9 ธันวาคม 2557

ความหมายทางการพยากรณ์ กาลโยค

๑ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ ระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องเสียหายเสื่อมเสียเกี่ยวกับชื่อเสียง สุขภาพร่างกายเจ็บป่วย
๒ เป็น อริ ความหมายคือ มักมีเรื่องที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ อุปสรรคจากการดำเนินชีวิต
๓ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ มีความขยันขันแข็งในการมุ่งแสวงหาทรัพย์สิน การลงทุนลงแรงที่ได้ผลกำไร
๔ เป็น มรณะ ความหมายคือ การสื่อสารแสดงออกมักเกิดความผิดพลาด ให้ระวังการกระทบเรื่องปากเรื่องใจกับคนใกล้ตัว เกิดความยุ่งยากเกี่ยวกับเอกสาร
๕ เป็น อธิบดี ความหมายคือ สามารถจัดการชีวิตความเป็นอยู่ให้เกิดความก้าวหน้า การพัฒนาขยับขยายชีวิตความเป็นอยู่
๖ เป็น ราชา ความหมายคือ การได้รับความสนับสนุนส่งเสริมทางด้านเงินทองวัตถุสิ่งของ ได้รับความอุปถัมภ์ช่วยเหลือ
๗ เป็น ธงไชย ความหมายคือ การกระทำที่หวังผลระยะยาวจะประสบความสำเร็จอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

๒ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ มักมีเรื่องที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ อุปสรรคจากการดำเนินชีวิต
๓ เป็น อริ ความหมายคือ มักเกิดอุปสรรคความยุ่งยากในการมุ่งกระทำต่างๆ การกระทำที่ให้ผลผิดพลาด
๔ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ มักมีสติปัญญารู้คิดในการดำเนินชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง
๕ เป็น มรณะ ความหมายคือ การใช้สติปัญญาความรู้ความสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ความหยุดชะงักในกิจที่กำลังเดินหน้า
๖ เป็น อธิบดี ความหมายคือ ความสามารถในการจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองทั้งการได้มาและการใช้ไป
๗ เป็น ราชา ความหมายคือ การได้รับความอุปถัมภ์จากผู้หลักผู้ใหญ่ การลงทุนเพื่อหวังผลสำเร็จในระยะยาว
๑ เป็น ธงไชย ความหมายคือ การกระทำที่มุ่งไปสู่เป้าหมายของชีวิต การดำเนินชีวิตที่มีแบบแผน

๓ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ การกระทำที่ส่งผลเสียหายในภายหลัง การประกอบกิจแล้วเกิดความล้มเหลว
๔ เป็น อริ ความหมายคือ มักมีคนติฉินนินทา กล่าวร้ายป้ายสี ใส่ไคล้ใส่ความ ให้ต้องเกิดความเสียหายเสื่อมเสีย เอกสารเสียหาย
๕ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ การขยับขยายช่องทางการแสวงหาทรัพย์สิน การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้า
๖ เป็น มรณะ ความหมายคือ เรื่องความรักความใคร่มักทำให้เกิดความทุกข์ เสียหายทางด้านทรัพย์สินการเงิน
๗ เป็น อธิบดี ความหมายคือ มีทัศนะวิสัยมองการณ์ไกลเพื่อที่จะลงมือกระทำแล้วประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดความมั่นคง
๑ เป็น ราชา ความหมายคือ การได้รับความสนับสนุน/ส่งเสริม/อุปถัมภ์จากผู้หลักผู้ใหญ่ มีชื่อเสียงปรากฏ
๒ เป็น ธงไชย ความหมายคือ ความราบรื่นในการดำเนินกิจต่างๆ ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้

