20 กุมภาพันธ์ 2557

โปรแกรม “ไพ่ยิปซีชี้ชะตา” ภาคพยากรณ์ด้วยไพ่ชุดหลัก 3 ใบ

ไพ่ยิปซีชี้ชะตา
ภาคพยากรณ์ด้วยไพ่ชุดหลัก 3 ใบ

          กัลยาณมิตรผู้มีใจรักทางด้านพยากรณ์ศาสตร์ทุกท่าน ไพ่ยิปซีหรือไพ่ทาโร่ต์นี้ได้มีบทบาทต่อวงการพยากรณ์ดวงชะตาในบ้านเรามาช่วงเวลาหนึ่ง และยังคงอยู่พร้อมด้วยเอกลักษณ์แห่งมนต์เสน่ห์ในการสรรสร้างคำพยากรณ์จากภาพหน้าไพ่ได้ตรงกับเหตุการณ์จริงในดวงชะตาชีวิตของผู้ที่เสี่ยงทายจับได้ไพ่ที่ให้ความหมายแตกต่างกันไป ดั่งรู้ใจ จากเงื่อนไขสัมพันธ์ในการพยากรณ์คือ 1.เจ้าของดวงชะตา 2.สื่อหรืออุปกรณ์ที่ถ่ายทอด(ไพ่) 3.ผู้ตีความหมาย(หมอดูหรือนักพยากรณ์) ประกอบกับการใช้ศาสตร์และศิลป์ในการพยากรณ์ทำให้ไพ่ยิปซียังคงมี ความขลัง ที่จะนำมาใช้พัฒนาต่อยอดประยุกต์ให้เข้ากับรูปแบบการดูดวงในสังคมไทยบ้านเรา
          ด้วยการที่ไพ่ยิปซีมีความสะดวกในการทำนายและให้ผลพยากรณ์เป็นที่น่าพอใจ จึงเป็นเหตุให้ผู้จัดทำมีความสนใจในการพัฒนาโปรแกรมไพ่ยิปซีชุดนี้ คือ ไพ่ยิปซีชี้ชะตา ภาคพยากรณ์ด้วยไพ่ชุดหลัก 3 ใบ โดยรูปแบบการดูด้วยไพ่ 3 ใบ จะเป็นการดูแบบเฉพาะเจาะจงตรงประเด็นลงไปในคำถามนั้นๆ แล้วไพ่ยิปซีจะให้เนื้อความหรือความหมายที่เกี่ยวข้องออกมาผ่านภาพหน้าไพ่ ซึ่งในชุดแรกนี้ผู้จัดทำใช้ไพ่ชุดหลัก 22 ใบ (major arcana) ที่ให้ความหมายชัดเจนและครอบคลุมที่จะใช้ในการทำนาย โดยการตั้งจิตให้เป็นสมาธิแล้วอธิษฐานต่อคำถามที่ต้องการจะถามไพ่ แล้วใช้มือซ้ายกดปุ่มเพื่อเสี่ยงทาย จะได้ไพ่ออกมา 3 ใบ แล้วพิจารณาคำพยากรณ์ที่ระบุไว้ให้ในลักษณะคำเฉพาะ(key words) ให้ได้ทราบพอเข้าใจถึงแนวโน้มคำทำนายจากไพ่ แล้วนำไปเสริมขยายเป็นคำตอบให้เข้ากับประเด็นคำถามที่ตั้งใจอธิษฐานถามไพ่ไว้
          โปรแกรมนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจหรือกำลังศึกษาเรียนรู้การพยากรณ์ด้วยไพ่ยิปซี และนักพยากรณ์ที่ต้องการลดภาระขั้นตอนการใช้ไพ่เพื่อความสะดวก หรือแม้แต่ผู้รับการพยากรณ์เองได้เสี่ยงทายไพ่ แล้วนำผลภาพหน้าไพ่ที่ตนได้นั้นไปตั้งกระทู้ถามตามกระดานสนทนาต่างๆ(web board) ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้รู้ที่ได้ผ่านการศึกษากระบวนการพยากรณ์ด้วยไพ่ยิปซีมาให้ความรู้หรือตอบข้อคำถามในเชิงพยากรณ์อยู่มาก จึงไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปเพียงแค่ใช้โปรแกรม ไพ่ยิปซีชี้ชะตา ชุดนี้
          หากโปรแกรม ไพ่ยิปซีชี้ชะตา นี้ จะพอเป็นประโยชน์ใดๆแก่ท่านผู้ใช้บ้าง ขอความสุขนั้นจงมีแด่บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ของผู้จัดทำ และหากโปรแกรมมีความผิดพลาดประการใดผู้จัดทำขอน้อมรับข้อบกพร่องนั้นไว้เองทั้งสิ้น หรือผู้ใช้งานมีความประสงค์จะแนะนำเพิ่มเติมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้จัดทำสามารถติดต่อได้โดยตรงทางโทรศัพท์และอีเมล์ดังนี้ 085-1219196 , tepar2009@gmail.com หรือที่กลุ่มชุมชนออนไลน์เฟสบุค(face book) ที่กลุ่มชื่อ สมุดจดดวง และ ดวงชะตามาวิเคราะห์
          สุดท้ายนี้ ขอความสุขทุกประการอันเราท่านทั้งหลายจักพึงได้ในโลกนี้ จงมาบังเกิดแก่ทุกท่านด้วยความราบรื่นสำเร็จเป็นอันดีทุกประการ หากท่านได้รับสิ่งดีใดๆ ขอให้ท่านได้ตั้งใจมอบสิ่งดีนั้นให้ผู้อื่นด้วยเช่นกัน
  
