23 มิถุนายน 2556

งาน งาน งาน

กัลยาณมิตรผู้สนใจใคร่ศึกษาในโหราศาสตร์อันเป็นที่รักของฉันทุกท่าน ฉันเคยได้กล่าวไว้ในหลายข้อเขียนที่ผ่านมาถึงการศึกษาโหราศาสตร์ไทยอย่างเป็นระบบ ว่าอยากให้มีแนวทางการศึกษารูปแบบนี้เกิดขึ้น และให้ผู้ศึกษาได้เรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอน ไม่เกิดความกระจัดกระจายสะเปะสะปะ เอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่มีในโหราศาสตร์ต่างระบบมารวมกับโหราศาสตร์ไทย นอกจากจะทำให้เสียเอกลักษณ์แบบฉบับเฉพาะของโหราศาสตร์ไทยแล้ว ยังทำให้ผู้ที่ยังใหม่ต่อการศึกษาเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นคือโหราศาสตร์ไทยไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ฉันเองเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะการศึกษาโหราศาสตร์ประเดี๋ยวนี้มิได้ยากเย็นเหมือนสมัยก่อน แค่มีเงินทองซื้อหาหนังสือ หรือหาข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ก็สามารถที่จะศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง หลายครั้งที่ฉันพบเห็นคำถามแปลกๆ ตามกระดานสนทนา(เว็บบอร์ด) ถามระบบหนึ่ง ตอบระบบหนึ่ง แล้วก็เอออวยสำรวยรื่น ว่าผู้ที่ตอบนั้นมีความรู้ปานปราชญ์ราชบัณฑิตทางโหราศาสตร์มาตอบกระนั้นเทียว เห็นแล้วก็อ่อนใจ จะหวังพึ่งท่านเก่าๆ ท่านก็ไม่มาสนใจเพราะเหตุอย่างนี้แล้ว ลำพังตัวฉันเองกำลังความรู้สติปัญญาก็มีอยู่เพียงน้อยเท่าที่จดจำมา ใช้เท่าที่รู้ รู้เท่าที่ใช้ เจอท่านผู้มีประสบการณ์หาญกล้าที่ยึดมั่นถือมั่นในโหราลูกผสม ฉันก็เถียงเขาไม่ขึ้นแล้ว เรื่องนี้คงเป็นความฝันที่ต้องพับไปไว้ก่อน รอบุญมาวาสนามีพบท่านผู้แตกฉานเป็นผู้นำ ฉันก็จักได้ขอรับความรู้จากท่าน และช่วยท่านตามกำลังสติปัญญาความรู้เท่าที่มี เพื่อให้โหราศาสตร์ไทยอันเป็นเพชรน้ำเอกนี้ เป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับดังแต่เก่าก่อนมา
อารัมภบทตามอารมณ์เพ้อเสียนาน ท่านอ่านแล้วก็อย่าได้ใส่ใจ เพียงแต่รับรู้วางใจไว้เป็นกลางก็พอ ในคราวนี้เราจักได้มาพิจารณาดวงชะตาแบบพื้นฐาน (พื้นฐานฯ+ระบบฯ) เกี่ยวกับเรื่องราวของการทำมาหากิน หรือที่เรียกว่า อาชีพการงาน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก เพราะความเป็นอยู่จะต้องมีการงานเป็นสิ่งขับเคลื่อนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ฐานะความเป็นอยู่ ความมั่นคงในชีวิต ชื่อเสียงเกียรติยศ ล้วนเป็นผลมาจากการงานอาชีพทั้งสิ้น ฉะนั้นการพิจารณาดวงอาชีพการงานให้สอดคล้องเหมาะสมกับดวงชะตา จึงถือว่ามีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบสัมมาอาชีพเพื่อหวังจะได้ดิบได้ดีมีหลักฐานจากหน้าที่การงานนั้น  มาดูข้อมูลกำเนิดและรูปดวงของเจ้าชะตาที่เราจะพิจารณาดวงอาชีพการงานกันในครั้งนี้

เจ้าชะตาชาย สุริยคติกำเนิดวันพฤหัสบดี ที่ ๑๘ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๘ ตรงกับแรม  ๑๔  ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช ๑๓๔๗ เวลา ๑๙.๕๕ น. กรุงเทพมหานคร อายุ ๒๘ ย่าง ๒๙ ปี
เจ้าชะตาประสงค์จะทราบในเรื่องของดวงกิจการงานว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เลือกอาชีพใดดีจึงจะเหมาะสมกับดวงชะตา โดยตอนนี้ได้เข้ารับการสัมภาษณ์และมี ลักษณะเนื้องาน ให้เลือกอยู่ ๒ อย่าง คือ                
          ๑.การตลาด เกี่ยวกับการดูแลลูกค้า หัวหน้าเป็นผู้ชายรูปร่างท้วม
๒.แผนกพัฒนาธุรกิจ หัวหน้าเป็นผู้หญิง หัวหน้าใหญ่เป็นลูกครึ่ง
          เจ้าชะตาอยากทราบดวงการงานว่าสมควรจะเลือกงานแบบใดในตอนนี้ ?