๔ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ มักมีคนติฉินนินทา กล่าวร้ายป้ายสี ใส่ไคล้ใส่ความ ให้ต้องเกิดความเสียหายเสื่อมเสีย ความเสียหายเกี่ยวกับเอกสาร
๕ เป็น อริ ความหมายคือ อุปสรรคที่ทำให้ความเจริญก้าวหน้าเกิดความติดขัด ผู้หลักผู้ใหญ่มักให้โทษ
๖ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ สถานะทางด้านการเงินการทองอยู่ในเกณฑ์ดี หาง่ายใช้คล่อง ความเป็นอยู่มีสภาพคล่อง
๗ เป็น มรณะ ความหมายคือ การสูญเสียทรัพย์ใหญ่หรือบุคคลสำคัญที่มีอายุ มักมีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางไกล
๑ เป็น อธิบดี ความหมายคือ การประสบผลสำเร็จจากการกำหนดกฎเกณฑ์และวางเป้าหมายให้กับชีวิต
๒ เป็น ราชา ความหมายคือ ได้รับความอุปถัมภ์ให้เกิดความราบรื่นในการประกอบกิจต่างๆ
๓ เป็น ธงไชย ความหมายคือ การมุ่งกระทำที่สำเร็จตามเป้าหมาย ความขยันขันแข็งในกระทำกิจตามเป้าหมายมักเกิดผลดี

๕ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ อุปสรรคที่ทำให้ความเจริญก้าวหน้าเกิดความติดขัด ผู้หลักผู้ใหญ่มักให้โทษ
๖ เป็น อริ ความหมายคือ เรื่องความรักความใคร่มักทำให้เกิดความทุกข์ เสียหายทางด้านทรัพย์สินการเงิน
๗ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ สถานะทางด้านการเงินการทองอยู่ในเกณฑ์มั่นคง รู้จักใช้ทรัพย์สินเงินทองให้เกิดประโยชน์ต่อยอด
๑ เป็น มรณะ ความหมายคือ สุขภาพร่างกายมักเกิดปัญหา มีความเจ็บไข้ได้ป่วย ทัศนวิสัยไม่ดี
๒ เป็น อธิบดี ความหมายคือ ได้รับความอุปถัมภ์ให้เกิดความราบรื่นในการประกอบกิจต่างๆ มีความตั้งใจดีเป็นผลสำเร็จ
๓ เป็น ราชา ความหมายคือ การกระทำกิจใดมักได้รับความสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความราบรื่น ผลงานเป็นที่สนใจ
๔ เป็น ธงไชย ความหมายคือ ความรอบรู้ ไหวพริบ การเจรจา ความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง นำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจ

๖ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ ความเสียหายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองและความรัก
๗ เป็น อริ ความหมายคือ ปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกระดูกและเส้นเอ็น เกิดอุปสรรคที่ส่งผลยืดเยื้อเรื้อรัง ความกดดันในกิจการงาน
๑ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ การรู้จักวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งการแสวงหาทรัพย์สินอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การมีโชคทางด้านการเงินการทอง
๒ เป็น มรณะ ความหมายคือ การใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล มักเกิดความติดขัดไม่ราบรื่นในกิจที่กระทำ เกิดความขุ่นข้องหมองใจ
๓ เป็น อธิบดี ความหมายคือ ความมุมานะขยันขันแข็งด้วยความตั้งใจจะนำความสำเร็จมาให้ในกิจที่ประสงค์ การมุ่งหน้าพยายามสู่ความมั่นคงของชีวิต
๔ เป็น ราชา ความหมายคือ ความรอบรู้ ไหวพริบ การเจรจา ความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความสำเร็จโดยง่าย
๕ เป็น ธงไชย ความหมายคือ การประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่มุ่งกระทำ ความเจริญก้าวหน้า มีผู้อุปถัมภ์

