28 มีนาคม 2558

มาตรฐานพระเคราะห์ ตอน ดาวมหาจักร

ดาวมหาจักร

          มหา แปลว่า ยิ่งใหญ่
          จักร แปลว่า วงล้อ
          มหาจักร จึงหมายถึงวงล้อที่นำไปสู่ความยิ่งใหญ่ หรือการเคลื่อนที่ไปสู่ความยิ่งใหญ่ ครูบาอาจารย์โหรท่านยกย่องดาวในตำแหน่งมหาจักรว่าเป็นพระเคราะห์ที่ให้คุณแรง พลิกแพลง ผกผัน กลับสถานการณ์ร้ายให้กลายเป็นดี ปรากฏในดวงชะตาใด เจ้าชะตานั้นจักต้องเป็นผู้มีความสามารถอาจหาญเอาตัวรอดพ้นอุปสรรคโพยภัยได้เป็นแท้ สมกับคำประพันธ์ท่านมีมาว่า
                    มหาจักรฟักตัวขึ้นเป็นใหญ่          กว่าจะได้ต้องบุกบั่นฟันโฉงเฉง
          ช่างผาดโผนหนักหนาน่ายำเกรง             ยศยิ่งเพรงจึ่งมีให้ดีใจ
          โดยตำแหน่งมาตรฐานดาวมหาจักรท่านประพันธ์เป็นโคลงสี่สุภาพเพื่อการจดจำง่ายไว้ดังนี้
                    ภุมม์กันย์จันทร์เมษแม้น  ราศี
          พฤษภสถิตเสารี                     อยู่ไซร้
          พุธสิงห์โดยมี                         ศุกร์อยู่ ธนูนา
          กาลีกุมลัคน์ให้                       กลับฟื้น ผลคุณ
          โดยที่ลักษณะของดาวมหาจักรนี้นิยมกันว่าดี ถึงกับสรรเสริญว่าแม้เป็นดาวกาลีกุมลัคน์ยังยกย่องว่าดีไม่มีเสีย และยังมีบทสรรเสริญเป็นพิเศษถึงดาวมหาจักร ๓ ดวง คือ อาทิตย์ พฤหัสบดี และราหู เป็นคำโคลงประพันธ์ไว้อย่างน่าสนใจอีกว่า
                    อสุรินทร์มกรนี้   โดยหมาย 
ครูพิจิกบรรยาย            บอกแจ้ง
          กรกฎรวิทาย               พูนเพิ่ม ผลนา
อริให้คุณแจ้ง               กลับร้ายกลายดี
ความว่า เมื่อดาวราหูได้ตำแหน่งมหาจักรในราศีมกร ดาวพฤหัสบดีในราศีพิจิก และดาวอาทิตย์ในราศีกรกฎ ต่อให้มีอริร้ายศัตรูมากล้ำกรายก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ และย่อมแพ้ภัยตนเองกลับไป ตำแหน่งมาตรฐานทางมหาจักรนี้ท่านว่าหากกุมลัคนาด้วยไซร้ย่อมให้คุณเต็มที่

ความหมายดาวพระเคราะห์มหาจักร
อาทิตย์เป็นมหาจักรในราศีกรกฎ ความว่า จะมียศศักดิ์เกรียงไกร จะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย มีชื่อเสียงโด่งดัง แคล่วคล่องว่องไว
จันทร์เป็นมหาจักรในราศีเมษ ความว่า มีเสน่ห์เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย จะได้คู่ครองที่ดี มีความสุขบริบูรณ์ในความเป็นอยู่ สมองฉับไว แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทุกสถานการณ์
อังคารเป็นมหาจักรราศีกันย์ ความว่า มีบุญวาสนา เลิศด้วยปัญญา กำลังความสามารถอาจหาญดี เป็นผู้มุมานะตั้งตนเป็นใหญ่ ใจคอกว้างขวาง ชอบบากบั่นเอาชนะอุปสรรค
พุธเป็นมหาจักรในราศีสิงห์ ความว่า เจรจาพาทีเป็นที่พอใจรักใคร่ของชนทั้งหลาย มีวาทศิลป์เป็นเลิศ มีจิตละเอียดอ่อนทำการพินิจพิเคราะห์ได้ดี จะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์และบริวาร
พฤหัสบดีเป็นมหาจักรในราศีพิจิก ความว่า มีสติปัญญารอบรู้สรรพวิทยาต่างๆ เป็นปราชญ์ผู้สามารถ เป็นที่เคารพนับถือแก่คนทั้งหลาย มีความสุขสมบูรณ์เจริญรุ่งเรืองด้วยโภคทรัพย์ มีชื่อเสียงเกียรติยศ คงแก่เรียน ปัญญาไว
ศุกร์เป็นมหาจักรในราศีธนู ความว่า มีความสมบูรณ์พูนสุขในทรัพย์สินและบริวารมาก เก่งกาจกวีศิลปะดนตรีทั้งหลาย ทำมาค้าขายจักประสบความสำเร็จรุ่งเรือง มากด้วยคนรักเสน่หา
เสาร์เป็นมหาจักรในราศีพฤษภ ความว่า มีใจคอกล้าหาเด็ดเดี่ยว ศัตรูเกรงกลัวไม่กล้ากล้ำกราย รับราชการจักได้เป็นใหญ่ มีความอดทนอาจหาญเผชิญงานใหญ่สำเร็จ มีทรัพย์สินที่ดินมั่นคง
ราหูเป็นมหาจักรในราศีมกร ความว่า จะเป็นผู้ปราศจากอุปสรรค มีชัยชนะเหนือศัตรู บริบูรณ์เพิ่มพูนด้วยทรัพย์สมบัติและบริวาร จิตใจนักเลง มีความรู้เข้าขั้น เป็นผู้มักทำงานในด้านเสี่ยงๆได้ดี

ธีรพร  เพชรกำแพง
28 มีนาคม 2558

(มูลเหตุการณ์เขียนเรื่องนี้ ด้วยปรารภดวงตัวเองมีดาวมหาจักร คือ ๑ และ ๔ ในดวงชะตา จึงส่งผลคุณสะสมเรื่อยมาให้ได้ดีระดับหนึ่งในชีวิตความเป็นอยู่จากลูกชาวนามาเป็นข้าราชการ เลยคิดบรรยายเรื่องราวดาวมหาจักรพระเคราะห์ทุกดวงไว้พร้อมกันนี้เลย)

