7 ตุลาคม 2556

บ่นความโหราศาสตร์ ตอน รำพึงรำพัน...เก็บเล็กๆเล่าขาน

โหราศาสตร์ไทย เป็นการศึกษาประเภทเรียนรู้บ่มเพาะหลักวิชา ความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์ ซึ่งมีกระบวนการขั้นตอนในการเรียนรู้และนำไปใช้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาในระดับพื้นฐานให้ได้ทราบความเป็นมา ที่มาที่ไป สิ่งใดมีอยู่ไว้เพื่ออะไร ฯ จากนั้นก้าวขึ้นสู่ระบบทางโหราศาสตร์ไทยว่ามีการบัญญัติข้อพิจารณาปัจจัยโครงสร้างว่าใช้อย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร ตามหลักวิถีวงจรธรรมชาติ ตรงนี้มีระบบหลายอย่างที่สร้างขึ้นต่อเนื่องจากการศึกษาในชั้นพื้นฐาน และระบบที่สร้างใหม่ด้วยความเข้าใจในขั้นระบบนั้นแล้ว เมื่อมีความคล่องตัวในการใช้โหราศาสตร์ไทยมากขึ้นจนถึงขั้นประยุกต์ ในชั้นนี้สามารถที่จะโยกเอาหลักการวิธีในการพยากรณ์มาสอบทวนหาเหตุผลทางการพยากรณ์ เป็นส่วนที่อาศัยประสบการณ์ในสองขั้นที่แล้วและการผ่านการพิจารณาดวงชะตามาพอสมควร จนรู้ว่าดวงชะตาใดควรวิเคราะห์พิจารณาในลักษณะใด โดยไม่หลุดไปจากความเป็นเหตุเป็นผลที่อยู่ในขั้นตอน ๓ ขั้นทางโหราศาสตร์ไทย
นักโหราศาสตร์ไทยรุ่นเก่ามักจะต้องปรับความรู้ความเห็นทัศนคติของผู้เป็นศิษย์อยู่เนืองๆ เพื่อไม่ให้หลุดไปจากกรอบความคิดทางโหราศาสตร์ไทย เพราะเหตุที่ว่าในการศึกษานั้นขั้นตอนทั้ง ๓ ขั้นนั้นย่อมเห็นอยู่ลางๆเป็นสิ่งล่อใจให้นักศึกษาเกิดความวิปลาส(ความเข้าใจคลาดเคลื่อน)และยึดเป็นอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้)ขึ้นมา ท่านจึงต้องชำระความเข้าใจให้ศิษย์ได้เห็นความเป็นไปของทิศทางเอกลักษณ์โหราศาสตร์ไทยอยู่เสมอ โดยสิ่งที่ท่านนำมาปรับเจตคติให้ศิษย์เห็นความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ตลอดนั้นก็คือ โครงสร้างดวงชะตา เป็นการแสดงภูมิบำหราบจิตที่ทะเยอทะยานเกินความพอดีหรือรีบเร่งที่จะเจนจบทางหลักวิชา การแสดงเหตุผลทางโครงสร้างดวงชะตานั้น ทำให้ผู้ศึกษาเมื่อเห็นทราบเข้าใจตามที่ท่านชี้แนะแล้ว ย่อมไม่ยึดติดหรือหลงไปกับสิ่งประดับในทางปลีกย่อย เช่น มาตรฐานดาว รูปตัวอย่างดวงชะตา ไม้เด็ดเคล็ดลับต่างๆเป็นต้น เพราะเหตุที่เห็นโครงสร้างดวงชะตาอันเป็นของจริง ข้อวิเคราะห์พิจารณาย่อมชัดเจนเป็นเหตุเป็นผลต่อกันในทุกแง่มุม เมื่อชำนาญแล้วจะหยิบจับเรื่องใดเข้ามาสวมเสริมพิจารณาด้วยก็มิใช่เรื่องยากอันใด ซ้ำจะเป็นการรู้ด้วยว่าสิ่งใดใช้ร่วมกันได้หรือสิ่งใดเข้ากันไม่ได้ เป็นการง่ายในการหาข้อยุติทางหลักวิชาเพื่อให้สอดคล้องต้องกันอย่างเหมาะสมกับการพยากรณ์นั้นเอง

ธีรพร  เพชรกำแพง

๘ ตุลาคม ๒๕๕๖

5 ตุลาคม 2556

บ่นความโหราศาสตร์ ตอน รำพึงรำพัน...ว่าไปเรื่อย

...ในส่วนของโหราศาสตร์ไทยนั้นมิได้เป็นเรื่องเร้นลับแต่ประการ ใด มีการศึกษาพัฒนาถ่ายทอดต่อเนื่องอยู่เป็นระยะ พระเคราะห์ ฉายาเคราะห์ จุดชะตาสำคัญ และโครงสร้างดวงชะตา ทางโหราศาสตร์ไทยนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอก "สิ่งที่เกิดขึ้น" ตามรูปแบบที่ควรจะเป็นไปในลักษณาการของเรื่องอันควรเกิด โหราศาสตร์ไทยจึงมี "ศาสตร์" อันเป็นกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดใน ๓ ขั้นตอนคือ ๑.พื้นฐานทางโหราศาสตร์ฯ ๒.ระบบทางโหราศาสตร์ฯ ๓.การประยุกต์ทางโหราศาสตร์(ชั้นเอกลักษณ์) อีกส่วนคือในด้าน "ศิลป์" นั้นเป็นขั้นตอนการใช้อย่างเหมาะสมลงตัวในลักษณะ"เสริมกัน"ไป แม้มีความแย้งในการอ่านดวงบ้าง ย่อมต้องอ่านไปทางสมดุลดวงชะตา มิใช่หักล้างจนถึงทางตันคำพยากรณ์ขัดแย้งกัน อย่างนี้ไปไม่ตลอดรอดฝั่งเป็นแท้