๗ เป็น โลกาวินาส ความหมายคือ เกิดอุปสรรคที่ส่งผลยืดเยื้อเรื้อรัง ความกดดันในกิจการงาน ความเสียหายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง
๑ เป็น อริ ความหมายคือ สุขภาพร่างกายมักเกิดปัญหา มีความเจ็บไข้ได้ป่วย ทัศนวิสัยไม่ดี มักเกิดอุปสรรคความผิดพลาด
๒ เป็น ขุมทรัพย์ ความหมายคือ ความราบรื่นในการแสวงหาทรัพย์ รู้หารู้ใช้ มีโชคทางด้านทรัพย์สินเงินทอง
๓ เป็น มรณะ ความหมายคือ การกระทำที่เกิดความเสียหายผิดพลาด อุบัติเหตุ ความเจ็บไข้ได้ป่วย การผ่าตัด
๔ เป็น อธิบดี ความหมายคือ ความรอบรู้ ไหวพริบ การเจรจา ความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความสำเร็จโดยง่าย
๕ เป็น ราชา ความหมายคือ การประสบความสำเร็จในการขยับขยาย ความเจริญก้าวหน้า มีผู้อุปถัมภ์
๖ เป็น ธงไชย ความหมายคือ การกระทำที่มีเป้าหมายเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองจะประสบผลดี ความรักเป็นไปตามปรารถนา

          ธีรพร  เพชรกำแพง
          ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗

ความหมายทางการพยากรณ์...ทักษากาลโยค...

บริวาร สัมพันธ์ กาลโยค

บริวาร เป็น โลกาวินาศ หมายถึง บริวาร นำความเสื่อมเสียมาให้ บริวารจองล้างผลาญให้ร้าย บริวารเป็นศัตรูลับ ๆ
บริวาร เป็น อริ หมายถึง บริวารตั้งตัว เป็นศัตรู ก่อปัญหาเดือดร้อนให้ เดือดร้อนเพราะบริวารอยู่เรื่อย ๆ
บริวาร เป็น ขุมทรัพย์ หมายถึง บริวาร ขยันขันแข็ง ร่ำรวย มีทรัพย์เพราะบริวาร
บริวาร เป็น มรณะ หมายถึง บริวาร ลูกน้อง เป็นคนต่างถิ่น เปลี่ยนลูกน้องใหม่บ่อย ๆ บริวารอยู่ด้วยไม่นาน
บริวาร เป็น อธิบดี หมายถึง บริวารเป็นคน ฉลาด ทำงานเก่ง หัวดี ไว้ใจให้บริหารจัดการเองได้
บริวาร เป็น ราชา หมายถึง บริวาร เป็นคน สนับสนุนช่วยเหลือ ในเรื่องต่าง ๆ ได้ดี และ วางตัวภูมิฐานเหมาะสม
บริวาร เป็น ธงไชย บริวารเป็นคนขยันขันแข็ง มอบหมายงานให้ ก็ สำเร็จลุล่วงด้วยดี ประสบความสำเร็จเพราะ บริวาร

อายุ สัมพันธ์ กาลโยค

อายุ เป็น โลกาวินาศ สุขภาพไม่ดี ร่างกายไม่สมบูรณ์ ไม่สมประกอบ อุบัติเหตุไม่คาดคิด ศัตรูไม่เปิดเผยตัวทำร้าย
อายุ เป็น อริ มีปัญหาสุขภาพ ระวังอุบัติเหตุ ผ่าตัด ร่างกายไม่สมบูรณ์ถูกทำร้ายร่างกาย
อายุ เป็น ขุมทรัพย์ สุขภาพดี แข็งแรง  มีความเป็นอยู่ อาหารการกิน อุดมสมบูรณ์ รูปร่างผิวพรรณดี
อายุ เป็น มรณะ ร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บ ออด ๆ แอด ๆ หาหมอ เข้าโรงพยาบาลบ่อย ระวังอุบัติเหตุ เจ็บป่วย พิการ อายุสั้น
อายุ เป็น อธิบดี สุขภาพดี แข็งแรง สมองดี ผิวพรรณสดใส
อายุ เป็น ราชาโชค สุขภาพดี แข็งแรง ชีวิตสุขสบาย อุดมสมบูรณ์ สะดวกสบาย มีหมอดี ยาดี
อายุ เป็น ธงไชย ร่างกายแข็งแรง มานะบากบั่น นักต่อสู้ คิดหวังความก้าวหน้า ความสำเร็จ