ธีรพร  บุญวงษ์(เพชรกำแพง)

สาธารณสุขชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลหูกวาง

ลิงค์สำหรับดาวน์โหลด 
โปรแกรมไพ่ยิปซีชี้ชะตา

8 กุมภาพันธ์ 2557

ปฏิจจสมุปบาทและเรือนชะตาในโหราศาสตร์ไทย


ปฏิจจสมุปบาทและเรือนชะตาในโหราศาสตร์ไทย
          ปฎิจจสมุปบาท ท่านหมายถึงการเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน,ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นพร้อม,การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น,สิ่งนี้มี จึงมีสิ่งนี้
          โหราศาสตร์เราก็เช่นกัน มีปัจจัยพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันโยงใยไปมาตามหลักของปฏิจจสมุปบาท ซึ่งครูบาอาจารย์เก่าๆ ท่านเป็นปราชญ์ทั้งโหราศาสตร์และพระพุทธศาสนา ได้เห็นผลอันเลิศจากการนำเอาความรู้ในปฏิจสมุปบาทมาหลอมรวมกับความรู้ทางโหราศาสตร์ไทยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ฉันจึงขอนำสิ่งที่จดจำมาเล่าสู่กันฟังพอสังเขปดังนี้
          ท่านกล่าวว่า เรื่องของดวงปฏิจจสมุปบาทนั้นมีอยู่ในตำราจักรทีปนี คัมภีร์พฤหัสบดีจักร ซึ่งเป็นบทว่าต่อมาจากคัมภีร์ภวชาติและดวงคัพพปักกมูล ซึ่งเป็นบทโหราศาสตร์ที่ท่านเอาไว้ใช้ พยากรณ์
๑.ดวงมูลกำเนิด
๒.ตรวจสอบเกณฑ์ชะตาตั้งแต่เริ่มจุติลงในครรภา แล้วแยกไปเป็นดวงสามัญ ดวงกษัตริย์ ดวงปราบดาภิเษก (ต้องใช้ประกอบกับคัมภีร์อื่น เช่น คัมภีร์อสีติธาตุ,คัมภีร์ราชมัญตัญ)
๓.ดูดวงชะตาพระสงฆ์ ในบทพยากรณ์เก่าๆ จะกล่าวถึงโดยเฉพาะว่า จะสึกได้หรือไม่ จะสึกปีใด จะบวชทนหรือไม่ จะคู่ควรกับสมณานุรูปหรือไม่
          ทั้งนี้ขอยกคำปรารภของพระสารประเสริฐ(ตรี นาคะประทีป) ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส) วัดราชประดิษฐ์ มากล่าวไว้บางส่วน ดังนี้
เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังเทศน์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านเจ้าโต แสดงดาว ๑๒ นักษัตรว่าเป็นต้นทางแห่งจตุราริยสัจ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยทรงหยั่งพระญาณในปัจจยาการทั้ง ๑๒ประการ แล้วนำมาใคร่ครวญถึงลักษณะโลกธาตุอันมีดาวเคราะห์โคจรใน ๑๒ ราศี ว่าคงจะอยู่ในข่ายปัจจยาการ คือปฏิจจสมุปบาทนั้นเอง แต่ก็เป็นการคิดเล่นๆ มิได้ลงมติจริงจังอย่างไร ครั้นมารับหน้าที่ทำหนังสือในงานนี้ จึงได้เรียบเรียงเป็นหนังสือโลกธาตุขึ้น มีปฏิจจสมุปบาทธรรมเป็นหัวข้อ บรรจุความรู้ง่ายๆ ในโหราศาสตร์ โดยวิธีลำดับข้อความหน้าหลังตามแนวปฏิจจสมุปบาทนั้น
ท่านจำแนกแจกแจงถึงปฏิจจสมุปบาทและเรือนในโหราศาสตร์ไทยไว้ ดังนี้