การพิจารณาดาวประกอบการอ่านดวงกาลชะตา

การพิจารณาดาวประกอบการอ่านดวงกาลชะตา

๑.อาทิตย์ หมายถึง บุคคลเพศชาย ญาติหรือบุคคลที่มีเงิน อำนาจ อิทธิพล มีการศึกษา เป็นบุคคลที่สามารถจะให้ความช่วยเหลือได้ ในทางบ้านเมืองจะหมายถึงฝ่ายบริหาร เกี่ยวกับการปกครอง นิติบัญญัติ รูปร่างของคนลักษณะนี้จะมีลักษณะออกไปทางมีกำลังวังชาคล่องตัว รูปร่างสมส่วน หน้าใหญ่ ผิวพรรณสดใส ตาเพ่งเล็งแข็งเชิงบังคับ
๒.จันทร์ หมายถึง บุคคลเพศหญิง บุคลิกลักษณะที่เปลี่ยนแปลง อารมณ์ผันแปร มักก่อเกิดอุดมคติ เห็นอกเห็นใจ เมตตาเอื้อเฟื้อ มักเกี่ยวข้องกับการดูแล บริการ การให้ความอุปถัมภ์สนับสนุน หากเป็นบุคคลจะมีลักษณะขาวท้วม ใบหน้าค่อนข้างกลม รักสวยรักงาม มือเท้าหน้า นัยน์ตาหม่นหรือออกนิ่งเฉยเมตตา
๓.อังคาร ในทางกาลชะตาดาวอังคารจะถูกมองไปในเรื่องราวการกระทำที่ประกอบด้วยความรุนแรง ทั้งในด้านดีและด้านลบ มักบ่งถึงความปรารถนาต้องการทันทีทันใด อุบัติเหตุเภทภัย การต่อสู้ ทะเลาะเบาะแว้ง  ระบบกล้ามเนื้อ ในทางรูปร่างแล้วจะบ่งถึงคนที่มีรูปร่างแข็งแรงล่ำสัน กระดูกใหญ่ ตาคม บ้างว่าตากลมโปน เมื่อเกิดโทสะมักหน้าซีด
๔.พุธ หมายถึง ข่าวสาร การนำเรื่องราวมาสู่ การสื่อสารแสดงออกให้รับทราบ หากเป็นบุคคลจะแทนถึงขโมย พ่อค้า นักท่องเที่ยว ผู้เดินทาง นักเขียน คนส่งจดหมาย คนที่ทำงานเชิงใช้สมอง บุคลิกลักษณะทางรูปร่างออกไปทางใบหน้าเล็ก บาง หน้าผากนูน จมูกยาว ริมฝีปากบาง ตาแหลมคม บางคราวสายตาหลุกหลิกว่องไว
๕.พฤหัสบดี ในทางกาลชะตาที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ดาวพฤหัสบดีจะหมายถึงบุคคลที่มีสติปัญญาอันเป็นมิตรหรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ถาม เป็นบุคคลที่มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นสหายุตภาวะคือพึ่งพาอาศัยได้ อาจจะหมายถึงคนมั่งมี ครูอาจารย์ พระ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตา ในทางรูปร่างลักษณะแล้วจะแสดงถึงคนที่มีรูปร่างสมส่วน เมื่อมีอายุมากมักอ้วนท้วน หน้าอกหรือไหล่กว้าง หน้าผากสูง สายตานิ่มนวล มีท่าทีในการแสดงออกเป็นผู้ใหญ่
๖.ศุกร์ ในทางกาลชะตาแล้วดาวศุกร์จะหมายถึงบุคคลที่เจ้าชะตาให้ความสนใจ หมายถึงบุคคลที่เป็นเพศตรงข้าม หรือปัจจุบันต้องบอกว่ามีอิทธิพลต่อความรู้สึกสนใจของเจ้าชะตา(แม้จะเป็นเพศเดียวกัน) แสดงถึงบุคคลที่อ่อนวัย สิ่งของประเภทของสวยงาม สถานที่รื่นเริง เครื่องประดับ ทรัพย์สินอันเป็นที่พึงใจ ในทางรูปร่างจะบ่งถึงคนที่มีลักษณะไม่สูง ท้วม หากมีอายุมากมักอ้วน ใบหน้ากลม ตาใหญ่ วอกแวก เสียงเบา ไวต่อความรู้สึกสัมผัสต่างๆ
๗.เสาร์ ในทางกาลชะตาดาวเสาร์จะบ่งบอกถึงคนที่มีลักษณะคับแคบทางความคิด ใจคอไม่กว้างขวาง บุคคลซึ่งมีอายุมาก แก่ หรืออาวุโสกว่า เป็นลักษณะไปทางแนวอนุรักษ์นิยม หัวเก่า หากเป็นบุคคลจะแทนถึงกรรมกร คนเก่าแก่ที่มีมาก่อน คนยากจน นักบวช เกษตรกร บุคคลที่คอยสร้างความกดดันให้เจ้าชะตา ลักษระรูปร่างจะสูงปานกลาง หน้าผากกว้าง ใบหน้าออกสี่เหลี่ยม มีกรามยกแก้มหรือติดคาง นัยน์ตาเล็กคม จมูกใหญ่ ผมสีเข้ม ผิวเนื้อออกคล้ำ
๘.ราหู จะหมายถึงเรื่องราวไม่คาดฝันในด้านร้ายต่างๆ เช่น ของหาย คดีความ การพลัดพรากหรือตายจาก ฯลฯ หากเป็นบุคคลจะแทนถึงบุคคลที่ใกล้ชิดแวดล้อมตัวเจ้าชะตา บุคคลที่มาคอยยุ่งเกี่ยวเรื่องราวต่างๆ คอยติดต่อนำเรื่องราวข่าวสารมาส่งให้เจ้าชะตารับรู้ทั้งจริงและเท็จ ส่วนใหญ่แสดงถึงความคลุมเครือไม่ชัดเจนเจาะจงลงไป มากเรื่องหลายกระแล จับความอะไรแน่นอนลงไปไม่ได้ รูปร่างลักษณะแทนบุคคลที่อ้วน ท้วม เตี้ย ผิวพรรณเป็นได้ทั้งขาวและออกแนวสองสี(ไม่ถึงกับดำ)

ธีรพร  เพชรกำแพง

28 มีนาคม 2558

24 มีนาคม 2558

ดาวนิจคำกลอน

ดาวนิจคำกลอน
พระอาทิตย์เป็นนิจท่านชี้                     มักเป็นหนี้ท่านแจ้งแถลงสาร
ว่าญาติมิตรไม่ดีมักมีพาล                               ศัตรูผลาญอยู่จำเนียรเบียดเบียนตน
จันทร์เป็นนิจผิดโฉลกเป็นโรคร้าย            มักจับจ่ายสมบัติให้ขัดสน
อังคารเป็นนิจทรัพย์ร้อนค่อยผ่อนตน                  มีข้าคนแสนเข็ญเป็นศัตรู
พุธเป็นนิจทาสีและพี่น้อง                     ไม่ปรองดองทรยศอดสู
พฤหัสบดีเป็นนิจจงพิศดู                                มีโทษอยู่มิได้ห่างบางเบา
ศุกร์เป็นนิจลูกเมียจะเสียทรัพย์               ป่นปี้ยับอีกประหนึ่งต้องพึ่งเขา
ผู้อื่นเลี้ยงอยู่เป็นนิจชีวิตเรา                            ทั้งโรคเร้ารุมล้อมย้อมกายา
องค์พระเสาร์เป็นนิจจงคิดทาย               ว่าจะได้ทรัพย์เช่นเป็นโทสา
เหตุจองจำร่ำร้อนเพราะโภคา                          อีกยาตราพลัดถิ่นให้สิ้นไกล                  
พระราหูเป็นนิจจงคิดรู้                        เพื่อนมิตรหมู่นำพาให้เสียหาย
          ทั้งหลงเลศเหตุลวงล่วงอุบาย                           มักกล้ำกรายคดีความตามกินเอย

ดาวอุจคำกลอน

ดาวอุจคำกลอน
มหาอุจพระอาทิตย์ทรงฤทธิ์กล้า             มีวิชาล้ำเลิศประเสริฐสันต์
บริวารญาติมิตรสนิทกัน                                อุดมครันทรัพย์สมบัติสวัสดี
มหาอุจพระจันทร์อันแจ่มใส                  ห่างโรคภัยไม่มีภัยทุกข์เป็นสุขี
จะไปไหนใช้ยวดยานฐานมากมี                        ยศศักดิ์ดีคนรักมักบูชา
มหาอุจอังคารสำราญใจ                      จะโตใหญ่ปรากฏด้วยยศถา
ทรัพย์สินเงินทองมองมูนเพิ่มพูนมา                    บุตรภรรยามากสินที่ดินแดน
มหาอุจพระพุธปัญญายศ                      จะปรากฏเงินทองของแก้วแหวน
ทั้งช้างม้าข้าคนล้นคะแนน                             ลูกเมียแน่นไพรีไม่มีทาน
มหาอุจพฤหัสสวัสดี                           จะมั่งมียศศักดิ์เป็นหลักฐาน
ทั้งช้างม้าข้าคนพลการ                                 เป็นอาจารย์วิชาปัญญาดี
มหาอุจพระศุกร์ไม่ทุกข์ใจ                    รูปวิไลทรัพย์เลิศประเสริฐศรี
ทั้งเรือกสวนไร่นาพงษาดี                               จะเป็นที่พึ่งพาประชาชน
มหาอุจพระเสาร์มีเชาว์แล่น                  เป็นปึกแผ่นที่พระยาสถาผล
อำนาจฤทธิ์มิตรสหายหลายตำบล                     มีข้าคนสินทรัพย์ไม่อับปาง
มหาอุจราหูผู้เรืองเดช                         แสนวิเศษคุณสมบัติไม่ขัดขวาง
มีโภไคใจบุญเป็นขุนนาง                                โรคก็ห่างไพรีไม่มีเอย

23 มีนาคม 2558

ดาวประคำกลอน

ดาวประคำกลอน
อาทิตย์เป็นประอภิปราย                สิ่งทั้งหลายทรัพย์สินที่ถิ่นฐาน
และลูกเมียข้าทาสญาติวงศ์วาน                  พอประมาณไม่ยากไม่มากมาย
จันทร์เป็นประมกรา                     ถึงแม้นว่ารูปจะเสียเมียก็หลาย
แต่ไม่มากพอประมาณท่านทำนาย               คนเบื่อหน่ายยศทรามโรคตามกิน
อังคารเป็นประละเผ่าพันธุ์              กล้าขยันเสื่อมคลายจ่ายทรัพย์สิน
ทำการร้างค้างช้าเป็นอาจิณ                      คนมักหมิ่นยศทรัพย์ก็จักคลาย
พุธเป็นประจะหมายมาตร               ไปพึ่งญาติพึ่งมิตรอย่าคิดหมาย
จะเสื่อมทรัพย์อัปภาคย์ปัญญาตาย               ขาดเจ้านายเพื่อนฝูงบำรุงตน
พฤหัสเป็นประอาภัพครู                 ทั้งความรู้ก็ไม่เชิดให้เกิดผล
จะมีมาแต่ละครั้งต้องกังวล                        เงินทองปนทำลายสูญหายไป
ศุกระเป็นประตาพิกล                   ซ้ำขาดคนอุปถัมภ์กรรมไฉน
บริวารยศนามเสื่อมทรามไป                      ไม่มีใจอารีที่ชอบธรรม
โสระหากเป็นประนั้นเพื่อนมาก         เพื่อนพาลพรากไม่สุขอุปถัมภ์
อาภัพทรัพย์ร้อนค่อนข้างมีกรรม                 แต่พอทำพอกินจนสิ้นลม
ราหูเป็นประว่าใจบาป                  วาจาหยาบเหลือฝืนแสนขื่นขม
ทั้งหยาบคายกิริยาไม่น่าชม                       ยศมักล้มปัญญาถอยน้อยทรัพย์เอย