เดช สัมพันธ์ กาลโยค

เดช เป็น โลกาวินาศ ระวังถูกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกถอดยศถอดตำแหน่งเพราะใช้อำนาจในทางที่ผิด มีคนใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
เดช เป็น อริ ยศตำแหน่ง ต้องอาศัยการต่อสู้แข่งขัน ผ่านอุปสรรค ใช้อำนาจไม่ระมัดระวังจะถูกปองร้าย
เดช เป็น ขุมทรัพย์ ได้เลื่อนยศตำเลื่อนตำแหน่งสูง ๆ  มีกินมีใช้เพราะ อำนาจหน้าที่
เดช เป็น มรณะ อำนาจ วาสนา ยศตำแหน่ง ไม่มั่นคงถาวร เปลี่ยนแปลงตลอด
เดช เป็น อธิบดี วาสนาดี จะมีอำนาจ ชื่อเสียง ยศตำแหน่ง ไปได้ดีต่างถิ่น
เดช เป็น ราชาโชค ได้รับการสนับสนุน ให้เลื่อนยศตำแหน่ง จากผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจ ยศตำแหน่งขึ้นไว ง่ายไม่ลำบาก
เดช เป็น ธงไชย  ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ยศตำแหน่ง สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งสำเร็จ

ดาวศรี สัมพันธ์ กาลโยค

ศรี เป็น โลกาวินาศ ทำคุณคนไม่ขึ้น ปิดทองหลังพระ ถูกเบียดเบียนเอาความดี ถูกให้ร้ายป้ายสี
ศรี เป็น อริ ทำคุณความดีแต่ละที มีอุปสรรค มีคนคอยขัดขวาง มีคนคัดค้าน กลั่นแกล้งโจมตี
ศรี เป็น ขุมทรัพย์ ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภ ประสบความสำเร็จ
ศรี เป็น มรณะ ความดีที่ทำไว้ในอดีต จะย้อนกลับมาให้คุณ ของหายจะได้คืน ได้ลาภจากคนตาย
ศรี เป็น อธิบดี ได้เลื่อนยศตำแหน่ง มีชื่อเสียง อำนาจวาสนา เพราะคุณความดี และบุญกุศล
ศรี เป็น ราชาโชค ทำดีได้ดี ผู้ใหญ่เห็นคุณความดี ประสบผลสำเร็จโดยง่าย
ศรี เป็น ธงไชย ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน การแข่งขันมีชัยชนะ เจริญสูงสุด

มูละ สัมพันธ์ กาลโยค

มูละ เป็น โลกาวินาศ ทรัพย์สิน เรือกสวนไร่นา บ้านที่ดิน วิบัติล่มจม ถูกหลอก ถูกโกงให้เสียทรัพย์
มูละ เป็น อริ การก่อร่างสร้าง ฐานะ ซื้อบ้าน ที่ดิน รถ เต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก มีอุปสรรค เป็นหนี้สินเพราะ ทรัพย์สินที่ดิน
มูละ เป็น ขุมทรัพย์ มีวาสนาทาง ทรัพย์สินที่ดิน สร้างบ้านซื้อรถได้สำเร็จ บ้านที่อยู่ อาคาร ทำเลดี ให้โชคลาภ ทำมาหากินเจริญดี ได้มรดก
มูละ เป็น มรณะ ทรัพย์ที่ดินไม่มั่นคง รักษาทรัพย์ไม่คงทน ย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง
มูละ เป็น อธิบดี บ้านที่อยู่ดูโออ่า โดดเด่น ได้ย้ายที่อยู่ไปอยู่ต่างถิ่นต่างแดน
มูละ เป็น ราชา สร้างบ้าน ซื้อรถ ที่ดิน สำเร็จโดนง่าย มีผู้ช่วยเหลือเรื่องทรัพย์สิน ได้มรดก
มูละ เป็น ธงไชย ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะหลักฐาน ความขยัน มานะพยายามนำมาซึ่งทรัพย์สิน