เรือนที่ ๑ ดนุ คือตัว อวิชชา เป็นจุดทำให้เกิดชีวิตขึ้นมา เป็นชีวิตทั้งชีวิต จุดวางลัคนา
เรือนที่ ๒ กดุมภะ คือตัว สังขาร การปรุงแต่ง ตัวแสวงหา
เรือนที่ ๓ สหัสชะ คือตัว วิญญาณ ตัวรับรู้ สรรพสิ่งที่จรมา เหมือนเพื่อนที่เข้ามามีดีมีชั่ว
เรือนที่ ๔ พันธุ คือตัว นามรูป คือเรือนร่าง กายใจ
เรือนที่ ๕ ปุตตะ คือตัว สฬายตนะ จุดติดต่อให้เกิด จะเกิดบุตรได้ เกิดการกระทำที่ใหม่ๆ
เรือนที่ ๖ อริ คือตัว ผัสสะ จุดที่ทำให้เกิดปัญหา ปัญหาเกิดจากตัวกระทบ
เรือนที่ ๗ ปัตตนิ คือตัว เวทนา ตัวนี้คือ จุดที่ทำให้มีชีวิตคู่ ความรู้สึก ทำให้หลงติด
เรือนที่ ๘ มรณะ คือตัว ตัณหา  ที่ส่งผลให้ชีวิต เหมือนตายแล้ว อยากจนตัวตาย
เรือนที่ ๙ ศุภะ คือตัว อุปาทาน ความยึดทุกอย่างทำให้มีความสุข
เรือนที่ ๑๐ กัมมะ คือตัว เรือน ตัวสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง กรรมเรือน เรือนคือกรรม
เรือนที่ ๑๑ ลาภะ คือตัว ชาติ การได้มา การเกิดขึ้น คือตัวลาภ ได้สิ่งที่ถูกใจ
เรือนที่ ๑๒ วินาสน์ คือตัว ชรามรณะ สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่มองไม่เห็น ตัวทำลาย
ท่านอธิบายถึงการอ่านดวงปฏิจจสมุปบาทนั้นว่า ให้ดูจากตรีเกณฑ์(ตรีโกณ) แล้วจึงพิจารณาการโยคถึงกันอีก จะเห็นความสัมพันธ์ของความหมายตามเรือน หรืออาจไม่ต้องใช้เรือน ให้อ่านตามศัพท์บัญญัตินั้นได้เลย ดังนี้
พิจารณาตรีเกณฑ์(ตรีโกณ)
กลุ่มที่หนึ่ง คือ เรือนที่ ๑ อวิชชา , เรือนที่ ๕ สฬายตนะ , เรือนที่ ๙ อุปาทาน
กลุ่มที่สอง คือ เรือนที่ ๒ สังขาร , เรือนที่ ๖ ผัสสะ , เรือนที่ ๑๐ กรรมะ
กลุ่มที่สาม คือ เรือนที่ ๓ วิญญาณ , เรือนที่ ๗ เวทนา , เรือนที่ ๑๑ ชาติ
กลุ่มที่สี่ คือ เรือนที่ ๔ นามรูป , เรือนที่ ๘ ตัณหา , เรือนที่ ๑๒ ชรามรณะ
แล้วพิจารณาการโยคถึงกันของกลุ่มที่หนึ่งกับกลุ่มที่สามชุดหนึ่ง และกลุ่มที่สองและกลุ่มที่สี่อีกชุดหนึ่ง
          ปฏิจจสมุปบาทนั้นมีข้อยากอยู่ ๓ ประการคือ ยากที่ผู้เรียนจะมีความเข้าใจ ยากที่ตัวเนื้อหาสาระธรรม และยากที่จะถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจ จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาหลักธรรมคือปฏิจจสมุปบาทนี้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ระดับหนึ่งเสียก่อน แล้วจึงนำมาเข้าเรื่องควบรวมกับโหราศาสตร์ไทย เมื่อมีความคล่องตัวชำนาญดีแล้ว ไม่ว่าจะจับส่วนใดของดวงชะตาขึ้นมา ก็สามารถโยงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องได้ทั่วทั้งดวงชะตา ดังที่ฉันเคยเปรียบเปรยให้ทราบอยู่เสมอๆ ว่า จับขอบสว่นใดของกระด้ง ก็รู้อยู่ว่าเป็นกระด้ง นั้นเอง