แจกฟรี!! โปรแกรมกาลชะตาสิงห์นภดล

สิงห์นภดล คือ วิชาพยากรณ์ศาสตร์แขนงกาลชะตา(จับยาม,ทายยาม) ที่ได้พัฒนาองค์ความรู้มาจากวิชาสายดวงยามเลข ๗ ตัว ที่คิดค้นขึ้นโดยท่านสิงห์ แล้วนำผลคำนวณมาขับดาวเข้าจักรตามสายวิชาสำนักของท่านวาสนาที่เรียกว่า นภดล
          โดยได้มีการสำรวจตรวจสอบทดลองใช้วิชาสิงห์นภดลนี้ด้วยตัวท่านสิงห์ ท่านวาสนา อันถือเป็นเจ้าตำรับ ท่านวาสนานำความรู้นี้มาให้ผู้จัดทำ(ฮิปโป)ได้ทราบ เมื่อผู้จัดทำได้พิจารณาดูถึงความลงตัวในวิชาแขนงนี้ที่มีพื้นฐานจากดวงภูมิดล และมีกลการขับดาวเข้าจักรเป็นดวงนภดล พร้อมทดลองใช้การอ่านดวงตามกระบวนวิธีทางโหราศาสตร์แล้วเห็นว่าเป็นวิชาที่ดีมีความแม่นยำ จึงจัดทำเป็นโปรแกรมแจกจ่ายในรุ่นแรกๆ ให้นักโหราศาสตร์ได้ร่วมพิจารณาขีดความสามารถของวิชาสิงห์นภดล ซึ่งได้รับความสนใจและยอมรับว่ามีความแม่นยำในการทำนายตามแขนงวิชากาลชะตา ผู้จัดทำจึงได้พัฒนาโปรแกรมสิงห์นภดลรุ่นนี้ขึ้น เพื่อเป็นการแจกจ่ายให้แก่ผู้สนใจได้นำไปใช้ตามสาระประโยชน์เฉพาะของตน และสมควรสร้างความเข้าใจร่วมกันดังนี้
          ๑.เลข ๗ ตัว ๔ ฐาน ที่ปรากฏเป็นการคำนวณตามหลักการของท่านสิงห์ ที่มาจากชั่วโมง นาที ซึ่งดวงยามจะเปลี่ยนไปทุกๆ ๑ นาที มิใช่ฐานที่มาจากวัน เดือน ปี แต่อย่างใด
          ๒.ดาววงใน คือ การขับดาวเข้าจักรจากเลข ๗ ตัว ๔ ฐาน ตามสายวิชาของท่านวาสนาที่เรียกว่านภดล
          ๓.ดาววงนอก คือ ดาวจรปัจจุบันตามแบบสุริยยาตรวิธี
          ๔.ทักษากลางดวง คือ ทักษาประจำวัน
๕.ผู้จัดทำ(ฮิปโป)เห็นว่าสามารถนำความหมายจักรทีปนีจรมากระทบดวงยามได้ จึงบรรจุไว้ในโปรแกรมครั้งนี้ พร้อมด้วยคามหมายยามอัฐกาลชั้นฉาย
ขอให้ท่านผู้สนใจที่ใช้โปรแกรมนี้จงเจริญสุขวัฒนะทางโหราศาสตร์ด้วยกันทุกท่าน
ด้วยจิตคารวะในโหราศาสตร์-พยากรณ์ศาสตร์

สิงห์ วาสนา ฮิปโป

22 มีนาคม 2558

ดาวเกษตรคำกลอน

ดาวเกษตรคำกลอน
เกษตรอาทิตย์สถิตสิงห์ ปัญญายิ่งยศถาจะหาไหน ทั้งรูปงามนามดีศรีวิไล จะมีชัยแก่ศัตรูในหมู่พาล ทายว่าดีมีทรัพย์เป็นหนึ่ง จะขังขึงโตใหญ่แผ่ไพศาล มีช้างม้าข้าไทที่ใช้การ ทั้งวงศ์วานญาติมิตรสนิทดี
เกษตรจันทร์นั้นหนอกรกฏ จะมียศศักดิ์เลิศประเสริฐศรี โภคทรัพย์คับคั่งจะมั่งมี อีกถิ่นที่เรือกสวนล้วนไร่นา มีคนรักพักพาได้อาศัย ไม่มีใครจงจิตริษยา รูปก็ดีมีสุขทุกทิวา ญาติกามากมายเป็นก่ายกอง
เกษตรอังคารฐานที่อยู่พิจิก อีกสถิตเมษมีราศรีสอง มียศศักดิ์หนักหน้าหัวหน้ากอง ทั้งเงินทองบริบูรณ์เพิ่มพูนมา อีกปัญญาพาทีก็ดีล้น ศัตรูยลเกรงอำนาจวาสนา จะขึ้นชื่อลือเลี่องเปรื่องปรีชา เป็นใหญ่กว่าท่านทั้งหลายสบายใจ
เกษตรพุธหยุดที่มิถุนกันย์ ช่างจำนรรแจ่มแจ้งแถลงไข โคลงกาพย์ฉันท์นั้นเล่าย่อมเข้าใจ ปัญญาไวช่างคิดประดิษฐ์ดี ทรัพย์โภคามาสู่ไม่รู้ขาด เฉลียวฉลาดไม่มีทุกข์เป็นสุขี มิตรสหายพี่น้องปรองดองดี มีไมตรีรักกันไม่ฉันทา
เกษตรพฤหัสจำกัดถิ่น ธนู มีน รู้คัมภีร์ดีนักหนา เฉลียวฉลาดชาติกวีมีปรีชา ท้าวพระยามักนิยมชมทุกชน มีโภคาปรากฏทั้งยศศักดิ์ เจนประจักษ์สารพัดไม่ขัดสน เจรจาพาทีมีมงคล ทุกตำบลบูชาเป็นอาจารย์
เกษตรศุกร์พฤษภสมทบตุล จะมีบุญยศศักดิ์เป็นหลักฐาน ทั้งข้าวเกลือเหลือล้นพ้นประมาณ มีถิ่นฐานบ้านนาและลาโภ เป็นที่พึ่งญาติกาได้อาศัย โดยน้ำใจอารีดีนักโข มีความสุขเย็นใจไร้ทรวงโซ ไม่เลโลอาภัพอับประมาณ
เกษตรเสาร์เนาว์มกรไม่ร้อนจิต กำเริบฤทธิ์เป็นพระยาใจกล้าหาญ แม้นอาสาเจ้านายคงได้การ โปรดประทานลาภยศปรากฏจริง มีโภคาข้าคนไม่จนยาก เมียก็มากเจ้าชู้เชิงผู้หญิง ปัจจามิตรเกรงอำนาจไม่อาจติง เพื่อนฝูงยิ่งโรคห่างค่อนข้างเบา
เกษตรราหูอยู่กุมภะ จักชนะสงครามไม่คร้ามเขา มักดื้อด้านดุดันขันไม่เบา แต่ผมเผ้าค่อนข้างบางห่างโรคี ชอบรื่นเริงเชิงทหารในการรบ ศัตรูหลบตัวปลีกเลี่ยงหลีกหนี คนอาศัยพึ่งพาบารมี เชื้อยักษีราหูทายดูเอย

ความเห็นส่วนตัว : เป็นการประพันธ์แบบกลอนสี่สุภาพหรือกลอนแปด บอกราศีที่ดาวเกษตรนั้นสถิต เข้าใจว่าน่าจะเป็นการประพันธ์ขึ้นในชั้นหลัง เพราะมีการรับสงเคราะห์เอาราหูฉายาเคราะห์มาเป็นดาวเกษตรราศีกุมภ์ ที่ตามแบบสัปตเคราะห์เดิม ดาวเสาร์จะทำหน้าที่เกษตรสองเรือนที่เรียกว่าทวีภาวะราศี คือดาวเสาร์เป็นทั้งเกษตรในราศีมกรและกุมภ์ด้วย ต่อมาเมื่อ “มโนคติ” ของโหราจารย์ท่านสงเคราะห์เอาราหูเข้ามาใช้เป็นระบบ “อัฐเคราะห์” จึงมีคำพยากรณ์เหล่านี้ของราหูตามออกมาในภายหลัง หรือบางบทบางตอนยังหาความหมายให้ไม่ได้ ท่านมักระบุไว้เพียงว่า “ให้ทายอย่างเสารัน เท่านั้นเอย” คือให้ทายเหมือนกับดาวเสาร์นั้นเอง เรื่องนี้จึงน่าคิดต่อยอดถึงคำพยากรณ์ในด้านต่างๆของราหู และพิสูจน์ดูในสถิติความเป็นไปของความหมายตามเหตุผลต่างๆที่ควรจะเป็นในโครงสร้างของการพยากรณ์นั้น