          ปัจจุบันนี้ต้องกล่าวว่าเรื่องของอาชีพการงานนั้นมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมาเป็นอันมาก สมัยก่อนอาชีพเต้นกินรำกินมักได้รับการดูถูกว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า ร่อนเร่พเนจร ไม่มีความแน่นอนมั่นคง แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นว่าใครเต้นได้รำสวยถือว่ามีความสามารถพรสวรรค์ ทั้งยังนำไปประกอบเป็นอาชีพได้อีกด้วย ถึงขนาดมีสถาบันที่สอนการร้องเล่นเต้นรำหลายแขนงกันเลยทีเดียว รวมไปถึงอาชีพอื่นที่มิได้ถือเป็นหลักในสมัยก่อน ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาชีพในสังคมยุคปัจจุบัน ทำให้การพิจารณาดวงอาชีพการงานนั้นเป็นไปได้หลากหลาย รวมถึงทิศทางการงานของเจ้าชะตา ที่บางคนอาจมีอาชีพเดียวตลอดทั้งชีวิต บางคนเปลี่ยนแปลงไปหลายอาชีพ กระนั้นยังไม่นับถึงความมั่นคงในชีวิตที่ได้รับจากอาชีพการงานดังที่กล่าว ว่าจะมีความมั่นคงหรือไม่ประการใด เหตุนี้การดูดวงการงานจึงจำเป็นที่จะต้องทราบ ลักษณะเนื้องาน ที่บ่งไว้ในพื้นดวงว่าสมควรจะประกอบการงานไปในลักษณะใดเพื่อให้มีความสอดคล้องกับดวงชะตา ฉะนั้นเวลาที่มีคำถามจากเจ้าชะตาเกี่ยวกับอาชีพหน้าที่การงาน เราจึงสามารถพิจารณาได้ว่าเขาสมควรทำงานที่เกี่ยวกับอะไร หรือหากประกอบอาชีพการงานแล้ว เราก็จะทราบถึงความมั่นคงหรือเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับดวงการงานของเจ้าชะตาได้
          จากพื้นดวงของเจ้าชะตาลัคนาอยู่ในราศีตุล จึงมีราศีกรกฏเป็นเรือนกัมมะและ ๒ เป็นเจ้าเรือนกัมมะ อาชีพการงานที่บ่งไว้มีหลากหลายลักษณะ เด่นๆจะว่ากันด้วยงานด้านบริการต่างๆ (๒=บริการ,ดูแล,รักษา,หล่อเลี้ยง) เช่น การรักษาพยาบาล การท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับ นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ งานเกี่ยวกับทางน้ำ(กรกฏ=ธาตุน้ำ) เช่น ชาวประมง นักเดินเรือ ทหารเรือ ขายน้ำดื่มเครื่องดื่ม การขนส่งทางน้ำ ฯลฯ ซึ่งจะเห็นว่าชนิดประเภทของงานนั้นมีมาก เจ้าชะตาจะประกอบอาชีพใดแล้วเกิดความเจริญรุ่งเรืองก็หารู้ได้ไม่ ถึงตรงนี้จึงทำให้เห็นถึงความสำคัญของ ลักษณะเนื้องาน แล้วจึงนำไปบ่งชี้ถึงชนิดประเภทที่สอดคล้องกับลักษณะเนื้องานดังกล่าวของเจ้าชะตาอีกทีหนึ่ง
          ๒ เจ้าเรือนกัมมะสถิตเรือนอริ ร่วมกับ ๔ เจ้าเรือนศุภะ,วินาส และ ๖ เจ้าเรือนตนุ,มรณะ ได้ความหมายเลาๆว่า มักมีอุปสรรคเกี่ยวกับการทำงาน(๒ กัมมะ-อริ) เป้าหมายไม่ประสบความสำเร็จ ขาดความมั่นคง เปลี่ยนงานบ่อยเบื่องานง่าย(๔ ศุภะ,วินาส-อริ) ขาดความราบรื่นคล่องตัว ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งยื้อแย่งแข่งขัน ล้มเลิกล้มเหลวในหน้าที่การงาน(๖ ตนุ,มรณะ-อริ) การงานมักมีความเปลี่ยนแปลง ขึ้นๆลงๆ ผันผวนแปรปรวน(มีน = อริ-ปลายธาตุน้ำ)
          จากการพิจารณาจะเห็นว่าดาวศุภเคราะห์ที่บ่งถึงความราบรื่นถึงสามดวง คือ ๒ ๔ ๖ เข้าไปสถิตในเรือนทุสถานะ ทำให้ได้ภาพความหมายเกี่ยวกับดวงการงานที่ไม่ค่อยจะดีนัก การพิจารณาหาลักษณะเนื้องานเราก็ดูจากจุดนี้ บางท่านอาจค้านได้ว่าในเมื่อภาพความหมายมันไม่ดีแล้วจะนำมาเป็นลักษณะเนื้องานได้อย่างไร ก็ต้องตอบว่า ได้ เพราะเราพิจารณาด้วยโหราศาสตร์ไทยโบราณ ซึ่งมีหลักการพยากรณ์อันหนึ่งที่พึงสมควรนำมาใช้ คือการอ่านดวงแบบ เสริมกัน เอามาปรับภาพความหมายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการกระทำความเป็นจริงในชีวิตของเจ้าชะตา
