจะพึงเกิดเพื่อความระมัดระวังรอบคอบในการทำกสิกรรม เกษตรกรรม และกิจอันพึงประสงค์ต่างๆให้เป็นผลสำเร็จนั้นเอง

ธีรพร  เพชรกำแพง
๒๕ กันยายน ๒๕๕๖


22 กันยายน 2556

บ่นความโหราศาสตร์ ตอน รำพึงรำพัน...คนกันย์เอง

รำพึงรำพัน...คนกันย์เอง

คนราศีกันย์นั้นเป็นราศีแห่งนักปฏิบัติที่มุ่งสู่ความสำเร็จและถูกต้อง ในชีวิตจึงคิดและคาดหวังว่าคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะเป็นคนลักษณะเดียวกัน ถึงแม้จะมีธรรมชาติของความสันโดษแต่ก็พร้อมที่จะเข้ากลุ่มและสังคมด้วยการปรับตัวเพียงเล็กน้อย มักมีขั้นตอนหรือวิธีในการเผชิญและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ นอกจากเป็นนักปฏิบัติที่ดีแล้ว คนราศีกันย์ยังมีความซื่อสัตย์ ยึดความตรงมั่น และมีความทุ่มเทในการทำกิจลงทุนลงแรงต่างๆ

ราศีกันย์ราศีพฤษภ
คนราศีพฤษภเป็นราศีที่มีลักษณะหลายอย่างคล้ายกับคนราศีกันย์ ทั้งสองราศีนี้มีความชอบที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของชีวิต ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ต่างกระทำตนให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตไปสู่ความสำเร็จ รู้จักการอุทิศตนและมีความซื่อสัตย์ ต่างกันบ้างว่าคนราศีพฤษภนั้นมักมีความดื้อรั้นยึดมั่นในความคิดเป็นแม่นมั่น ในขณะที่คนราศีกันย์จะรู้จักปรับประยุกต์ตนเองให้มีความยืดหยุ่นได้มากกว่า

ราศีกันย์ราศีมกร
ราศีกันย์ราศีมกร เป็นราศีที่มีความสมส่วนกันในลักษณะของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์การรับรู้อยู่ในระดับเดียวกัน ต่างมีความเข้าใจในมุมมองของแต่ละ คน ชีวิตมีแบบแผนและเป้าหมายที่ชัดเจน กระทำการต่อเนื่องไม่วางธุระ ใช้ความสามารถหรือทักษะอย่างจริงจังเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ จะต่างกันบ้างตรงที่คนราศีมกรมักมุ่งประเด็นลุ่มลึกจริงจังฝังใจลงไปมาก แต่คนราศีกันย์มักปรับตนให้มีความพอดีกับโครงสร้างที่มุ่งกระทำ คือไม่ทำการใหญ่เกินตัว

ราศีกันย์ราศีมีน
คนราศีกันย์นั้นมีความชัดเจนในการดำเนินชีวิตสู่โลกของความเป็นจริง ในขณะที่คนราศีมีนมักมีจินตนาการหรือมโนคติตั้งไว้ควบคู่กับการดำเนินชีวิตจริง ระเบียบแบบแผนของคนราศีกันย์จะทำให้คนราศีมีนรู้สึกถึงความเป็นขั้นเป็นตอน ที่พอจะนำไปปรับยืดหยุ่นกับชีวิตได้ ในขณะที่คนราศีกันย์ก็จะได้มองจินตนาการเป็นการตั้งความหวังหรือเป้าหมายที่ตนต้องการความสำเร็จ สิ่งที่ทั้งสองราศีนี้มีเหมือนกันคือความพยายามในการเปิดใจรับรู้ความเป็นไปหรือเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งความเป็นจริง แล้วกระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม

ธีรพร  เพชรกำแพง
๒๒ กันยายน ๒๕๕๖


20 กันยายน 2556

พระเคราะห์กับโรคภัยไข้เจ็บ

พระเคราะห์กับโรคภัยไข้เจ็บ

.อาทิตย์ หัวใจ น้ำดี สมอง ตา กะโหลกศีรษะ สมอง เลือด ปอด กระเพาะอาหาร เต้านม รังไข่ ถุงน้ำเชื้อ

.จันทร์ เต้านม ต่อมน้ำลาย น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำในร่างกาย ระบบต่อมต่างๆ เส้นเลือด เยื่อหุ้มหัวใจ ลำไส้ ช่องทางเดินอาหาร หลอดอาหาร หลอดลม ลมจุกเสียด ทางเดินหายใจ สายตา