ธีรพร  เพชรกำแพง

รำลึกเนื้อความ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

5 กุมภาพันธ์ 2557

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน ตำรามายุฆาฏ(อายุฆาต)

..ตำรามายุฆาฏ(อายุฆาต)..

..ช่วงหลังมานี้สุขภาพฉันไม่ค่อยจะดี ก็ให้นึกปลงเรื่องความเป็นความตายอยู่บ่อยครั้ง ตามไตรลักษณ์กฏธรรมชาติ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่ต้องเผชิญกับความเจ็บไข้ได้ป่วย พลันให้คิดถึงว่าดวงชะตาเรามีฆาตเคราะห์ภัยร้ายจะถึงชีวิตไหมหนอ? ก็นึกถึงความรู้ในตำราลายมือของพ่อทวด "ตำรามายุฆาฏ หรือ อายุฆาต" ท่านเกริ่นไว้ถึงความไม่ประมาทในชีวิตจากมรณะภัย พยาธิภัย อุบัติภัย โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย และสรรพเคราะห์อุปัทวเหตุอาเพศภัยทั้งหลาย ในฆาตขัยชะตาที่ต้องระวัง
..ความมีว่า ให้ตั้งอายุปีนั้นลง เอากำลังวันบวก เอา ๓ คูณ เอา ๙ หาร แล้วพิจารณาเศษเป็นเหตุทำนาย ดังนี้
..เศษ ๐ หรือ ๙ ชะตาขาด หากเจ็บป่วยอยู่มักร้ายแรง แพ้ถ้อยคดีความ เสียเงินทองทรัพย์สินข้าวของรักเป็นอันมาก
..เศษ ๑ ๓ ๗ ชะตาลำบาก เสียทรัพย์อับประมาณ ภัยพาลถาโถม
..เศษ ๒ ๔ ๖ ชะตาแคล้วคลาดปัดตลอด ปราศจากเหตุร้ายทั้งปวง
..เศษ ๕ ๘ ชะตาปีนั้นทุกขลาภ ให้โลดโผนลุ่มๆดอนๆ ได้อย่างเสียอย่าง
..หากเกณฑ์อายุจรในดวงชะตาเข้า อริ มรณะ วินาส ด้วยแล้วท่านว่าเกณฑ์ชะตาร้ายเสียหายมากนัก ยิ่งมีดาวใหญ่อย่าง ๕ ๗ ๘ สัมพันธ์ร้ายถึง ท่านว่าถึงกับเสียชีวิตสิ้นอายุขัย ที่เรียกว่า "ถึงฆาต" นั้นเอง
(หมายเหตุ : กำลังวัน อาทิตย์ ๖,จันทร์ ๑๕,อังคาร ๘,พุธ ๑๗,พฤหัสบดี ๑๙,ศุกร์ ๒๑,เสาร์ ๑๐,ราหู ๑๒ รวมเป็นกำลัง ๑๐๘)