          ในเมื่อ ๒ เจ้าเรือนกัมมะสถิตในเรือนอริทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่การงาน การพิจารณาแบบ เสริมกัน ก็คือ เมื่อเจอปัญหาต้องแก้ไข อันเป็นเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของ ๒ อยู่แล้ว (๒=หล่อเลี้ยง,ดูแล,รักษา(ซึ่งก็มีความหมายถึงการแก้ไข,ปกป้อง,ป้องกัน)) การแก้ไข ตรงนี้ถือว่าเป็นความหมายหลักที่จะขยายไปสู่ความหมายที่เกี่ยวข้อง โดยอ่านความหมายภาพรวมออกมาเลาๆ ก่อนว่า เจ้าชะตาจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ไข(๒-อริ = ดูแล,รักษา,แก้ไข,ปกป้อง) การงานที่มีความท้าทาย ยุ่งยาก มากไปด้วยปัญหาอุปสรรค(กัมมะ-อริ) โดยใช้สติปัญญาความรู้ความสามารถเฉพาะตัวในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยให้ประสบความสำเร็จเป็นคราวๆไป(๔ ศุภะ,วินาส-อริ) และตัวเจ้าชะตาจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างปัญหาและความสำเร็จให้เป็นที่พึงพอใจ (๖ ตนุ,มรณะ-อริ) โดยการรู้วาระจังหวะที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส(มีน-อริ-ปลายธาตุน้ำ)
เมื่อเห็นภาพความหมาย ลักษณะเนื้องาน ดังนี้จักทำให้เราเห็นภาพชนิดประเภทอาชีพการงานของเจ้าชะตาได้อย่างชัดเจน จากตัวตั้งที่ว่า มีปัญหาต้องแก้ไข และยังยึดตัวยืนเพื่อตีวงความหมายให้แคบลง ก็คือการพิจารณาจาก ๒ เจ้าเรือนกัมมะ งานด้านบริการต่างๆ นั้นเอง เพียงแต่ว่าเป็นบริการในส่วนของการแก้ไขให้ร้ายคลายกลับดี เรียกว่ายกประเด็นเห็นชัดในอาชีพการงานที่เหมาะสมสอดคล้องกับเจ้าชะตากันเลยทีเดียว เช่น หมอ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ผู้พิพากษา ทนายความ จิตแพทย์ งานสาธารณะสงเคราะห์ ช่างซ่อมต่างๆ ธุรกิจอะไหล่ต่างๆ จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วย อุปกรณ์การแพทย์ ฯลฯ หรือจะเป็นอาชีพใดที่สอดคล้องกับภาพความหมายตามตัวตั้งของเรา มีปัญหาต้องแก้ไข นั้นเอง
คราวนี้มาว่ากันด้วยโจทย์ของเจ้าชะตาคือการเลือกอาชีพการงานที่เหมาะสม ตามคำถามรูปแบบงานมีสองประเภทคือ     
                     ๑.การตลาด เกี่ยวกับการดูแลลูกค้า หัวหน้าเป็นผู้ชายรูปร่างท้วม
  ๒.แผนกพัฒนาธุรกิจ หัวหน้าเป็นผู้หญิง หัวหน้าใหญ่เป็นลูกครึ่ง
          ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับงานที่เจ้าชะตาให้มาเพียงน้อยไม่พอต่อการพิจารณาได้อย่างละเอียด ตามประเด็นหลัก มีปัญหาต้องแก้ไข เพราะไม่ว่าจะเป็นงานใดก็ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขทั้งสิ้น จากโจทย์ที่จะให้เลือกคำตอบนั้น ก็พอจะมองเห็นคำตอบได้ว่าอาชีพการงานของเจ้าชะตาน่าจะมีแนวโน้มไปทางข้อ ๑.การตลาด เกี่ยวกับการดูแลลูกค้า มากกว่า เพราะเราได้ภาพความหมายทางกัมมะที่กว้างมาแล้ว จากนั้นตีวงจำกัดภาพความหมายให้แคบจำเพาะลงจาก ๒ เจ้าเรือนกัมมะ อันเน้นเรื่องงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการ(แก้ไขปัญหา)นั้นเอง (ดวงการงาน = ลักษณะเนื้องาน + กัมมะสัมพันธ์[ราศี,ดาว,เรือน,ธาตุ])
          อาชีพการงานนั้นหากประกอบอยู่ในสัมมาอาชีพเป็นที่ตั้งด้วยความสุจริต ทำแล้วอย่าได้ท้อถอย คนเก่าๆ โบราณถึงได้สอนลูกหลานไว้ว่า ทำงานอย่าได้รู้เข็ดหลาบ คือให้มีความตั้งอกตั้งใจเพียรพยายามในงานที่ทำนั้นไว้ ถึงจะล้มก็ให้ลุกขึ้นมาสู้อย่าได้ท้อถอย ทำต่อด้วยใจตั้งมั่นพิสูจน์ให้รู้ว่า ค่าของคน คือผลของงาน นั้นเป็นอย่างไร และยังเป็นเครื่องวัดศักยภาพของตนเอง ว่ามีความเก่งเพ่งเพียรมานะพยายามอดทนในการทำงานมากน้อยแค่ไหน เรียกว่าต้อง เอาดีให้ได้ ไม่ใช่ประเภท หาดีไม่ได้ , หาได้ไม่ดี หรือ ไม่มีดีที่จะหาได้ ตรงนี้จึงขอฝากเป็นกำลังใจไว้ให้เราท่านทั้งหลายอันเป็นผู้ประกอบอาชีพการงานได้มีขวัญกำลังใจที่จะมุ่งมั่นทำงานต่อไปเพื่อความสำเร็จของชีวิตทั้งในวันนี้และวันหน้า
          ท้ายที่สุดแห่งบทความนี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ราบรื่น รุ่งเรือง ร่ำรวย มีความแตกฉานในโหราศาสตร์ เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยกันถ้วนทั่วทุกท่านเถิด .