อุตสาหะ สัมพันธ์ กาลโยค

อุตสาหะ เป็น โลกาวินาศ การงานโครงการที่ทำ ไม่ราบรื่น มีคนคอยจ้องทำลาย ให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสีให้เสียหาย มีคนคอยทำลายอยู่แบบลับ ๆ ไม่เปิดเผย
อุตสาหะ เป็น อริ การงาน โครงการต่าง ๆ ประสบปัญหาอุปสรรค ถูกติติงคัดค้าน คอยขัดขวาง
อุตสาหะ เป็น ขุมทรัพย์ การงานหรือโครงการที่ทำ ประสบผลสำเร็จ ทำให้มีทรัพย์สินฐานะ ดีขึ้น มีกินมีใช้เพราะการงาน
อุตสาหะ เป็น มรณะ เป็น การงานอาชีพที่ทำไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องไปทำงาiนที่ไกล ๆ ต่างถิ่นตางแดน
อุตสาหะ เป็น อธิบดี การงานอาชีพโดดเด่นผลงานดี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
อุตสาหะ เป็น ราชาโชค การงานอาชีพโครงการที่ทำ ราบรื่น ง่ายดายสะดวกสบาย ผู้ใหญ่เจ้านายให้การสนับสนุน
อุตสาหะ เป็น ธงไชย การงานโครงการที่ทำ ประสบความสำเร็จผลงานดี แต่ต้องมานะพยายามต่อสู้แข่งขันถึงประสบผลสำเร็จ

มนตรี สัมพันธ์ กาลโยค

มนตรี เป็น โลกาวินาศ ผู้ใหญ่เจ้านาย ไม่ค่อยถูกชะตา คอยให้ร้ายแบบไม่เปิดเผย การเลื่อนขั้นตำแหน่ง มีเส้นสาย แอบติดสินบน
มนตรี เป็น อริ มักมีความคิด ขัดแย้งกับผู้ใหญ่เจ้านาย มีอุปสรรคในการทำผลงาน เลื่อนขั้นตำแหน่ง
มนตรี เป็น ขุมทรัพย์ ผู้ใหญ่เจ้านาย ให้เงินให้ทรัพย์สิน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นไปอย่างราบรื่น
มนตรี เป็น มรณะ ผู้ใหญ่เจ้านายสุขภาพไม่ดี เปลี่ยนเจ้านายบ่อย ตำแหน่งหน้าที่ไม่มั่นคง การเลื่อนข้นตำแหน่งไม่แน่นอน
มนตรี เป็น อธิบดี เจ้านายเป็นคนมีบุญบารมี จะได้เป็นใหญ่มีชื่อเสียง ได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่ขึ้น
มนตรี เป็น ราชา เจ้านาย ผู้ใหญ่ช่วยเหลือให้ ประสบผลสำเร็จ ได้รับการสนับสนุนจากเจ้านาย
มนตรี เป็น ธงไชย ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เลื่อนขั้นตำแหน่ง ประสบความสำเร็จเพราะผู้ใหญ่เจ้านายอุปถัมภ์

กาลี สัมพันธ์ กาลโยค

กาลี เป็น โลกาวินาศ ระวัง ศัตรูไม่เปิดเผยตัวลอบทำร้าย มีบาปเวรมากระวังเคราะห์กรรมที่เกิดโดยไม่คาดคิด
กาลี เป็น อริ ศัตรูจ้องทำร้ายให้โทษ บาปเวรมากระวัง อุบัติเหตุ ถูกทำร้ายจากคนชั่วนักเลง
กาลี เป็น ขุมทรัพย์ ระวังสูญ ทรัพย์ ถูกหลอกถูกโกง โจรผู้ร้ายปล้นจี้ โจรกรรม
กาลี เป็น มรณะ ระวังเคราะห์กรรม จากวิญญาณ ของตาไม่เห็น เดือดร้อนเพราะ คนทรงเจ้า ร่างทรง หมอดู
กาลี เป็น อธิบดี จะมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง ไปต่างถิ่นต่างแดนมีเคราะห์
กาลี เป็น ราชา เดือดร้อนเพราะคนใหญ่คนโต เคราะห์กรรมมาถึงตัวเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว
กาลี เป็น ธงไชย มีอุปสรรคขัดขวางความมานะพยายาม ทำการใดมีอุปสรรคสำเร็จยาก คนชั่วมีอำนาจมีอิทธิพล