ธีรพร  เพชรกำแพง

เล่าความ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

โปรแกรมกาลชะตา สิงห์นภดล

สิงห์นภดล
พัฒนาโดย นายธีรพร  บุญวงษ์

          กัลยาณมิตรเพื่อนพ้องพี่น้องผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทุกท่าน นอกจากการใช้กระบวนการทางโหราศาสตร์-พยากรณ์ศาสตร์วิเคราะห์ดวงชะตาในภาพรวมแล้วนั้น ยังมีการใช้ กาลชะตา กำหนดรู้เหตุบางประการที่ต่างออกไปจากพื้นชะตาหลัก เพื่อการหาคำตอบจากคำถามเฉพาะ ถือเป็นอีกกระบวนวิธีหนึ่งที่น่าสนใจในวิชาโหราศาสตร์-พยากรณ์ศาสตร์ โดยเฉพาะวิชากาลชะตาแขนงนี้ สิงห์นภดล
          สิงห์นภดล เป็นวิชากาลชะตาที่ประยุกต์ผสานความกลมกลืนของวิชาเลข ๗ ตัว และราศีจักร โดยการตั้งกาลชะตาเลข ๗ ตัวก่อน แล้วจึงเอาผลลัพธ์ที่ได้มาขับเป็นดาวเข้าจักร เพื่อใช้ในการอ่านแง่มุมของดวงยามหรือดวงกาลชะตาอย่างละเอียด โดยที่ดวงยามนั้นจะเปลี่ยนรูปในเวลาที่ต่างกันเพียง ๑ นาที จึงนับว่ามีความละเอียดถึงในระดับนาที ซึ่งรูปดวงยามจะไม่มีความซ้ำกัน ทำให้ความหลากหลายของวิชากาลชะตา สิงห์นภดล นี้มีความคล่องตัวรอบด้านอยู่มาก และต้องเข้าใจว่ารูปดาวในดวงราศีจักรนั้นเกิดจากการขับดาวเข้าจักร มิใช่รูปดวงตามคำนวณด้วยคัมภีร์สุริยยาตร ฉะนั้นเรื่องกฏเกณฑ์เกี่ยวกับท้องฟ้าจริงจะนำมาบังคับใช้ไม่ได้ เช่น ๑ ๔ ๖ อยู่ห่างกันไม่เกิน ๓ ราศี แต่ในวิชาดวงยามนี้ดาวทุกดวงเป็นอิสระที่จะสถิตในราศีต่างๆ ตามการขับดาวเข้าจักร ส่วนวิธีการอ่านดวงยามเลข ๗ ตัว สัมพันธ์กับดวงยามราศีจักรนั้นก็สามารถทำได้ตามความชำนาญสันทัดของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องพอมีความรู้เกี่ยวกับวิชาเลข ๗ ตัว และราศีจักรอยู่บ้าง
          ที่มาที่ไปของวิชากาลชะตา สิงห์นภดล นี้ ท่านวาสนากล่าวคำนิยมไว้ว่า
          ดวงยามสิงห์นภดล คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือ ท่านสิงห์ ปีขาล แห่ง สมุดจดดวง เพราะมีอยู่วันหนึ่ง ท่านสิงห์แอบหลับช่วงกลางวัน แล้วฝันไปว่ามีชายชรามาสอนการตั้งดวงยาม จากเวลาที่ถามเป็นระบบเลข ๗ ตัว หลังจากวันนั้นท่านสิงห์จึงนำเอาวิชาจากในฝันมาใช้ทายในสมุดจดดวง ควบคู่กับดวงกำเนิดในระบบเลข ๗ ตัว จนเป็นที่ฮือฮาของเหล่าสมาชิกเพราะทายถูกติดๆกัน ท่านสามตาจึงตั้งชื่อดวงยามนี้ว่า นรสิงห์ ผมเห็นว่าดวงยามนี้เป็นระบบเลข ๗ ตัว จึงลองนำมาอ่านด้วยวิชา นภดล ซึ่งเป็นเลขเจ็ดตัวหกฐานแล้วขับดวงขึ้นฟ้าอย่างราศีจักรของสำนักดู ปรากฏว่า สามารถเข้ากันได้ดีกับวิชานภดลเป็นอย่างมาก หากท่านใดนำไปใช้แล้วได้ผลได้โปรดอุทิศบุญกุศลให้แด่ ดวงวิญญาณของท่านปู่ ที่มาสอนดวงยามนี้ ให้แก่ท่านสิงห์ด้วยครับ