โดย ธีรพร  เพชรกำแพง
๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖

10 มิถุนายน 2556

พิจารณาดวงไทยแบบโบราณ ๑

พิจารณาดวงไทยแบบโบราณ ๑
          กัลยาณมิตรอันเป็นที่รัก ห่างหายกันไปนานกับการพิจารณาดวงชะตาบุคคลด้วยวิชาโหราศาสตร์ไทย เพราะสุขภาพร่างกายที่มีโรคภัยเบียดเบียน ทุกขเวทนาทางกายคอยรุมเร้าทรมานกับกายสังขารที่เป็นรังแห่งโรคนี้ จนเป็นอุปสรรคต่อการทำกิจต่างๆ โดยเฉพาะงานในหน้าที่ซึ่งตอนนี้ใจหนึ่งก็เป็นห่วงอย่างมาก เสมือนทำงานได้ไม่เต็มที่เต็มความสามารถ แต่ก็ด้วยผู้บริหารและผู้บังคับบัญชายังให้ความเมตตา จึงได้พักรักษาตัวให้มีอาการดีขึ้น ซึ่งก็ทุเลาเบาบางลงไปบ้างอย่างเนิ่นช้า เป็นเหตุให้ระลึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ถือว่าเป็นความสัจจริงนัก คนเรานั้นหากไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนเสียแล้ว ความคล่องตัวในการประกอบกิจต่างๆ ย่อมมีความสำเร็จโดยง่าย แต่กระนั้นฤๅ..ใครบ้างเล่าที่ไม่เจ็บไม่ป่วย? หมอที่เก่งสักปานใดรักษาโรคหิวได้หรือไม่? หมอที่เก่งสักปานใดรักษาโรคตายได้ไหม? นี่ก็เป็นข้อที่น่าจะครวญคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดความปลงในทุกข์จากความเป็นไปในโลกียวัฏฏสงสารนี้ได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน
          อารัมภบทมาเสียมาก คราวนี้มาเข้าเรื่องการพิจารณาดวงชะตาด้วยวิชาโหราศาสตร์ไทย ต่อเมื่อได้เกริ่นไปถึงเรื่องสุขภาพโรคภัยไข้เจ็บวันนี้ก็คงจะไม่หมดไม่สิ้น มาเข้าสู่การพิจารณาดวงไทยแบบโบราณซึ่งท่านมีหลักเกณฑ์เหตุผลในการใช้อ่านดวงชะตาอยู่หลายรูปแบบ ในครั้งนี้ขอยกเอามาสักอย่างหนึ่งพอเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังตามประสาผู้สนใจใคร่รู้โหราศาสตร์ไทย
ข้อมูลกำเนิดของเจ้าชะตานั้นเป็นเพศหญิง สุริยคติกาล วันศุกร์ ที่ ๑๖ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑  เวลา ๐๘.๕๗ น. กรุงเทพมหานคร จันทรคติกาล วันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน  ๕  ปีชวด จุลศักราช ๑๓๑๐ เฉลิมรูปดวงได้ดังนี้



          การพิจารณาดวงชะตาในครั้งนี้ จะได้นำเอา ตนุเศษ เข้ามาร่วมใช้เป็นหลักในการตั้งเรือนใช้ดาวเกษตรเรือนในไปลอยอยู่ในเรือนนอกชั้นหนึ่ง ให้มีความสัมพันธ์กับดาวเกษตรเรือนในด้วยกันชั้นหนึ่ง และให้มีความสัมพันธ์กับเรือนลัคนาและเรือนตนุลัคน์อีกชั้นหนึ่งด้วย สมอภิเปรยเอ่ยอ้างถึงท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ที่ว่าการพิจารณาดวงชะตานั้นต้องดู ๓ ขา คือ ลัคนา ตนุลัคน์ และตนุเศษ ทำให้นึกไปถึงกระถางธูปของคนจีนที่มีสามขา หากขาใดขาหนึ่งหักไปกระถางก็จะล้มลงทันทีโดยที่สองขาที่เหลือนั้นมิอาจพยุงไว้ได้ ความนี้ท่านเปรียบสำคัญเป็นมั่นถึงการพิจารณาดวงแบบ ๓ ขาดังกล่าว ว่าจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ เป็นกิจที่นักพยากรณ์ทั้งหลายพึงศึกษาให้ละเอียด รอบคอบ และแตกฉานในการใช้ ส่วนในสายของฉันท่านเรียกว่า ขัดตาเรือน โดยมีจุดกำเนิดดั่งดวงสามขานี้แล้วจึงตั้งเรือนพิจารณาหาเอาความหมายได้กว้างขึ้นและขัดลง(พิจารณา)ให้จำเพาะสอบเข้ากับเรื่องราวของเจ้าดวงชะตา
          เพื่อมิให้พูดพล่ามอารัมภบทไปมากกว่านี้ ขอเข้าเรื่องเพื่อให้เห็นเนื้อวิชาอันเป็นบาทของการพิจารณาตามที่โหรโบราณท่านเก่าๆ ได้ใช้กันมา ดังดวงชะตานี้มี อาทิตย์เป็นตนุเศษอยู่ราศีเมษ(อุจ) ตนุเกษตรคืออังคาร ไปสถิตอยู่ที่ราศีกรกฏ(นิจ) ในเรือนสหัสชะลัคน์ ตนเองมีความก้าวหน้าสำคัญแต่เสียไปด้วยวงสังคมที่ตนมีคนรายล้อมทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง ทำบุญทำคุณคนไม่ขึ้น อุปถัมภ์ช่วยเหลือเลี้ยงดูผู้คนไม่ได้ มักจะมีเหตุเสื่อมเสียเพราะบุคคลเหล่านั้น โดยที่ฝ่ายเจ้าชะตาเองเสียเปรียบและก็เป็นฝ่ายยอมเพื่อให้ผ่านพ้นเสียทุกครั้งไป ข้อนี้จึงเป็นประสบการณ์สั่งสมหล่อหลอมตัวของเจ้าชะตาเป็นอย่างดี ในที่นี้อังคารยังร่วมเสาร์เจ้าเรือนกัมมะเกษตร(ประ) กล้าแข็งขยันทายอังคาร อังคารร่วมเสาร์(ประ)เจ้าเรือนการงาน เจ้าชะตาจึงมีความขยันมุมานะอดทนในการทำกิจการงาน แม้การื้อวิชาการพิจารณาแบบที่บางตั้งเรือนพิจารณาหาเอาความหมายที่กว้างงานนั้นจะให้ผลทีละน้อยในระยะยาว