.อังคาร น้ำดี หู จมูก หน้าผาก กล้ามเนื้อ เส้นใย พังผืด เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อสมองส่วนหน้า การอักเสบของอวัยวะ พร่องโภชนาการหรือมากเกินไป

.พุธ ช่องปาก ลิ้น ท้อง ปอด ลำไส้ ทางเดินอาหาร ศูนย์ประสาท น้ำดี เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ประสาทสัมผัสรับรู้ หอบหืด หลอดลมอักเสบ ปวดหัว ประสาท ใจสั่น อวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะ

.พฤหัสบดี เสมหะ เลือด ต้นขา ไต เนื้อ ไขมัน ระบบหลอดเลือด โครงสร้างทางร่างกาย หลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ ช่องหูใบหู เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ลมชัก เนื้องอก เบาหวาน

.ศุกร์ เสมหะ น้ำตา รังไข่ ระบบการไหลเวียน ไต เส้นเลือด เนื้อ ไขกระดูก กระดูกโครงหน้า ผิวหนัง ต้นคอ กระเพาะ กามโรค

.เสาร์ เล็บ ผม ฟัน กระดูก เท้า เข่า ไขกระดูก ไขข้อ ม้าม  ระบบประสาท อาการทางการได้ยิน ดีซ่าน เกาต์ ซึมเศร้า วิตกกังวล วิกลจริต หอบหืด ภูมิแพ้

ธีรพร  เพชรกำแพง
๒๑ กันยายน ๒๕๕๖


บ่นความโหราศาสตร์ ตอน รำพึงรำพัน...พระเสาร์

รำพึงรำพัน...พระเสาร์
          พระเสาร์ หรือองค์ศนิเทพ อันได้รับสมญาเป็นเทวราชแห่งความมืด ประธานแห่งบาปเคราะห์อันทรงพลานุภาพในการให้คุณให้โทษแก่ดวงชะตา เมื่อพระเสาร์ให้ผลคุณนั้นอานิสงส์ย่อมมีความหนักแน่นมั่นคงสมกับที่เป็นดาวใหญ่ การดำเนินชีวิตที่มุ่งมั่นนั้นจะมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดภูมิปัญญา ชื่อเสียง จิตวิญญาณแห่งความมุ่งกระทำ ประกอบกับความอดทน ซื่อสัตย์ และอำนาจแห่งความน่าเชื่อถือเกรงขาม รับรู้ถึงความบริสุทธิ์ยุติธรรม ความรู้สึกถูกผิดจากจิตสำนึกภายใน รวามไปถึงความสามารถในการกระทำสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยากยิ่ง นี้คือผลคุณอานิสงส์ที่เสาร์ช่วยผลักดันให้เป็นไป
          อีกส่วนหนึ่ง พระเสาร์จอมเทวราชด้านมืด นี้ ยังให้โทษเคราะห์ที่หนักหน่วงชนิดคืบคลานเข้ามาอย่างเนิ่นช้าแต่แผลงพลานุภาพผลอยู่ยืนยาวมีผลกระทบในด้านเสียอย่างค่อยเป็นค่อยไปและดูเหมือนจะหนักทุกข์เฉพาะหน้าขึ้นเรื่อยๆ พระเทวราชแห่งความมืดนี้ จะนำมาซึ่งความทุกข์ อุปสรรค สิ่งกีดขวางความสำเร็จ ความแตกแยก โศกเศร้า สูญเสีย ความล่าช้าเนิ่นนาน อึดอัดขัดขวาง ความหวังที่ตั้งตารอผล และการทำลายจนสิ้นไป นั้นคืออำนาจด้านร้ายด้านลบที่คนทั้งหลายไม่อยากประสบพบเจอในชีวิตของตน
          ดวงชะตาได้สร้างสมดุลแห่งธรรมชาติมาดีแล้ว ชีวิตย่อมมีทุกข์และสุขคละเคล้ากันไป การจะหลบเลี่ยงความทุกข์และเผชิญต่อความสุขอย่างเดียวนั้นคงเป็นไปไม่ได้ หากแต่ต้องยอมรับนับถือกฎของความเป็นธรรมดาแห่งชีวิตนี้ว่าสุขทุกข์เป็นโลกธรรม ๘ ที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ที่จะปรับประยุกต์ความเป็นไปของตนให้ผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร

ธีรพร  เพชรกำแพง

๒๑ กันยายน ๒๕๕๖

19 กันยายน 2556

ดาวและราศี..กับโรคภัยไข้เจ็บ

ดาวและราศี..กับโรคภัยไข้เจ็บ

          การพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บนั้น นอกจากการดูจากโครงสร้างพื้นฐานดวงชะตาแล้ว ดาวและราศียังสามารถเป็นตัวบ่งบอกถึงความเจ็บป่วยของโรคภัยไข้เจ็บ อันมีสมุฏฐานมาจากอวัยวะมูลเหตุที่เกี่ยวข้อง โดยมีหลักการพิจารณาพอสังเขปมีอยู่ดังนี้
๑.พิจารณาแนวโน้มการเกิดโรคจาก ลัคนา และตนุลัคน์ ว่าได้รับสัมพันธ์เชิงมุมไม่ดีใดๆทั้งจากบาปเคราะห์และศุภเคราะห์
๒.พิจารณาเรือน อริ และ มรณะ  ว่าเป็นดาวใดราศีใดและโอกาสเกิดโรคใดได้บ้าง
๓.พิจารณาเรือน ปุตตะ ถึงดาวเจ้าการและราศี เพื่อดูแนวโน้มการรักษาและการหายจากโรคภัย
๔.พิจารณาเรือน วินาส ถึงดาวเจ้าการและราศี เพื่อพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงแทรกซ้อนต่างๆในการเกิดโรคและการรักษา
          โดยมีข้อพยากรณ์พอให้ทราบสังเขปทั้งดาวและราศี ดังนี้

ดาวกับโรคภัยไข้เจ็บ

.อาทิตย์ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหัวใจ ดวงตา ประสาทตา ระบบการไหลเวียนของเลือด ตาขวาในเพศชาย ตาซ้ายในเพศหญิง

.จันทร์ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจาก ปอด เต้านม กระเพาะอาหาร ไต มดลูก ตาซ้ายในเพศชาย ตาขวาในเพศหญิง โรคประสาท การเคลื่อนไหวทรงตัว

.อังคาร โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหน้าผาก จมูก กล้ามเนื้อ อวัยวะสืบพันธ์ชาย เลือดออกง่าย

.พุธ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากระบบทางเดินอาหาร เส้นประสาท ปอด ปาก ลิ้น ช่องคอ มือ ตะคริว ลมชัก

.พฤหัส โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหู ต้นขา ก้น ตับ เบาหวาน เส้นเลือด ไขมัน โรคอ้วน ปัญหาทางโภชนาการ

.ศุกร์ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากคอ แก้ม กระพุ้งแก้ม กามโรค โรคเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธ์

.เสาร์ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากเส้นเอ็น กระดูก ฟัน หัวเข่า ข้อต่อ ไขข้อ หอบหืด โรคเรื้อรังต่างๆ ผิวหนัง และวัณโรค

.ราหู โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผิดปกติ เรื้อน มะเร็ง พิษในกาย

.เกตุ โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจาก โรคประสาท ภูมิแพ้ ติดเชื้อ โรคประหลาดต่อการวินิจฉัยรักษา

.มฤตยู โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหลอดเลือด ระบบประสาท สมอง เส้นประสาทสันหลัง อวัยวะสูญเสียการทำงานฉับพลัน โรคลมในกาย

ราศีกับโรคภัยไข้เจ็บ

.เมษ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจาก สมอง ศีรษะ ใบหน้า ไซนัส ไมเกรน ความเครียดกดดัน เส้นเลือดสมอง

.พฤษภ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจาก ช่องปาก ฟัน การออกเสียง กล่องเสียง ต่อมทอนซิล ตาขวา คอ กระดูก,หลอดเลือด.เส้นประสาทช่วงคอ ภูมิคุ้มกัน

.มิถุน : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหูขวา กระดูกช่วงไหล่ แขน อวัยวะต่อจากคอถึงมือ ปอด ระบบการหายใจ ระบบเลือด

.กรกฏ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหน้าอก ซี่โครง เต้านม อาหารเป็นพิษ กระเพาะ ระบบทางเดินอาหาร

.สิงห์ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหัวใจ เส้นประสาท ความคิดเครียดวิตก กระดูกสันหลัง ชิ้นส่วนประกอบของกระดูกสันหลัง

.กันย์ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากตับ ลำไส้ ช่องทางเดินอาหารส่วนล่าง ระบบการย่อยและการขับถ่าย

.ตุล : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากไต ไส้ติ่ง เอว กระดูกสันหลังส่วนเอว ผิวหนัง

.พิจิก : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากกระเพาะปัสสาวะ อวัยวะสืบพันธ์ เชิงกราน น้ำดี ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก โรคซับซ้อนที่ยากต่อการรักษา

.ธนู : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากก้น สะโพก ต้นขา เส้นประสาท