ธีรพร  เพชรกำแพง
22 มีนาคม 2558

21 มีนาคม 2558

ตัวอย่างการพยากรณ์ดวงชะตาพื้นฐาน ตอน การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย 2

การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย ๒
          การศึกษาเรียนรู้ทางโหราศาสตร์ย่อมทำให้เราได้เรียนรู้ความเป็นไปของชีวิต ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือการศึกษาเรื่อง “กรรม” ตามแบบพระพุทธศาสนา การพิจารณากรรมทางโหราศาสตร์ในส่วนที่กำกับการกระทำได้ จะต้องเห็นว่ากรรมคือการกระทำที่ตนเองรับผิดชอบได้ หากไม่สามารถจะรับผิดชอบกรรมนั้นได้ก็จงอย่ากระทำเสีย แต่คนเราต่างความคิดจิตใจ โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจเลือกแนวโน้มความเป็นไปของชีวิต แม้จะรู้ผลด้านลบที่จะพึงเกิดมีเมื่อเลือกทางเดินนั้น แต่บางคนหรือหลายคนก็เลือกที่จะกระทำกรรมที่ตนเองรับผิดชอบไม่ได้เสมอ เป็นเรื่องของ “ดวงชะตา” ตามความหมายของกรรมคือการกระทำ
          เรื่องราวที่จะนำเสนอเป็นการพิจารณาดวงแบบเรือนสัมพันธ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวของ “กดุมภะ” ซึ่งเป็นเรือนที่ ๒ หากนับจากลัคนาไปจะอยู่หน้าลัคนา ๑ ราศี ความหมายในดวงชะตาเกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สิน สมบัติ รายได้(รายรับรายจ่าย)
          ตามรูปแบบการพิจารณาดวงชะตาอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เราจะจับดูดาวเกษตรเจ้าเรือนกดุมภะนั้นไปสถิตแห่งหนราศีใด มีตำแหน่งมาตรฐานดีหรือเสื่อมอย่างไร เกษตรเรือนที่ตนอาศัยนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู ธาตุราศีที่ตนสถิตให้ผลส่งเสริมหรือขัดแย้งกับธาตุดาวกดุมภะแห่งตน การพิจารณาอย่างนี้เพื่อตรวจดูสถานะของดาวเจ้าเรือนกดุมภะว่ามีความเป็นอยู่ที่จะให้ผลความหมายในเบื้องแรกอย่างไร
ขั้นต่อไปเพื่อเป็นการขยายผลภาพความหมายที่ได้นี้ จะต้องตามดูเจ้าเรือนที่ดาวกดุมภะไปอาศัยว่าไปสถิตยังเรือนใด ให้เอาความหมายของเรือนนั้นมาสอบประกอบเข้ากับเรื่องราวที่เราได้อ่านไว้แล้วเป็นลำดับขั้นตอนมา เพื่อให้เรื่องมีความกระจ่างชัดขึ้น
จากนั้นพิจารณาถึงความสัมพันธ์ในเรือนกดุมภะว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะ “ดาวลอย” มาสถิตอยู่หรือไม่ หากมีจะต้องพิจารณาภาพความหมายที่ดาวลอยนั้นนำมาประสมกับความหมายที่ได้จากการอ่านในชั้นแรก เป็นการพิจารณาดวงชะตาจากดาวที่มีความเป็น “ดาว” คือเกษตรราศี และความเป็น “เจ้าเรือน” อันเป็นเกษตรแห่งเรือน มาสำทับความหมายให้มีความชัดเจนหนักแน่นขึ้น

          จากรูปดวงชะตานี้เราจะเห็นว่าลัคนาสถิตราศีสิงห์ ราศีกันย์จึงเป็นเรือนกดุมภะ ให้ภาพความหมายราศีในเรือนว่า “การรู้จักรอบคอบ รัดกุม แยกแยะ วิเคราะห์ ก่อนการใช้จ่ายและหาเพิ่มเสริมประสงค์ป้องกันสภาพพร่อง” แสดงถึงเจ้าชะตามีความเข้าใจในการหาทรัพย์และนำทรัพย์นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ชีวิตมีความคล่องตัว
ก.ดาว ๔ คือเจ้าเรือนกดุมภะ ไปสถิตยังราศีกุมภ์อันเป็นเรือนปัตนิ หมายถึงการเงินของเจ้าชะตาจะมีในลักษณะของ “ผู้ร่วม” เข้ามาเกี่ยวข้อง และบุคคลที่จะมาร่วมในเรื่องการเงินของเจ้าชะตานั้นคือบุคคลตามความหมายของเรือนปัตนิ คือ ครอบครัว สามีภรรยา คนรัก คู่ครอง ผู้ที่เกี่ยวข้องผูกพัน หุ้นส่วน และเมื่อดาว ๔ ไปอยู่เรือนปัตนิ ให้ภาพความหมายดาวสถิตเรือนว่า “การใช้มิติแห่งการสื่อสาร เจรจาพูดคุย แสดงออก ปรับประยุกต์ในการมีส่วนร่วม/คบหา”แสดงถึงว่าเจ้าชะตาจะต้องกระทำการมีส่วนร่วมกับบุคคลที่คบหา เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินการเงิน
ข.ดาว ๔ เจ้าเรือนกดุมภะสถิตราศีกุมภ์ ไม่มีมาตรฐานตำแหน่งใดให้พิจารณา จึงมองต่อไปที่ราศีกุมภ์นั้นมีเกษตรเจ้าราศีคือดาว ๘ ความสัมพันธ์ของดาว ๔ และ ๘ ถือว่าเป็นคู่ศัตรูกันโดยตรง จึงให้ผลขัดแย้งรุนแรง เสียหาย ผิดพลาด อันเป็นเหตุร้ายแก่เรื่องการเงินของเจ้าชะตา ถือว่าเป็นผลทางลบมากกว่าผลทางบวก ความเป็นคู่ศัตรูระหว่างดาว ๔ ๘ ท่านระบุไว้ว่า “เป็นสภาวะที่ถูกล่าวร้าย ใส่ความ ถูกยุยง กลโกง ลับลวงพราง ไม่สุจริต”
ค.ดาว ๔ เป็นดาวธาตุน้ำ ไปสถิตราศีกุมภ์ธาตุลม ธาตุราศีกับธาตุดาวมิได้ถือว่าส่งเสริมหรือขัดแย้งกันโดยตรง ดาว ๔ มาสถิตราศีกุมภ์ย่อมได้รับอิทธิพลราศีกล่อมเกลาดาว ๔ ให้มีความหมายในลักษณะของการมีความถนัดชำนาญในการปรับประยุกต์สื่อสารเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่าย มีความรู้ในการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกให้เข้ากับกลุ่มหมู่พวกได้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะเรียนและรับรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งแสดงว่าเจ้าชะตาย่อมมีทักษะในการแก้ปัญหาที่จะพึงมีเกิดขึ้นจากตัวบุคคลหรือเรื่องต่างๆที่มากระทบได้
ง.เมื่อรู้ที่มาที่ไปพอจับเป็นภาพความหมายพยากรณ์ได้เค้าโครงแล้ว ต่อไปเพื่อเป็นการขยายผลความหมายให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นเราจะติดตามดาว ๘ เจ้าเรือนราศีกุมภ์ที่ดาว ๔ ไปสถิต ว่าจะชี้ผลความหมายอยู่ในเรือนใด แล้วหยิบยกเอาความหมายนั้นมาประกอบเสริมเพิ่มเติมกับความหมายที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ดังนี้
ดาว ๘ นั้นไปสถิตเรือนลาภะ ราศีมิถุน เป็นเกษตรแลกเรือนกับดาว ๔ ความเป็นเกษตรแลกเรือนนี้ให้ผลความหมายทางด้านความกลับไปกลับมา ถ่ายโอนเปลี่ยนแปลงในลักษณะแลกเปลี่ยนกัน เป็นความหมายทางการเงินของเจ้าชะตาว่าจะต้องมีความหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน แล้วจึงทำให้ชีวิตการเงินของเจ้าชะตาประสบความสำเร็จขึ้นมาได้จากความเปลี่ยนกลับไปกลับมานั้น
จ.ต่อไปพิจารณาดาวที่มีความสัมพันธ์กับเรือนกดุมภะในลักษณะ “ดาวลอย” ในที่นี้คือดาว ๓ ๗ ที่จะนำเอาภาพความหมายของความเป็นดาวและเจ้าเรือนมายังเรือนกดุมภะที่เราพิจารณาอยู่นี้
ดาว ๓ เป็นเจ้าเรือนพันธุและศุภะ มาสถิตราศีกันย์มีมาตรฐานเป็นมหาจักร มาสถิตเรือนกดุมภะ  ความเป็นมหาจักรของดาว ๓ นี้แสดงถึงความผันผวนโลดโผนทำให้ต้องพลิกแพลงปรับประยุกต์เอาตามสถานการณ์ โดยเรื่องการเงินของเจ้าชะตานี้มักมีความผันผวนต่อความมั่นคง(พันธุ-มหาจักร) อันเนื่องมาจากการที่ต้องพลิกแพลงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย(ศุภะ-มหาจักร)
ดาว ๗ เป็นเจ้าเรือนอริ มาสถิตราศีกันย์เรือนกดุมภะ มีความหมายว่า เกิดความยุ่งยากทางการเงินแก่เจ้าชะตา อันเนื่องมาจากบุคคลที่เป็นผู้มีส่วนร่วม(กดุมภะไปตกปัตนิ)
สรุปความหมายจากปัจจัยที่พิจารณามาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนได้ว่า ภาวะการเงินของเจ้าชะตามักประสบปัญหา แต่ก็สามารถทำมาหาได้ด้วยความสามารถของตนเอง โดยการพลิกแพลงปรับประยุกต์วิธีในการหาเงิน หรือมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางการหาเงิน การเงินในลักษณะหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านของการมีส่วนร่วมทางการเงินกับบุคคลอื่นทำให้เจ้าชะตาประสบความสำเร็จทางด้านการเงินและความมั่นคงขึ้นมาได้
ข้อเท็จจริงของดวงชะตานี้คือ เจ้าชะตาเพศชายเคยไปทำงานต่างประเทศ ได้เงินก้อนมาลงทุนทำสวนผลไม้เพื่อหวังผลระยะยาว ร่วมลงทุนกับญาติ แต่ก็ปรากฏว่าเกิดความเสียหายคล้ายการโกงขึ้นจากการดูแลไม่ทั่วถึงของตน ญาติจึงได้ผลประโยชน์มากกว่า จึงทำให้สวนผลไม้และเงินที่ลงทุนนั้นเป็นอันล่มไป จากนั้นจึงหันมาลงทุนทำในสิ่งที่ให้ผลระยะสั้นในด้านการค้าขาย โดยเป็นการค้าขายที่เปลี่ยนแปลงพลิกผันไปเรื่อยตามดวงชะตาที่พิจารณามาข้างต้น กระทำร่วมกับภรรยาคู่ชีวิต คือฤดูใดมีผักผลไม้ก็จะนำเข้าไปขายที่ตลาดในเมืองแบบขายส่ง พอหมดฤดูผักผลไม้ก็ไปเช่าแผงขายอาหารตามสั่งตามแหล่งท่องเที่ยว พอหมดจากการขายอาหารตามสั่งก็ไปขายเสื้อผ้า หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ โดยจะไม่ลงทุนอะไรในลักษณะที่หวังผลระยะยาว เพราะได้สังเกตวาสนาชะตาตนมาอย่างนั้น จึงกระทำตนให้สอดคล้องกับดวงชะตาดังกล่าว
เมื่อพิจารณาติดตามอ่านผลลงไปตามเรือนตามดาวเรื่อยๆแล้ว ท่านจะเห็นว่าภาพความหมายนั้นปรากฏชัดเจนขึ้นทุกขณะที่อ่านสืบสาวตามเรื่องราวอิงดาวอิงเรือนนั้นไป และให้ภาพความหมายละเอียดหนักแน่น ไม่ฉาบฉวยแค่การสังเกตเพียงผิวเผิน การพิจารณาดวงอย่างนี้จะทำให้เราได้ภาพความหมายอย่างรู้ที่มาที่ไปและมีความเป็นเหตุเป็นผลตรงตามลีลาชีวิตของเจ้าชะตา จึงขอให้ท่านผู้ศึกษาสนใจและตระหนักถึงความสำคัญของการพิจารณาดวงชะตาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนนี้ไว้ให้มาก เพื่อประโยชน์แก่ตัวท่านเองในวันข้างหน้า