ประกอบกับความผันผวนขึ้นๆลงๆ มีความเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน มีการกลั่นแกล้งเบียดเบียนในอาชีพ เจ้าชะตาก็ยังมีความอดทนมุมานะแข็งขันดันหน้าไปเรื่อย มือเท้าสติปัญญาของตนเป็นกำลังหวังพึ่งจมูกคนอื่นมาหายใจได้ยาก เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่งลักษณาการดังกล่าวเริ่มให้คุณ เจ้าชะตาจึงมีความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ด้วยดาวคู่นี้ส่วนหนึ่ง (อังคารร่วมเสาร์ในพันธุเกษตร=การมุ่งกระทำเพื่อผลความมั่นคงระยะยาวในชีวิต ครอบครัว ฐานะ ความเป็นอยู่)
          พิจารณาศุกร์อันเป็นกดุมภะเกษตรสถิตราศีพฤษภ(เกษตร) เป็นเจ้าเรือนตนุลัคนา เจ้าชะตามีความต้องการและตั้งใจเป็นกำลังในการแสวงหาเงินทองที่ดินทรัพย์สินรายได้ต่างๆ เพื่อให้เกิดมั่นคงในชีวิตจากวันเริ่มต้นจนถึงวันประสบความสำเร็จของชีวิตในระดับหนึ่ง แม้จะมีคู่เรียงเคียงหมอนแต่ก็มีอุดมการณ์ในการทำมาหาได้เป็นของตนเอง ดีมิดียังต้องจูงจมูกคนอื่นให้เดินตามเสียด้วยซ้ำ หนักหน่วงแต่ก็อดทนเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายโดยมิเกิดความย่อท้อ(มีวิสัยทัศน์สู้ชีวิตแบบคนหัวโบราณ) ลำบากเสียคราวหนึ่งก่อนแล้วจึงมีความราบรื่นคล่องตัวตามมาในภายหลัง เมื่อเข้าที่อับคับที่จนจะมีหนทางแก้ไปหรือบุคคลเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่เจ้าชะตามักเกรงใจเป็นอันมากต้องการยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้ มากกว่าที่จะยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ (อย่าลืมว่า อาทิตย์ เป็นตนุเศษ)
          แล้วทีนี้มาพิจารณาหลักฐานความมั่นคงของชีวิตเจ้าชะตา พิจารณาดูที่ พันธุ อันหมายถึงความมั่นคงของชีวิตที่ตนได้กระทำสั่งสมเพียรพยายามสร้างหาหรือของเก่ามีมาให้ต่อยอดในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว บ้านเรือน สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ฯ มีอังคาร(นิจ)มาจากเรือนตนุและมรณะทางตนุเศษ เจ้าชะตามีความเพียรมากขึ้นกว่าคนอื่นหลายเท่ากว่าจะได้มาซึ่งความมั่นคงของชีวิต ด้วยความลำบากเหน็ดเหนื่อย การกระทำที่ต้องลงแรงต่อสู้ฝ่าฟัน พร้อมกันนั้นยังทีเสาร์(ประ)จากเรือนกัมมะเกษตร การกระทำดังกล่าวนั้นเจ้าชะตาต้องอาศัยความอดทนในการกระทำสิ่งลงทุนลงแรงมาก แต่ได้ผลกลับมาน้อย มีอารมณ์ความจริงจังมุ่งกระทำในสิ่งที่ตนตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างไม่วางธุระ พิจารณาเจ้าเรือนพันธุเกษตรคือ จันทร์ สถิตอยู่เรือนสหัสชะเกษตรร่วมกับมฤตยู เจ้าชะตามีรูปแบบการปรับเปลี่ยนพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็มีความผันผวนขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา พลิกแพลงตามจังหวะทีละน้อย เมื่อเห็นช่องทางดีแล้วจึงมุ่งเฉพาะหน้าให้มีความมั่นคงสั่งสมไป พอถึงตามช่วงวัยช่วงอายุที่เหมาะสม สิ่งที่เรียกว่าเป็นหลักฐานหลักทรัพย์นั้นเกิดมีขึ้นทีละก้าว ตั้งใจอะไรไว้ต้องได้ด้วยความเพียรพยายามไม่ลดละแม้จะล้มเหลวก็ลุกหันกลับมาสู้ใหม่ แม้ไม่มีใครให้ความสนับสนุนส่งเสริมในคราวแรก เมื่อบ้างท้ายมีผู้ให้ความส่งเสริมอุปถัมภ์ เหตุเพราะเอกลักษณะของความตั้งใจจริงนั้นเอง ตรงนี้หากเห็น อังคารและเสาร์ เป็นคู่ศัตรูและตกสถานภาพคือเป็นประเป็นนิจ แล้วอ่านความหมายเข้ามาทำลายฐานะความเป็นอยู่คงมิใช่ความหมายที่ตรงประเด็นสักเท่าไรนัก แม้จะเป็นความจริงอยู่บ้าง แต่โหราศาสตร์ไทยโบราณเราอ่านในลักษณะ เสริมกัน มิได้อ่านในลักษณะเชิง หักล้าง เพราะจะทำให้ตันความหมายได้ง่ายและไม่ค่อยจะตรงกับความเป็นจริงของชีวิตทั้งหมด จึงต้องพิจารณาให้มากในการพยากรณ์ในทางที่เสริมกัน อย่างดวงนี้เมื่อช่วงวัยผ่านไปมากความมั่นคงในชีวิตย่อมมีมากขึ้นตามกาลเวลา หากอ่านในเชิงหักล้างเจ้าชะตาคงมิได้มีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงในชีวิตเป็นแท้ การอ่านในเชิง เสริมกัน ตามหลักโหราศาสตร์ไทยนี้จึงต้องตระหนักไว้ให้มาก