๑๐.มกร : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากหัวเข่า ข้อต่อต่างๆของร่างกาย ขน เส้นผม

๑๑.กุมภ์ : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากช่วงขาด้านล่าง น่อง แข้ง ข้อเท้า กระดูก ฟัน การไหลเวียนของเลือด หูซ้าย

๑๒.มีน : โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดจากเท้า นิ้วเท้า การเดิน การทรงตัว อวัยวะรับน้ำหนัก เหงื่อ น้ำเหลือง

๑๙ กันยายน ๒๕๕๖


18 กันยายน 2556

คำพยากรณ์วันทั้ง ๗

๑.วันอาทิตย์ มีชีวิตชัดเจน ตรงต่อความรู้สึก มุ่งสู่ความสมบูรณ์พร้อม มุ่งมั่นกระทำ เด็ดเดี่ยว พลังงานแห่งชีวิต การเริ่มต้น กำลังกายกำลังใจ ควบคุม ชัดเจนตรงประเด็น มัอัตลักษณ์เด่นเฉพาะตัว รักเกียรติศักดิ์ศรี มีบุคลิกน่าประทับใจนเป็นตอน

๒.วันจันทร์ การจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง กำลังใจผันผวนไม่แน่นอน ยึดมั่นในคติส่วนตน มีสัญชาตญาณสัมผัสรับรู้ ฟื้นฟู ดูแล รักษา ช่วยเหลือ สะท้อนความเป็นตัวตน ความเข้าใจเปิดกว้าง อารมณ์มาพร้อมเหตุผล สมดุลแห่งชีวิต

๓.วันอังคาร หนักแน่นแข็งกร้าว มีกำลังวังชา จริงจัง ตรงไปตรงมา พุ่งตรงมุ่งมั่นกระทำ คล่องแคล่ว มีพลัง ขับเคลื่อน รุกรี้รุกรน ใจร้อน หลงเป็นพักๆ ทะเยอทะยาน กระตือรือร้น มีเป้าหมาย นักสร้างสรรค์(ประดิษฐ์,กระทำ)

๔.วันพุธ คิดแล้วแสดงออก สื่อสาร สื่อสัมผัส รับรู้เคลื่อนไหว เรียนรู้จดจำ ลอกเลียน เลียนแบบ ทักษะกระทำ ถ่ายทอด ว่องไว คล่องตัวรอบด้าน มิตรภาพสัมพันธ์ เหตุผล สติปัญญา ผันแปรเปลี่ยนแปลง ทันคนทันโลก ช่างคิดช่างทำ

๕.วันพฤหัสบดี มุ่งความเจริญ ความรู้ทางสติปัญญา พัฒนา มุ่งผลสำเร็จ ขยับขยาย เกี่ยวข้องกับโชคลาภ มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ สติกล้าปัญญาไว เอื้ออาทร ใจกว้าง รักความยุติธรรม ความสมส่วนมีเหตุมีผลของชีวิต เชื่อมั่นยึดถือ มีหลักคิดอุดมการณ์

๖.วันศุกร์ ความลงตัวของชีวิต ความกลมกลืน ผสมผสาน สอดคล้องต้องประสงค์ สะดวกสบาย สัมพันธภาพ มิตรภาพ เมตตาอารี สุนทรีย์นิยม แรงปรารถนา มีเสน่ห์ โชคทางการเงิน มีแรงบันดาลใจ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์

๗.วันเสาร์ รักอิสระส่วนตน สันโดษ ประสบการณ์ แก้ไข ดำเนินเรื่อง จริงจัง ป้องกัน รอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน เตรียมความพร้อม อำนาจ การเปลี่ยนแปลง มุ่งมั่นดังใจ เชื่องช้าค่อยเป็นค่อยไป ระเบียบ รักษาเวลา แบบแผนโครงสร้าง มั่นคง มองการณ์ไกล


๑๙ กันยายน ๒๕๕๖

คำพยากรณ์ ๑๒ เดือนไทย




คำพยากรณ์ ๑๒ เดือนไทย(สังเขป)


๑.เดือนอ้าย มีหลักความคิด เหตุผล รักครอบครัว มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ตรงไปตรงมา เป็นที่วางใจ เข้าใจเรื่องต่างๆ มุ่งปฏิบัติ ซื่อสัตย์ รักอิสระและความเป็นส่วนตัว มีเป้าหมาย มิตรภาพดี ใจกว้าง สุจริตใจ