ธีรพร  เพชรกำแพง
22 มีนาคม 2558

20 มีนาคม 2558

ตัวอย่างการพยากรณ์ดวงชะตาพื้นฐาน ตอน การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย 1

การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย ๑

          การพิจารณาดวงชะตาด้วยระบบเรือนสัมพันธ์นั้น จะต้องนำเรื่องราวที่ต้องการจะพิจารณาหาความหมายนั้น ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรือนใดแล้วจึงพิจารณาเรื่องราวของเรือนนั้นตามลำดับขั้นตอน และหากมีดาวลอยมาสถิตในเรือนนั้น จำเป็นจะต้องพิจารณาความหมายที่ดาวนั้นนำมาให้สู่เรือนที่ตนสถิตด้วย
          ในครั้งนี้เราจะพิจารณาเรือน “กดุมภะ” อันเป็นเรือนที่ให้ความหมายในด้านของการเงิน ทรัพย์สิน สมบัติ รายรับรายจ่าย เป็นการแสดงถึงสถานะการเงินของเจ้าชะตา โดยเมื่อเราจะพิจารณาดูภาวะการเงินของเจ้าชะตา เบื้องแรกให้พิจารณาเกษตรเจ้าเรือนแห่งกดุมภะนั้นไปสถิตอยู่ในราศีใด มีตำแหน่งเป็นเกษตร ประ อุจ นิจ มหาจักร ราชาโชคอย่างไร จากนั้นก็มองว่าดาวแห่งกดุมภะนั้นไปสถิตอาศัยในราศีที่เกษตรเจ้าเรือนนั้นเป็นคู่มิตร คู่ศัตรู ทำให้เกิดผลความหมายขัดแย้งหรือส่งเสริมกันประการใด แล้วจึงดูว่าดาวกดุมภะนั้นเป็นดาวธาตุใดไปสถิตในราศีธาตุใด ราศีธาตุที่อาศัยกับธาตุดาวนั้นมีความส่งเสริมหรือขัดแย้งในภาพผลความหมายอย่างไรเช่นเดียวกัน การพิจารณานี้เพื่อตรวจดูสถานะของดาวกดุมภะว่าอยู่ในภาวะเข้มแข็งหรืออ่อนแอที่จะส่งผลในดวงชะตาอย่างไร แล้วจึงพิจารณาตามดูดาวเกษตรเจ้าเรือนที่ดาวกดุมภะนั้นไปสถิตอยู่ ว่าไปสถิตเรือนใดของดวงชะตา เพื่อที่จะนำเอาภาพความหมายของเรือนนั้นมาสมทบประกอบเป็นเหตุผลร่วมกับเงื่อนไขแรกที่เราได้พิจาณาเกรินกล่าวไว้ตอนแรกแล้ว