          ต่อไปพิจารณาดวงคู่ครองของเจ้าชะตา ดูที่ปัตนิเกษตรคือดาวศุกร์ ไปสถิตเป็นกดุมภะตนุเศษ และสถิตกุมลัคนาเดิม เจ้าชะตาได้คู่ครองที่มีฐานะดี หรืออีกอย่างคือได้คู่ครองที่เสริมส่งร่วมกันแสวงหาทรัพย์สินความมั่นคงของชีวิตเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าชะตา ศุกร์ปัตนิเกษตรนี้ยังเป็นดาวบริวารกุมลัคนา เจ้าชะตาจึงมีความเกี่ยวข้องดูแลความเป็นครอบครัวในการตัดสินใจหรือประเมินสิ่งใดที่จะลงมือกระทำ ที่จะได้ที่จะมี เรียกว่าเป็นผู้จัดการความเป็นอยู่ดูแลความเรียบร้อยของครอบครัว ปัตนิเดิมคืออังคาร(นิจ)และเป็นเจ้าเรือนวินาสเดิมด้วยในเรือนสหัสชะ ร่วมเสาร์(ประ)เจ้าเรือนศุภะ ความหนักเหนื่อยในหลายเรื่องไม่เป็นไปตามเป้าหมายของชีวิต จึงปรากฏให้เจ้าชะตามีความรับผิดชอบมากกว่าคู่ครอง แล้วในช่วงเวลาหนึ่งความเป็นคู่ครองนั้นต้องแยกทางกันไป(๗ และ ๓ คู่แตกแยก,ในความสัมพันธ์(สหัสชะ))
          หน้าที่การงานคือเสาร์(ประ)กัมมะเกษตร สถิตเรือนพันธุตนุเศษ ร่วมอังคาร(นิจ)เป็นตนุเกษตรและมรณะเกษตร การงานเป็นที่หนักเหนื่อยมีอุปสรรคปัญหาให้ได้แก้ไขทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว มีล้มลุกคลุกคลานเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้งหลายครากว่าจะตั้งตัวขึ้นได้ มาดูทางลัคนากันบ้าง เจ้าเรือนกัมมะคือราหู(เดิมในสายของฉันใช้เสาร์ลมเป็นเกษตรราศีกุมภ์ตามอย่างพ่อทวด ต่อมารับเอาราหูมาใช้ตามมติของคณาจารย์โหรหลายท่าน เห็นว่าผลการพยากรณ์เป็นที่พอใจจึงนำมาใช้เรื่อยมา) สถิตวินาส ส่งผลย้ำเรื่องของความผกผันเปลี่ยนแปลงในเรื่องการงาน ร่วมอาทิตย์(อุจ)อันเป็นเจ้าเรือนพันธุและเป็นตนุเศษด้วย และพุธเจ้าเรือนกดุมภะและปุตตะ เรื่องของหน้าที่การงานจึงมีความเปลี่ยนแปลงด้วยอุปสรรคปัญหา ส่งผลต่อความเป็นอยู่รายได้การจับจ่ายใช้สอย พิจารณาราหูเป็นฉายาเคราะห์ที่มีความหมายทางด้านการประยุกต์เปลี่ยนแปลง(๘) ด้วยความรู้ความสามารถทักษะเฉพาะด้านหรือความถนัดของตนเอง(๑+๔) จึงผลักดันให้เจ้าชะตาต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคหนักหน่วงนานาประการกว่าจะตั้งหลักฐานมั่นคง
เราจะเห็นได้ว่าความหมายในเชิงพยากรณ์ทางลัคนาและตนุเศษนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันเป็นเอกลักษณ์ของโหราศาสตร์ไทยโบราณที่ใช้การอ่านแบบ เสริมกัน ทำให้ได้ภาพความหมายที่มีความชัดเจนและสามารถขยายต่อยอดออกไปได้ทั้งในเชิงกว้างความหมายกลางๆและในเชิงลึกคือความหมายเชิงจำเพาะเจาะจงลงไปตามเรื่องราวที่เราประสงค์จะทราบ ซึ่งการอ่านแบบ หักล้าง กันนั้น ความหมายที่ได้ดูเหมือนจะชัดเฉพาะ แต่เมื่ออ่านต่อไปเรื่อยๆ ความหมายเกิดความขัดแย้งกัน ส่วนหนึ่งดีส่วนหนึ่งร้ายความหมายค้านกันเอง ไม่รู้จะตัดสินความหมายออกมาเป็นคำพยากรณ์อย่างไร จนในที่สุดก็ ตัน ความหมายขยายต่อไปไม่ได้ ต่างจากการอ่านความหมายแบบ เสริมกัน ซึ่งให้ภาพความหมายได้ชัดเจนกว่าทั้งในด้านดีและด้านร้าย บางท่านเข้าใจว่าการอ่านเสริมกันนั้นความหมายจะต้องออกมาดีอย่างเดียว ซึ่งความจริงความหมายนั้นมีทั้งด้านดีและด้านร้าย แต่สามารถสืบเสาะความหมายขยายออกไปได้ ไม่เป็นคำตอบชนิดกำปั้นทุบดิน ที่ว่าดีนั้นดีอย่างไร ที่ว่าร้ายนั้นร้ายอย่างไร มีสิ่งใดเป็นมูลความหมายที่จะพยากรณ์ออกมาได้ เอกลักษณ์นี้จึงเป็นการอ่านดวงชะตาที่ยกเป็นศิลปะการพยากรณ์เลยทีเดียว ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทั้งหลายจึงจำเป็นต้องฝึกฝนการอ่านความหมายในเชิง เสริมกัน นี้ให้มีความคล่องตัวและถนัดในการใช้ เมื่อเห็นรูปดวงก็จะทำให้ทราบความเป็นไปของเจ้าชะตาได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะพิจารณารายละเอียดต่างๆ ลงไป เป็นการสร้างความประทับใจเบื้องแรกให้มีขึ้นระหว่างผู้มาขอรับการพยากรณ์ได้อย่างดี มากกว่าที่จะเห็นนักโหราศาสตร์เพ่งพินิจพิจารณาตั้งแต่ขั้นวางปูมดวง จนถึงการอ่านรูปดวงเพื่อหาความหมายในใจอันเป็นเวลานาน ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่านักพยากรณ์ ทรงภูมิ หรือ อมภูมิ หรือนิ่งโด่เป็น ศาลพระภูมิ กันแน่(ฮา)
          ท้ายที่สุดแห่งบทความนี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ราบรื่น รุ่งเรือง ร่ำรวย มีความแตกฉานในโหราศาสตร์ เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยกันถ้วนทั่วทุกท่านเถิด .