๒.เดือนยี่ มั่นคง จริงใจ ตั้งมาตรฐาน มีเป้าหมาย ชีวิตส่วนตัวและสังคมสวนทางกัน นักวิจารณ์ รอบคอบ มีสติ คล่องแคล่วรวดเร็ว เป็นขั้นเป็นตอน มีวิธีการแก้ไขปัญหา ทะเยอทะยาน อนุรักษ์นิยม รอบรู้ หนักแน่น

๓.เดือน ๓ รักอิสระ มีความเป็นส่วนตัว ปรับประยุกต์ เปลี่ยนแปลง ซึมซาบรับรู้ แก้ไข ดัดแปลง สติปัญญาว่องไว หัวก้าวหน้า ความสามารถหลายด้าน ดื้อดึงแต่ยอมรับ ตรงไปตรงมา ใจกว้าง มีเชาวน์ปฏิภาณ ไหวพริบดี

๔.เดือน ๔ จริงใจ มีเหตุผล บริสุทธิ์ใจ มีมนุษยสัมพันธ์ กระตือรือร้น เป็นที่วางใจ มีมโนธรรม คิดด้วยปัญญา บุคลิกดี มีพรสวรรค์เฉพาะตัว ชอบความสงบและเย็นใจ อคติน้อย มักไม่ผูกโกรธ มีเชาวน์ปัญญา เป็นนักปฏิบัติที่ดี

๕.เดือน ๕ ธรรมชาติแห่งความมุ่งมั่น รวดเร็ว ใจร้อน ทะเยอทะยาน กล้าหาญ ฉลาดขาดเฉลียว(ไม่รอบคอบ) รักเสรีภาพ  ชอบความอิสระ ตรงไปตรงมา ใจกว้าง

๖.เดือน ๖ มั่นคง มีเสน่ห์ ดื้อรั้นดื้อดึง อดทน ช้า รอคอย อนุรักษ์นิยม มีขอบเขต รักความสงบสุข มิตรภาพแท้ มั่นใจ ยึดมั่นถือมั่น สุนทรียภาพ เก็บอารมณ์ มุ่งมั่น ใส่ใจ

๗.เดือน ๗ รับรู้เรียนรู้ไว ทันต่ออารมณ์ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ รู้จักปรับตัว เจรจาดี รวดเร็ว สมัยนิยม ช่างคิดช่างพูด เปลี่ยนแปลงง่าย โกรธง่ายหายเร็ว หลงใหลได้ปลื้ม เข้าคนง่าย

๘.เดือน ๘ ความรู้สึกไว สัมผัสรับรู้ อารมณ์เหนือเหตุผล เห็นคุณค่าทางจิตใจ การเดินทาง สงเคราะห์นิยม ดื้อรั้น อ่อนไหว สรรสร้างความราบรื่น ชอบสุนทรียรส เป็นที่ปรึกษา รับรู้เอาใจใส่ ไม่ทิ้งธุระ

๙.เดือน ๙ กล้าหาญ ทระนง บุคลิกน่าประทับใจ เป็นผู้นำ มีเสน่ห์ดึงดูด ทะเยอทะยาน มุ่งมั่น มีพลัง ภาคภูมิใจ บริสุทธิ์ใจ มุ่งมั่นกับการกระทำของตน คล่องแคล่ว สันทัด มุ่งเป้าหมาย รักอิสระ

๑๐.เดือน ๑๐ สันโดษ เป็นนักปฏิบัติ รักการเรียนรู้ ตั้งใจจดจ่อ ฉลาด รอบรู้ เห็นคุณค่า มีชีวิตชีวา มีทักษะเฉพาะตัว รู้ความลับความเป็นไป รอบคอบ มีเหตุผล ต่อเนื่อง รับผิดชอบ มีเป้าหมาย

๑๑.เดือน ๑๑ รู้เหตุรู้ผล ชอบความยุติธรรม มุ่งมั่นไม่ลดละ คิดไขปัญหา ฉลาดรู้ เข้าใจตัวตน อัตตา มนุษยสัมพันธ์ สันทัดเจรจา มีเสน่ห์ เป็นที่ประทับใจ บางครั้งจุกจิก สนใจในอารมณ์ ชอบช่วยเหลือ และมักได้รับความช่วยเหลือ

๑๒.เดือน ๑๒ น่าเชื่อถือ ซื่อสัตย์ เที่ยงตรง จริงใจ น่าค้นหา มองความเป็นไปยาก มั่นใจและกล้ากระทำ มีชีวิตตามแบบฉบับของตัวเอง แก้ไขปัญหา เรียนรู้ มุ่งประโยชน์ บางทีลึกลับเข้าใจยาก มีน้ำหนักทางคำพูด บุคลิกน่าเชื่อถือ

๑๘ กันยายน ๒๕๕๖