          จากรูปดวงชะตาที่ยกตัวอย่างมานี้จะเห็นว่าลัคนาสถิตอยู่ในราศีกรกฎ โดยมีราศีสิงห์เป็นเรือนกดุมภะ และดาว ๑ เป็นเกษตรเจ้าเรือนกดุมภะ มาสถิตกุมลัคนาในราศีกรกฎ มีตำแหน่งเป็นมหาจักร เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นในชั้นแรก จึงต้องพิจารณาเป็นลำดับขั้นตอนไปดังนี้
          ก.ดาว ๑ เจ้าเรือนกดุมภะมากุมลัคนาคือการเงินนี้ถึงตัวเจ้าชะตาโดยตรง ถือว่าเรื่องการเงินมีความสำคัญกับชีวิตของเจ้าชะตามาก ไม่ว่าจะเป็นด้านร้ายหรือด้านเสียก็ตาม ตรงนี้เราจะได้ภาพความหมายดาว ๑ ที่มาสถิตลัคนาหรือเรือนตนุได้ว่า “การกระทำมุ่งตรงไปข้างหน้า ริเริ่มกระทำ ตรงไปตรงมา” แสดงให้เห็นถึงเจ้าชะตามีความมุ่งกระทำในเรื่องที่เป็นฐานมาจากกดุมภะอย่างจริงจังด้วย
          ข.ดาว ๑ เจ้าเรือนกดุมภะราศีกรกฎ มีตำแหน่งเป็นมหาจักร อิทธิพลของดาวมหาจักรจะให้ผลในด้านของความโลดโผน ไม่ดำเนินไปอย่างปกติธรรมดา ความหมายคือ การเงินที่จะส่งผลต่อชีวิตเจ้าชะตานั้นจะเป็นไปโดยไร้รูปแบบที่กำหนด มีความพลิกแพลง และเมื่อพิจารณาความหมายเพิ่มเติมจากดาวในราศี ดาว ๑ สถิตราศีกรกฎ ความหมายคือ “การกระทำในเชิงดูแล ปกป้อง ประสาน ผลประโยชน์” คือเมื่อได้การเงินนั้นมาแล้ว เจ้าชะตาย่อมจะดูแลรักษา,สร้างหรือก่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป
          ค.ดาว ๑ สถิตราศีกรกฏ ซึ่ง ๒ เป็นเกษตรเจ้าราศี ความสัมพันธ์ระหว่าง ๑ และ ๒ ไม่เป็นคู่มิตรหรือศัตรูต่อกันโดยตรงนัก เพราะฉะนั้นการส่งเสริมหรือขัดแย้งกันระหว่างความเป็นเจ้าเรือนทั้งดาว ๑ และ ๒ จึงไม่มีผลทางบวกและทางลบ
          ง.ดาว ๑ เป็นดาวธาตุไฟ ไปสถิตราศีกรกฎอันเป็นราศีธาตุน้ำ ความเป็นธาตุไฟของดาว ๑ ย่อมอ่อนกำลังลง เพราะธรรมชาติของน้ำย่อมหักล้างไฟ ตัดทอนผลได้ผลเสียทางการเงิน คือจากเดิมที่อาจจะรุ่งโรจน์ดั่งเปลวไฟโหม หรือเสียหายดั่งไฟไหม้เผาผลาญ ก็ลดความหมายดีร้ายนั้นลงกลายเป็นไฟที่อ่อนแรงทางความหมายพยากรณ์
          จ.พิจารณาติดตามดาว ๒ ตนุลัคน์ หรือเจ้าเรือนตนุที่ดาวกดุมภะไปอาศัยอยู่นั้น ว่าไปสถิตยังเรือนใด เพื่อที่จะเป็นการชี้ผลขยายความภาพความหมายที่เราได้อ่านในเบื้องแรกตั้งแต่ข้อ ก.-ง. นั้นมาแล้ว ในที่นี้ดาว ๒ สถิตราศีเมษ มีตำแหน่งเป็นมหาจักรในเรือนกัมมะ จะเห็นได้ว่ามีความเป็นมหาจักรทั้งสองตำแหน่งคือดาว ๑ มหาจักรที่มากุมลัคนา และดาว ๒ มหาจักรในเรือนกัมมะอันเป็นตัวขยายผล ถือว่าเป็นกำลังมหาจักรถึงสองเท่า ความหมายคือภาวะการเงินของเจ้าชะตา(กดุมภะ) มีความเกี่ยวข้องกับการจัดการของเจ้าชะตาโดยตรง(ตนุ) ต้องใช้สติปัญญาไหวพริบพลิกแพลง(๑ ๒ มหาจักร) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการงานและการลงทุนของเจ้าชะตา(กัมมะ) และความหมายดาวในเรือนของดาว ๒ ในเรือนกัมมะ ยังให้ภาพความหมายอีกว่า “การปรารถนาความสำเร็จในกิจทั้งก่อนและหลัง หวังผลในระยะยาว” แสดงว่าเจ้าชะตามีความคาดหวังทางด้านการเงินอย่างยิ่ง และมุ่งกระทำหวังผลในระยะยาวเพื่อความมั่นคงของชีวิต
          ฉ.พิจารณาความสัมพันธ์ของดาวที่มามีอิทธิพลความหมายในเรือนกดุมภะ หรือที่เรียกว่าดาวลอยในเรือน ซึ่งในที่นี้ก็คือดาว ๔ และ ๖ ที่มาสถิตในเรือนกดุมภะ ย่อมนำความหมายของความเป็นดาวและเจ้าเรือนมายังกดุมภะที่เราพิจารณาด้วย ดังนี้
          ดาว ๔ เป็นเจ้าเรือนสหัสชะและวินาส มีตำแหน่งมาตรฐานเป็นมหาจักร/ราชาโชค ให้ความหมายถึงการเงินที่ต้องมีความหมุนเวียนที่เรียกว่า “เงินหมุน” โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าชะตามามีส่วนร่วม(สหัสชะ) ในการแก้ไขปัญหาอันจะมีเกิดขึ้นเฉพาะหน้าเป็นแรงผลักดัน(วินาส) ด้วยการพลิกแพลงให้มีความราบรื่นสำเร็จไปด้วยดี(มหาจักร/ราชาโชค) และความหมายดาวในเรือนของดาว ๔ ให้ภาพความหมายว่า “คิดพลิกแพลงในการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด” จึงเป็นการย้ำในข้อที่ว่าเจ้าชะตาจะต้องมีรูปแบบในการปรับเปลี่ยนการเงินให้มีความงอกเงยนั้นเอง
          ดาว ๖ เป็นเจ้าเรือนพันธุและลาภะ ให้ความหมายถึงการเงินของเจ้าชะตาในครั้งนี้เป็นไปเพื่อความมั่นคงในครอบครัว(พันธุ) และจะประสบความสำเร็จในเรื่องลาภผล รายได้ กำไร ตามที่ต้องการ(ลาภะ) และความหมายดาวในเรือนของดาว ๖ ให้ภาพความหมายว่า “การคิดสร้างสรรค์ไว้ล่วงหน้าก่อนจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่มีคุณค่าต่อความเป็นอยู่” ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าชะตามีการวางแผนในการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งการเงิน โดยการแก้ไขดิ้นรนพลิกแพลงหนทางวิธีการ เพื่อที่จะสั่งสมเข้าเป็นความมั่นคงของครอบครัวและฐานะชีวิตความเป็นอยู่ในชีวิตให้ดีขึ้น
          ท่านผู้สนใจศึกษาเมื่ออ่านมาเป็นลำดับย่อมที่จะทราบความหมายได้ไม่ยาก โดยไม่จำเป็นต้องมาสรุปเรียบเรียงให้ดูใหม่ เพราะได้เห็นภาพความหมายแต่ละขั้นตอนในการอ่านดวงชะตาด้วยระบบเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอยในเรือนชะตา ที่ได้แสดงให้ดูอย่างชัดเจนนั้นแล้ว สิ่งที่ประสงค์จะเน้นย้ำคือเรื่องความสำคัญของการพิจารณาดวงชะตาอย่างเป็นลำดับขั้นตอนนี้ว่า ทำให้เรารู้ถึงที่มาที่ไปและความเป็นเหตุเป็นผลของปัจจัยความหมายในดวงชะตา ซึ่งเมื่อเราพิจารณาฝึกฝนทบทวนให้มากเข้า ความจัดเจนชำนาญในการอ่านดวงชะตาระบบนี้ย่อมเกิดมีขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อหยิบดวงใดขึ้นมาพิจารณาด้วยระบบเรือนสัมพันธ์ก็จะมีความคล่องตัวและรวดเร็วในการอ่านดวงอย่างชัดเจนตามลำดับ

ธีรพร  เพชรกำแพง

20 มีนาคม 2558

19 มีนาคม 2558

ตัวอย่างการพยากรณ์ดวงชะตาพื้นฐาน ตอน การอ่านเรือนสัมพันธ์จากดาวลอย

การอ่านเรือนสัมพันธ์จากดาวลอย
          ในครั้งก่อนได้มีโอกาสแสดงการอ่านดวงชะตาแบบการอ่านดาวลอยในเรือน และการอ่านแบบเรือนสัมพันธ์ ซึ่งทั้งสองเรื่องจะมีส่วนที่ต้องพิจารณาคือ “ดาว” ในความที่ดาวนั้นเป็นดาวในเรือนราศี และความที่ดาวนั้นเป็น “เจ้าเรือน” โดยได้แสดงลำดับขั้นตอนการพิจารณาทั้งสองอย่างนั้นไว้ให้เห็นภาพการหาความหมายทางการพยากรณ์อย่างชัดเจนแล้ว ในครั้งนี้เราจะนำเรื่องนี้มาผนวกรวมเป็นการพิจารณาดวงชะตาในรูปแบบเดียวกัน โดยพิจารณาในเรื่องของ “ปัตนิ” ดังต่อไปนี้