ธีรพร  เพชรกำแพง
๙ มิถุนายน ๒๕๕๖



          

ดาวหลายดวงในราศีเดียวกัน

ดาวหลายดวงในราศีเดียวกัน
โดย ธีรพร  เพชรกำแพง
๘ มิถุนายน ๒๕๕๖

          การพิจารณาดาวหลายดวงที่ร่วมราศีเดียวกัน ทำให้ผู้ศึกษาโหราศาสตร์สงสัยอยู่เสมอว่าดาวตั้งหลายดวงจะประสมออกมาเป็นความหมายเชิงพยากรณ์ได้อย่างไร ทั้งความเป็นคู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาตุ ซ้ำยังสวมบทบาทเจ้าเรือนในระบบเรือนชะตา รวมไปถึงว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์กับชีวิตจริงดาวใดเป็นดาวเจ้าการ ฯ เรียกว่าหลายเรื่องจิปาถะที่จะต้องนำมาพิจารณา ผู้ศึกษาบางท่านให้ความหมายแบบกำปั้นทุบดิน เสมือนเอาดาวมาใส่ครกตำผสมรวมกันไป ซึ่งความจริงท่านเก่าๆได้สอนไว้ในเรื่องดาวหลายดวงในราศีเดียวกัน คือต้องรู้จักการวิเคราะห์(แยกแยะ)และสังเคราะห์(รวมเข้า) ทีละดาวทีละดวงตามเรื่องราวที่จะต้องพยากรณ์นั้น (เรื่องราว = วิเคราะห์ + สังเคราะห์)
ส่วนเรื่องการประสมความหมายดาวหลายดวงในราศีนั้น เปรียบเสมือนเป็นหลักรองลงมาเพื่อให้การพิจารณามีน้ำหนักสมเหตุสมผลไปตามเรื่องราวที่พยากรณ์ โดยพิจารณาว่าดาวแต่ละดวงอยู่ในราศีนั้นให้ความหมายอย่างไร เมื่อนำมาประสมกันแล้วสมควรที่จะได้สาระความหมายอย่างไร และที่สำคัญคือเราจะต้องมีดาวเจ้าการเป็นตัวตั้ง แล้วจึงประสมขยายไปสู่ดาวอื่นเพื่อให้ได้ความหมาย ฉะนั้นเมื่อเปลี่ยนดาวเจ้าการแล้วประสมขยายสู่ดาวอื่น ก็จะได้ความหมายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วยเช่นเดียวกัน
อิทธิพลของดาวราศีเดียวกันนั้น มีผู้กล่าวว่าเป็นดวงที่ดูยาก แท้จริงแล้วมิใช่ตามที่พูดปัดความเข้าใจทิ้งไป หากพิจารณาดวงชะตาตามที่เกริ่นไว้แล้วข้างต้นย่อมจะไม่ประสบปัญหาเลย และจะเห็นได้ว่าเมื่อเราสอบความหมายก็ยังต้องโยงไปตามเรื่องราวที่จะพยากรณ์นั้นอยู่ตลอด (เรื่องราว = ดาวเจ้าการ + ดาวที่เป็นบริบทเกี่ยวข้อง) ส่วนที่ว่าดวงประเภทนี้เวลาขึ้นก็ขึ้นแรง ลงก็ลงแรงนั้น เมื่อคิดตามด้วยใจเป็นกลางแล้ว จะเห็นว่าดวงที่มีดาวกระจายราศีอยู่ ชีวิตก็ผกผันขึ้นแรงลงแรงได้เหมือนกัน คำว่า แรง ในที่นี้สมควรจะหมายถึงราศีที่ดาวหลายดวงนั้นสถิตอยู่ อาการที่ว่าแรงเพราะดาวที่มาสถิตมีปัจจัยมากระทบมาก เช่น ดาวลอยในราศี ความเป็นเจ้าเรือน เจ้าการเรื่องราว ฯ และบทบาทของตัวดาวเอง

ขอยกตัวอย่างการพิจารณาดาวหลายดวงสถิตในราศีเดียวกัน เพื่อเป็นการทราบชัดเห็นจริงตามที่ได้อธิบายไว้
          ตามรูปดวงจะเห็นว่าราศีพฤษภมีดาวสถิตร่วมกันอยู่ถึง ๔ ดวง คือ อาทิตย์(๑) พุธ(๔) ศุกร์(๖) และเสาร์(๗) พึงพิจารณาความหมายของราศีแล้วตามด้วยความหมายดาวที่สถิตอยู่ในราศีนั้น
          พฤษภ .. สิ่งที่ต้องมี จึงมีความหมายว่า สั่งสม สะสม อดทน แสวงหา รูปธรรม เงียบเอาเชิง อนุรักษ์นิยม  เพื่อให้ได้มี และในที่นี้เป็นเรือนกรรมะอันหมายถึง การกระทำ หน้าที่ ภารกิจ อาชีพ การงาน ความรับผิดชอบ ความสามารถ การศึกษาต่อยอดการกระทำ บทบาทแห่งการกระทำ ตำแหน่ง ยศ สถานะ การกระทำที่แสดงออกได้ชัด(ปัจจุบันกรรมต่อเนื่อง) สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่
          พฤษภเป็นกรรมะ ประกอบกิจใดจะต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจ มั่นใจ วางใจ ในความมั่นคงปลอดภัยจากการเสี่ยงกิจการงานนั้น
ดาวสถิตราศี
อาทิตย์ คือ พลังงานพื้นฐานเดิมของชีวิตและจิตวิญญาณ สถิตพฤษภ หมายถึง อดทน สงบ จดจ่อ มุ่งมั่น ตั้งใจ
พุธ คือ ชวนญาณ(สติปัญญาเฉพาะหน้า) การคิดการเข้าใจ การแสดงออกทางวัจนะและอวัจนะภาษา การปรับตัว การสังเกต จดจำลอกเลียน สถิตพฤษภ หมายถึง ระมัดระวัง ระแวงผลในคำพูด,การแสดงออก หากไม่มั่นใจแท้จริงไม่กล้าแสดงทัศนะมาก (การแสดงออกที่เนิ่นช้า)