          ผู้จัดทำในฐานะที่ศึกษาดวงกาลชะตาต่างๆ มาบ้าง เมื่อได้พบเห็นวิชาสิงห์นภดลนี้ เห็นว่าเป็นแนวทางการนำเอกลักษณ์วิชาเลข ๗ ตัว และราศีจักรมาประสมผสานกัน เพื่อให้ได้ผลของการพยากรณ์อย่างลงตัว มีหลักเกณฑ์ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่ผลออกมาชัดเจนเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการศึกษาดวงกาลชะตาเพื่อใช้ในการพยากรณ์จริง และเพื่อให้สะดวก ง่าย รวดเร็ว ในการตั้งดวงยามสิงห์นภดล จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้จัดทำพัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมา และต้องขอขอบพระคุณบุคคลที่มีส่วนร่วมในการจัดทำ ดังนี้
          ๑.ท่านวาสนา ท่านสิงห์ปีขาล ที่อนุเคราะห์ความรู้การตั้งดวงกาลชะตาสิงห์นภดลนี้
          ๒.ท่านชนะ ที่ให้ประกายความคิด(idea)ย้ำความชัดเจนให้ผู้จัดทำได้พัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมา
          ๓.เพื่อนพ้องพี่น้องชาวสมุดจดดวงทุกท่าน สำหรับกำลังใจในการจัดทำ
          อย่างไรก็ดี หากโปรแกรมมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำต้องขออภัยไว้ในโอกาสนี้ และหากโปรแกรมนี้พอเป็นประโยชน์ต่อท่านบ้าง ขอผลานิสงส์นั้นจงถึงครูบาอาจารย์ที่ท่านประสิทธิ์วิชาความรู้มาให้ โดยเฉพาะ ท่านปู่ ที่มาสงเคราะห์วิชาแก่ท่านสิงห์ปีขาลในนิมิตฝัน ซึ่งนับเป็นปฐมเหตุอันดีที่ทำให้ก่อเกิดวิชานี้ขึ้นมาได้
          ในส่วนของผู้จัดทำนั้น ขออุทิศคุณงามความดีในบุญกุศลอันจะพึงเกิดมีขึ้นให้กับ พ่อทวดสุบิณฑ์  ทองประสพ ต้นปฐมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ทางโหราศาสตร์ในตระกูล พระเดชพระคุณหลวงพ่อไพรวัลย์ อติกนฺโต ศิษย์ของพ่อทวดซึ่งได้ล่วงลับมรณภาพไปแล้ว รวมถึงบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทพยุดาเจ้าเหล่าพรหมสวรรค์ที่ปกปักรักษา เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลกธาตุ พร้อมทั้งผู้ใช้โปรแกรมนี้ทุกท่าน จงได้รับความสุขสมปรารถนาเป็นอันดีทุกประการเถิด

ธีรพร  บุญวงษ์
สาธารณสุขชุมชน

องค์การบริหารส่วนตำบลหูกวาง