          ลำดับแรกให้พิจารณาเรือนปัตนิอันมีความหมายเกี่ยวข้องกับเรื่อง “คู่ครอง คนรักความรัก  หุ้นส่วน คู่คดี ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คนในครอบครัว ผู้มีส่วนร่วม ฝ่ายตรงข้ามที่เกี่ยวข้อง ถ่วงให้สมดุล มิตรภาพแห่งพันธะ” โดยที่ราศีพิจิกเป็นเรือนปัตนิ หมายถึง “ความกระตือรือร้นจากภายในที่อยากให้คนอื่นรับรู้ในการมีส่วนร่วม/คบหาของตน” และเมื่อพิจารณา “ดาวในราศี” ร่วมด้วยจะเห็นว่าดาว ๕ ๐ สถิตในราศีพิจิก ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้
           ดาว ๕ สถิตราศีพิจิก ความว่า การได้รับโชคลาภแบบประหลาด คือคาดคะเนอย่างหนึ่งกลับได้อีกอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นที่พึงใจ ท่านเก่าๆว่ามักมีดีมีเสีย พอได้สาระประโยชน์แล้วตัดสินใจผิดให้โทษภายหลัง (ความแปลกแห่งโชคลาภและผลที่ได้รับไม่แน่นอน)
          ดาว ๐ สถิตราศีพิจิก ความว่า เจ้าชะตาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจแข็ง อดทน บางครั้งดื้อรั้นหวั่นไหวเอาแน่นอนอะไรไม่ได้  มีแรงมุมานะจากภายใน ความแปลกแหวกแนวในความลึกลับอำพราง
          ความหมายเหล่านี้เป็นข้อมูลเบื้องแรกที่จะทำให้เราได้นำไปใช้ประกอบการพิจารณาภาพความหมายที่เกี่ยวข้องในระบบเรือนสัมพันธ์ต่อไป
          ก.ดาว ๕ เป็นเกษตรราศีธนู เจ้าเรือนมรณะ ความหมายของมรณะคือ เสื่อมสิ้นไป ตาย พรากจาก มีตำหนิ และเป็นเกษตรราศีมีน เจ้าเรือนลาภะ ความหมายของเรือนลาภะ คือ ลาภผล รายได้ ความราบรื่น และเมื่อ ๕ มาสถิตเรือนปัตนิ ย่อมนำเอาภาพความหมายของมรณะและลาภะมาสร้างเหตุปัจจัยความหมายในเรือนปัตนิเป็นความหมายว่า การพลัดพรากจากความรักหรือการได้พบบุคคลที่มีตำหนิทางด้านชีวิตรักมาก่อน(มรณะ) ทำให้เจ้าชะตามีความราบรื่น และมีลาภผลรายได้เพราะเหตุนี้(ลาภะ) เกี่ยวกับเรื่องราวการใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวของเจ้าชะตา(ปัตนิ) ซึ่งความหมายตรงนี้ยังไม่ระบุชัดลงไปว่าดีเสียอย่างไร จำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไปอีก
          ข.ตามพิจารณาดาว ๓ ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าเรือนปัตนิที่ดาว ๕ สถิตอยู่นั้น ไปสถิตเรือนลาภะราศีมีน อันเป็นเรือนเกษตรของ ๕ เป็นการสลับเรือนเกษตร หมายถึงการมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันและมีความเกื้อหนุนกันทางด้านฐานะการเงินความเป็นอยู่ของครอบครัว ในที่นี้ดาว ๓ ร่วมกับดาว ๖ อันเป็นตนุลัคน์ เป็นดาวคู่มิตรต่อกัน และด้วยคุณภาพดาว ๖ ที่เป็นอุจจึงให้ผลในด้านการสนับสนุนส่งเสริมกันและกันอย่างแรงกล้า
          ค.ดาว ๕ เป็นดาวธาตุดิน สถิตราศีพิจิกอันเป็นราศีธาตุน้ำ ถือว่าธาตุระหว่างดาว ๕ และราศีพิจิกที่ตนไปอาศัยไม่ขัดแย้งกัน
          ง.ดาว ๕ มีความสัมพันธ์กับดาว ๓ เจ้าเรือนที่ดาว ๕ สถิตในฐานะเป็น “คู่ศัตรู” มีความขัดแย้งเรรวนรบกวนกับเจ้าเรือน หมายความว่า ๕ คือ ความเดือดร้อนเสียหาย(มรณะ) และความราบรื่นในลาภผลรายได้(ลาภะ) เป็นความขัดแย้งที่ไม่ราบรื่น(๕ ๓ คู่ศัตรู) จำเป็นต้องแก้ไขในปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น(๕ เป็นเจ้าเรือนมรณะ-ลาภะ)
          จ.ดาวที่มีความสัมพันธ์ถึงด้วยการลอยอยู่ในเรือนปัตนิร่วมกับดาว ๕ ในที่นี้คือดาว ๐ ซึ่งดาวนี้มิได้มีความเป็นเจ้าเรือนใดๆ จึงไม่ได้นำเอาความหมายเรือนใดมาสัมพันธ์ด้วย เพียงแต่นำความหมายของดาว ๐ มาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรือนปัตนิในทางเสริมแรง โดยที่ดาว ๐ จะหมายถึงความผิดแผกแปลก ความฉับพลันทันที คาดเดาได้ยาก และดาว ๐ สถิตในเรือนปัตนิมีความหมายว่า “มักพบเจอความรักแบบไม่คาดคิดมาก่อน”
          เมื่อพิจารณาความหมายองค์รวมเฉพาะส่วนดาวลอยในเรือนปัตนิตามนี้แล้ว พอจะได้ภาพความหมายของเจ้าชะตาเกี่ยวกับเรื่องราวความรักได้ว่า เจ้าชะตาจะต้องประสบกับความผิดหวังในความรักอย่างมาก โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมักไม่คาดคิดมาก่อน เป็นปัญหาที่ประสบอยู่แบบโลดโผน(๕ มหาจักร)คือเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยและมักรุนแรงเข้าทุกขณะ(มี ๐ เสริม) นี่คือความหมายของดาว ๕ ในฐานที่สำแดงเป็นเจ้าเรือนมรณะมาให้ผล และเมื่อเจ้าชะตาได้ประสบพบเจอกับความรักผิดพลาดเสียหายอย่างนั้นแล้ว ทำให้มีโอกาสได้ประสบพบเจอความรักแบบไม่คาดคิดในรูปแบบที่แปลกไป(๐-ปัตนิ) คือมีโอกาสได้พบกับบุคคลที่มีลักษณะของความเป็นตำหนิในชีวิตรัก ผ่านการมีความรักมาก่อน และเป็นผู้ที่มีฐานะความเป็นอยู่ดี มีอัธยาศัยความเป็นผู้ใหญ่อย่างดาว ๕ ซึ่งดูจะมีอายุมากกว่าเจ้าชะตา และอาจจะดูต่างวัยกันมากเพราะมีดาว ๐ เสริมในเรื่องความแผกแตกต่างเรื่องนี้ประสมอยู่ด้วย โดยที่คู่ครองที่ประสบพบเจอในลักษณะที่ว่ามานี้จะมาช่วยส่งเสริมสนับสนุนความเป็นอยู่ในด้านต่างๆให้กับเจ้าชะตาได้มีความราบรื่นขึ้น(๕ ลาภะ) และเมื่อติดตามดาว ๓ เจ้าเรือนปัตนิไปสถิตเรือนลาภะร่วมกับดาว ๖ ตนุลัคน์ ทำให้เจ้าชะตาและคนรักนี้มีความเสริมส่งสนับสนุนกันดุจมิตรอันดีที่เกื้อกูลต่อก่อน(๓ ๖ คู่มิตร) พร้อมด้วยสามารถจะสร้างฐานะความเป็นอยู่ให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นได้(๖ อุจ) แม้จะมีปัญหาต่อกันในด้านความคิดความอ่านไม่ตรงกันเพราะช่วงวัย(๕ ๓ แสดงความเป็นศัตรูอยู่บ้าง) แต่ความเป็นมิตรเกื้อกูลของดาว ๓ ๖ นั้นจะเป็นตัวเชื่อมประสานให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลงตัว
          ข้อเท็จจริงของเจ้าชะตาดวงนี้มีปัญหาผิดพลาดทางความรักหลายครั้ง และได้พบเจอแม่ม่ายที่มีอายุต่างกว่าตนมากหลายปีมาชอบเจ้าชะตา ออกจะรุ่นราวคราวแม่ และเจ้าชะตาตัดสินใจคบหาและแต่งงานอยู่กินกันออกหน้าออกตา โดยที่เจ้าชะตานั้นก็มีหลักฐานฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคงอยู่แล้ว เพราะทำงานในส่วนงานราชการ ฝ่ายคู่ครองนั้นมีฐานะทางบ้านในระดับดี มีที่ดินทางการเกษตรทั้งที่ทำเองและปล่อยเช่าเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญความเป็นอยู่ของทั้งคู่นั้นดูแลกันดีดุจมิตรสหายที่รักใคร่เกื้อกูล เจ้าชะตาเป็นฝ่ายออกหน้าในกิจการงานต่างๆ ส่วนคู่ครองนั้นเป็นศรีภรรยามีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน บริหารจัดการดูแลเรื่องการเงินและเรื่องในบ้านให้เจ้าชะตาเป็นอย่างดี จึงนับว่าเป็นความแปลกแหวกแนวตามความหมายสัมพันธ์ของดาวลอยในเรือนชะตา ตรงตามที่เราอ่านภาพความหมายออกมาจากระบบเรือนสัมพันธ์ตามลำดับขั้นตอนนี้อย่างชัดเจน