...โหราศาสตร์ไทย ใช้หลักความเป็นเหตุเป็นผลที่อยู่ในดุลพินิจของหลักวิชา อันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ การศึกษาทุกขั้นตอนถือว่ามีความสำคัญ ตลอดจนถึงการใช้ด้วยความประนีตสุขุมกลั่นกรองเรื่องราวได้อย่างถูกต้อง อย่างนี้จึงได้ชื่อว่า "ประโยชน์สาระทางโหราศาสตร์ไทย" เกิดขึ้นกับตนแล้ว

ธีรพร  เพชรกำแพง
๖ ตุลาคม ๒๕๕๖

1 ตุลาคม 2556

บ่นความโหราศาสตร์ ตอน รำพึงรำพัน...พระอังคาร

รำพึงรำพัน...พระอังคาร
บุคคลที่มีพระอังคารในดวงชะตาเด่น จะแสดงให้เห็นถึงความกล้าแกร่ง มีแรงกายแรงใจมุ่งกระทำที่ชัดเจน มีความมุ่งมั่นจริงจังกับชีวิต ไม่ประหวั่นกับการเผชิญและแก้ไขปัญหาของชีวิต ก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวปราศจากความกลัวและความประหวั่นพรั่นพรึง มั่นใจ อดทน อาจหาญ สมบุกสมบัน ไม่พิธีรีตองหรือมีแบบแผนมากนัก คิดจะทำต้องได้ทำเดี๋ยวนั้น พระอังคารที่ดีจะส่งผลให้บุคคลมีความซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ โหรไทยเราจึงมักกล่าวถึงคนที่มีพระอังคารเด่นว่า กล้าแข็งขัน ขยัน อาสาดี ในส่วนด้านลบของพระอังคารในดวงชะตาบุคคลนั้น จะทำให้เป็นคนหุนหันพลันแล่น อารมณ์ร้อนรวดเร็ว ปราศจากการตัดสินใจที่รอบคอบ โมโหโทสะ การกระทำรุนแรง  หึงหวง เย่อหยิ่ง หลงระเริงในกำลังความสามารถ มองปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มองการณ์ไกล
โหราศาสตร์ไทยเราถือว่าพระอังคารเป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำ แบ่งกระแสดาวออกเป็นสองส่วน หรือที่เรียกว่า ทวิภาวะ คือมีกระแสส่งออกและกระแสรับเข้า ในกระแสส่งออกนั้นจะหมายถึงการพุ่งมุ่งกระทำริเริ่มเพื่อให้บรรลุสิ่งประสงค์ฯ ส่วนกระแสรับเข้านั้นจะหมายถึงการสำเร็จสิ้นสุดของการกระทำรวมถึงการปรับปรุงแก้ไขการกระทำนั้น เพราะฉะนั้นในเรื่องการกระทำต่างๆนี้เราจะพิจารณาพระอังคารเป็นหลักประกอบสำคัญ โดยการพิจารณาผลว่าในขณะนั้นพระอังคารเป็นกระแสที่ส่งออกหรือรับเข้า เราจะพิจารณาจากโครงสร้างดวงชะตาที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอังคาร ยกตัวอย่างเช่น หากพระพฤหัสบดีมีสัมพันธ์ที่ดีกับอังคาร อย่างนี้เราจะเห็นกระแสส่งออกเน้นชัดเป็นความหมายที่ว่า การกระทำ(๓)ที่มุ่งสู่ความสำเร็จ(๕) ในทางกลับกันสมมติว่า พระเสาร์ส่งสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่ออังคาร อย่างนี้เป็นกระแสรับเข้าเน้นเป็นปัญหา การกระทำ(๓)ที่เป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง(๗) อย่างนี้เป็นต้น
ความเด่นดีของพระอังคาร(หรือพระเคราะห์อื่น)ในดวงชะตาตามหลักโหราศาสตร์ไทยเรานั้น มิใช่เพียงแค่มาตรฐานดาวที่ว่าเป็นเกษตร อุจ มหาจักร ราชาโชค ฯ เท่านั้น แต่การจะเห็นว่าเด่นดีนั้นพึงพิจารณาจากกระแสโครงสร้างของดวงชะตานี้ ในขณะเดียวกันดาวที่ได้มาตรฐานเด่นดีในดวงชะตา พอพิจารณาดวงว่าสูงเด่นแต่ชีวิตจริงกลับตรงกันข้าม นั่นเป็นเพราะการมิได้ให้ความสนใจกับกระแสโครงสร้างของดวงชะตาเข้ามาพิจารณาเป็นหลัก ไปเห็นมาตรฐานของดวงดาวสำคัญกว่าดวงคนนั้นเอง

ธีรพร  เพชรกำแพง

๑ ตุลาคม ๒๕๕๖