ศุกร์ คือ ความปีติยินดี ปรารถนา อารมณ์สุข ความรัก ความงาม การคิดค้นสร้างสรรค์เชิงประกาย ความราบรื่นสอดคล้องต้องประสงค์ สมดุลพอดีลงตัว พรสวรรค์ ผลประโยชน์ (บ้างว่ากิเลสสมบัติพัสฐาน สถิตพฤษภ หมายถึง การมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจให้ราบรื่นกระชับเข้าและเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม การใช้ไหวพริบให้เกิดประโยชน์ (การมีพื้นฐานเดิมในการสร้างสรรค์ผลประโยชน์)
เสาร์ คือ ประธานบาปเคราะห์ หน้าที่ สิ่งที่ต้องกระทำ แผนการ ข้อจำกัด ทุกข์โทษภัย อุปสรรค ระยะยาว โครงสร้าง ผลเนิ่นแต่แน่นอน น่าเกรงขาม ความกลัว ละเอียดรอบคอบ สถิตพฤษภ หมายถึง การนำค่านิยมเก่า พื้นฐานความรู้เดิมที่เคยสั่งสมมาปฏิบัติสานต่อ ทั้งการสร้าง ซ่อม ประยุกต์ โดยใช้เวลาสักระยะ (ใช้ข้ออนุรักษ์นิยมให้เป็นประโยชน์)
ดาวสถิตเรือน
อาทิตย์สถิตเรือนกรรมะ ความมั่นคง ชัดเจน และมุ่งมั่นในเชิงการกระทำกิจการงาน
พุธสถิตเรือนกรรมะ การสื่อสาร เจรจา ต่อรอง เรียนรู้ เพื่อให้ได้ผลและประสบการณ์ของกิจที่กระทำ
ศุกร์สถิตเรือนกรรมะ การใช้อรรถแวดล้อมที่เป็นประโยชน์สร้างความคล่องตัวในการทำกิจการงาน รวมถึงการกระทำที่เป็นข้อตกลง
เสาร์สถิตเรือนกรรมะ การกระทำกิจการงานด้วยความสามารถ ความชำนาญทางด้านทักษะประสบการณ์ อำนาจในการควบคุมกิจการงานให้ลงตัว
          เมื่อวิเคราะห์เป็นการแยกแยะความหมายในแต่ละส่วนเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้เราสังเคราะห์ความหมายรวบรวมออกมาเป็นคำพยากรณ์ได้ ยกตัวอย่างคำพยากรณ์ตามรูปดวงลัคนาราศสิงห์ ตนุลัคน์คือ ๑ สถิตราศีพฤษภเรือนกรรมะ เจ้าชะตามีความมุ่งมั่นที่แสวงหาความมั่นคงให้กับชีวิต(๑)ด้วยอาชีพหน้าที่การงาน(กรรมะ) ซึ่งจะต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะตน(๔) เพื่อให้เกิดความราบรื่นคล่องตัว(๖) โดยมีแบบแผนโครงสร้างเป็นขั้นเป็นตอนระยะเวลาที่ชัดเจนแน่นอน(๗)
          เราได้สังเคราะห์ภาพความหมายออกมาเป็นลักษณะกลางๆแล้ว ส่วนความดีร้ายนั้นเราพิจารณาจากดาวนั้นเข้ามาสำทับอีกครั้งหนึ่ง (คู่มิตร คู่ศัตรู คู่ธาตุ อัตตาของดาว ระบบเรือนฯ) เรียกว่าเป็นการพิจารณาแบบเป็นขั้นตอน เช่น งานนั้นมีความหนักหน่วงอุปสรรคปัญหาระยะยาว(๗ อริ) งานนั้นมีความคล่องตัวราบรื่นในการใช้ความรู้ความสามารถนำไปสู่ความสำเร็จ(๔+๖) แต่สังคมแวดล้อมมักเป็นสิ่งกดดันทำให้เกิดความเครียดวิตกกังวลในสิ่งที่มุ่งหวัง(๖+๗) เป็นต้น
          ดาวสถิตร่วมกันหลายดวงในราศีเดียวกันนี้ ท่านเก่าๆมักทำเป็นเกร็ดความรู้ไว้เป็นข้อสังเกต เช่นกรณีนี้ ๑ ๔ ๖ ๗ อยู่ในราศีเดียวกัน ท่านให้ความหมายไว้ว่า มีรูปร่างสวยงามเป็นที่สะดุดตาของเพศตรงข้าม ศรัทธาและบูชาความซื่อสัตย์สุจริต บำเพ็ญความดีมีคุณธรรม แต่มิใช่กฎเกณฑ์ตายตัวแต่ประการใด เพราะดวงชะตาที่เราผูกขึ้นมานั้นเป็นของกลางๆยังไม่มีใครมาครองเป็นเจ้าของดวง ต่อเมื่อสอบดวงนั้นเข้าหาคนได้อย่างถูกต้องแล้ว จึงเป็นอันทราบได้ว่าการพิจารณาดวงตามหลักนั้นเกณฑ์นี้เป็นที่ได้ผลตรงตามชีวิตจริงของเจ้าชะตา (ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างดวงชะตา โครงสร้างเวลา และโครงสร้างกรรม(เหตุการณ์))
          ท้ายที่สุดแห่งบทความนี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ราบรื่น รุ่งเรือง ร่ำรวย มีความแตกฉานในโหราศาสตร์ เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยกันถ้วนทั่วทุกท่านเถิด .