ธีรพร  เพชรกำแพง
19 มีนาคม 2558



15 มีนาคม 2558

ตัวอย่างการพยากรณ์ดวงชะตาพื้นฐาน ตอน ขั้นตอนการพิจารณาเรือนสัมพันธ์

ขั้นตอนการพิจารณาเรือนสัมพันธ์
การพิจารณาถึงดวงชะตากำเนิดอันเกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่จะมีแนวโน้มทิศทางไปในแง่มุมต่างๆ จะต้องจับจุดพิจารณาที่ “เรือน” ตามความหมายที่บ่งถึงเกี่ยวข้องเป็นหลักโดยยึดเอาความเป็นเจ้าเรือนที่เป็นเกษตรราศีนั้น มาพิจารณาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกเหตุดีร้ายคุณโทษแก่ชีวิต โดยพิจารณาให้เป็นลำดับขั้นตอนเพื่อจะได้รู้สถานะความหมายแห่งดาวนั้นจนสิ้น ดังนี้
          ๑.ดาวเจ้าเรือนนั้นสถิตที่ราศีใด มีตำแหน่งมาตรฐานเข้มแข็งหรืออ่อนแอ เช่น ดาวนั้นเป็นเกษตร ประ อุจ นิจ มหาจัก ราชาโชค เป็นต้น
          ๒.ดาวเจ้าเรือนไปสถิตในราศีแห่งดาวเกษตรอะไรและความสัมพันธ์ระหว่างดาวเจ้าเรือนที่ไปสถิตกับดาวเกษตรเจ้าเรือนที่ตนสถิตเป็นคู่มิตร คู่ศัตรู หรือเป็นกลางๆต่อกัน หากเป็นคู่มิตรความหมายย่อมเสริมส่งด้านดี คู่ศัตรูบ่อมบั่นทอนให้ผลทางร้าย หากเป็นกลางๆความหมายมักไม่ดีไม่เสียจนเกินไปนัก
          ๓.ดาวเจ้าเรือนนั้นเป็นดาวธาตุใด และสถิตในราศีธาตุใด ธาตุแห่งราศีนั้นหักล้างทำลาย เสริมส่งสนับสนุน หรือเป็นกลางๆต่อกัน พิจารณาเป็นความราบรื่นที่ดาวจะแสดงผลความหมายต่างๆออกมา
          ๔.ดาวเจ้าเรือนสถิตในเรือนใดของดวงชะตา เป็นความหมายขั้นตอนตามเรือนสัมพันธ์ที่ตนสถิต อันจะบอกถึงความหมายที่จะเกิดตามความสัมพันธ์ความหมายแห่งเรือนนั้นๆ
          ๕.เกษตรเจ้าเรือนที่ที่ดาวเจ้าเรือนสถิต ไปสถิตอยู่ในเรือนใดของดวงชะตา เป็นความหมายบอกผลประกอบเรื่องราวของเจ้าเรือนที่เราพิจารณาให้ได้รายละเอียดชัดเจนขึ้น
          การอ่านความหมายทางเรือน แต่ละเรือนจะมีความหมายหลากหลายมากมาย แต่จุดประสงค์ในการอ่านดาวในความเป็นเจ้าเรือนนั้น ได้ขมวดความหมายหลักไว้ ๑๒ เรือน ซึ่งเราจะต้องตีความเรื่องราวที่ประสงค์จะพิจารณานั้นเข้าหาภาพความหมายของเรือนต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องฝึกอ่านเรื่องราวชีวิตแล้วตีประเด็นเป็น “เรือน” แล้วนำเรือนนั้นมาพิจารณาหาความหมายทางการพยากรณ์ต่อไป ซึ่งจะขอหยิบยกตัวอย่างมาประกอบการพิจารณาตามลำดับขั้นที่กล่าวไว้พอสังเขป

          จากรูปดวงชะตาลัคนาสถิตราศีเมษ เรือนปัตนิคือราศีตุล ดาว ๖ เป็นเกษตรเจ้าเรือนปัตนิ ในที่นี้เราจะพิจารณา “ปัตนิ” ให้เห็นภาพความหมายตามขั้นตอนดังนี้
          ก.ดาว ๖ เจ้าเรือน ปัตนิ มากุมลัคนาหรือสถิตในเรือนตนุ แสดงถึงภาวะชีวิตครอบครัวคู่ครองถึงตัวเจ้าชะตาในลักษณะ “กุมลัคน์” คือครองคู่ใช้ชีวิตใกล้ชิดผูกพัน และดำเนินชีวิตอย่างสนิทแม่นมั่นต่อเจ้าชะตา
          ข.ดาว ๖ สถิตในราศีเมษ เป็นราศีที่มีดาว ๓ เป็นเกษตรเจ้าเรือน พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง ๖ กับ ๓ ถือว่าเป็นดาวคู่มิตรแก่กัน ดาว ๖ จึงมีภาวะราบรื่นเพราะเจ้าเรือนคือมิตร ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลและให้ความรักเสริมส่งกันและกัน
          ค.ดาว ๖ เป็นดาวธาตุน้ำ มาสถิตราศีเมษอันเป็นราศีธาตุไฟ ความเป็นธาตุน้ำของดาว ๖ จึงเกิดความสั่นคลอนหวั่นไหว จากที่เคยยืดหย่อนเยือกเย็นตามธรรมชาติของน้ำ ก็ต้องลดลงไปเพราะแรงไฟแห่งธาตุราศีเป็นสิ่งบันทอนคุณสมบัติเดิมลงไป
          ง.ดาว ๖ ในราศีเมษมีตำแหน่งเป็นประ แสดงถึงการเสื่อมทางการให้ความหมายที่เคยเสถียรของดาว ๖ เดิม ทำให้เป็นความหมายตรงกันข้ามจากความเป็นเกษตรของ ๖ (ประ)
          เมื่อได้พิจารณาข้อมูลสถานะของดาว ๖ เจ้าเรือนปัตนิแล้ว ย่อมจะทราบเหตุแห่งความเป็นปัตนิอันเป็นสถานะในเบื้องแรก ที่บ่งพื้นฐานชีวิตความเป็นครอบครัว คู่ครอง หรือความรักของเจ้าชะตา ดังนี้
          ดาว ๖ เจ้าเรือนปัตนิมาสถิตเรือนคู่มิตรดาว ๓ ชีวิตความรักและครอบครัว มีความรักเอื้อเฟื้อเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอันดี แม้บางครั้งจะมีความขัดแย้งกัน แต่ก็เป็นไปในลักษณะของความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
          ดาว ๖ เจ้าเรือนปัตนิมีตำแหน่งเป็นประ สามีภรรยา คนรัก ที่มีความหมายมาจากปัตนินั้นมีภาวะพื้นฐานชีวิตที่ไม่มั่นคงมาก่อน และความเป็นปัตนิคือการใช้ชีวิตร่วมกันนี้อยู่ในสภาพที่ขาดหลักประกันทางความมั่นคงของชีวิต
          เมื่ออ่านถึงตรงนี้ทำให้เห็นภาพความหมายของดาว ๖ มาจนสิ้นกระแสในความเป็นเจ้าเรือนปัตนิในระดับหนึ่งแล้ว ความหมายนั้นย่อมมีเสริมเพิ่มเติมขึ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ โดยการพิจารณาดาว ๓ อันเป็นเจ้าเรือนตนุที่ดาว ๖ มาสถิตอยู่ โดยเมื่อดาว ๓ ไปสถิตเรือนใดย่อมจะบอกความหมายอันเป็นผลแห่งเหตุที่เราอ่านมาดังกล่าวแล้วนั้น
          ติดตามดูดาว ๓ จะเห็นว่าสถิตในราศีกุมภ์ เรือนลาภะ ได้ภาพความหมายว่า ภาวะชีวิตครอบครัว ความรัก คู่ครอง ของเจ้าชะตานั้น(ปัตนิ) แม้จะไม่มีความมั่นคงในเบื้องแรก(๖ ประ) แต่ก็จะได้ความช่วยเหลือส่งเสริมกัน(๓ ๖ คู่มิตร) จนประสบความสมหวังราบรื่นสำเร็จขึ้นมาได้( ๓ ลาภะ)
          สรุปความหมายที่เราได้จากการพิจารณา “ปัตนิ” ตามตัวอย่างนี้ เป็นภาษาพูดจะได้ว่า “ชีวิตคู่ของเจ้าชะตามีพื้นฐานที่ไม่มั่นคงทางฐานะมาก่อน แต่อาศัยความร่วมมือร่วมใจกันจึงสร้างหลักฐานฐานะความเป็นอยู่ขึ้นมาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีปัญหาใดๆบ้างแต่เจ้าชะตาและคู่ครองก็ปรับปรุงแก้ไขด้วยกันอย่างความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน”
          ท่านผู้ศึกษาเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ อย่าเพิ่งคิดท้อใจว่าอ่านภาพความหมายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมาเสียมาก แต่กลับได้คำพยากรณ์เพียงไม่กี่ประโยค ออกจะดูเหมือนการ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” ซึ่งลงทุนมากแต่ได้ผลน้อย ขอให้เข้าใจว่าในชั้นนี้เป็นขั้นของการศึกษาอันเป็นขั้นตอนกระบวนวิธีทางโหราศาสตร์แบบการอ่านเรือนสัมพันธ์ ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงจะเกิดความเข้าใจอย่างหนักแน่น ได้ผลที่ถูกต้องตรงตามหลักการของวิชา คือรู้ที่มาที่ไปแบบมีเหตุผลรองรับต่างจาก “การเดา” โดยสิ้นเชิง ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบรัดเร่งร้อน ขอให้เรียนรู้ทำตามเป็นลำดับไปก่อน เมื่อมีความชำนาญแล้วต่อไปจะเกิดความคล่องตัวในการหาภาพความหมายออกมาจากโครงสร้างดวงชะตาแบบเรือนสัมพันธ์ในได้โดยไม่ยากอีกต่อไป

ธีรพร  เพชรกำแพง

15 มีนาคม 2558