5 ธันวาคม 2557

ความหมายของ ๑๒ ราศี

ความหมายของ ๑๒ ราศี
ชาวราศีเมษ ทรงคุณวิเศษ มานะพยายาม รักการก้าวหน้า ใจกล้ารูปงาม ไม่หวั่นครั่นคร้าม อุปสรรคอันใด
ชาวราศีพฤษภ ใจดีรักสงบ มีบุญวาสนา รู้เก็บรู้จัด ประหยัดเข้าท่า ร่ำรวยสุขา ในอนาคตกาล
ชาวราศีมิถุน เป็นคนใจบุญ มิตรสหายหลายหน้า ชอบกาพย์กลอนกวี พาทีปรีชา หลักแหลมหนักหนา ฉลาดสามารถ
ชาวราศีกรกฎ เป็นผู้มียศ มีศักดิ์สง่า นิสัยอ่อนโยน ผ่อนโอนมุทิตา ถ้อยคำเจรจา ไพเราะน่าฟัง
ชาวราศีสิงห์ ช่างซื่อตรงจริง ต่อคู่มิตรสหาย เป็นผู้ฉลาด สามารถอภิปราย ปัญหายากง่าย ได้อย่างพิสดาร
ชาวราศีกันย์ รูปร่างคมสัน สง่าน่ารัก รู้แต่งกายา เจรจาแหลมหลัก มารยาทพร้อมพรัก สมบัติมากมาย
ชาวราศีตุล เป็นผู้การุณ โอบอ้อมอารี น้ำใจรักสนิท มิตรสหายมากมี ทรัพย์สมบัติทวี เพิ่มพูนเหลือหลาย
ชาวราศีพิจิก โชคพล้ำแพลงพลิก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต่อไปภายหน้า ลาภมาเหลือหลาย เกียรติคุณขจาย กว้างขวางโด่งดัง
ชาวราศีธนู เป็นคนรอบรู้ ปัญญาแหลมหลัก เห็นเหตุการณ์ไกล ว่องไวดีนัก เป็นเอตทัค คะทางวิชา
ชาวราศีมกร ยามทุกข์ยามร้อน มีผู้ชูช่วย ผ่านความลำบาก เหนื่อยยากแทบม้วย ต่อไปร่ำรวย มีศักดิ์มีศรี
ชาวราศีกุมภ์ จิตใจร้อนรุ่ม ชอบเปลี่ยนแยกย้าย สนใจงานประดิษฐ์ ริคิดสิ่งแปลก จำเริญจำแนก ก้าวหน้าทันสมัย
ชาวราศีมีน เป็นคนมีศีล มีธรรมในใจ ชอบงานสงเคราะห์ พูดเพราะกว่าใคร ปัญญาว่องไว สมบัติมากมาย

ที่มา : ตำราโหราศาสตร์ภาคพยากรณ์

ดาวคู่มิตรกับการทายจร

ดาวคู่มิตรกับการทายจร
ถ้าปีใดพระพฤหัสบดีโคจรเข้าไปสู่ที่สถิตของอาทิตย์ในดวงเดิม ปีนั้นถือว่าเป็นปีโชคดี เพราะดาวคู่มิตรจรมาพบกันย่อมส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง เช่น พระอาทิตย์สถิตในราศีสิงห์ พระพฤหัสบดีโคจรเข้าสู่ราศีสิงห์ทับหรือกุมพระอาทิตย์ ย่อมให้คุณมีโชคลาภและมิตรภาพอันดี
ถ้าเดือนใดพระศุกร์โคจรไปพบกับพระอังคารในดวงเดิม เดือนนั้นก็จะอำนวยโชคดีให้ แม้จะกล่าวกว้างๆไว้ ถ้าจะให้ละเอียดก็ต้องพิจารณาราศีภพและทัศนสัมพันธ์ด้วย
ถ้าวันใดพระจันทร์จรตามปฏิทินโหรไปพบพระพุธในดวงเดิม ซึ่งถือว่าเป็นคู่มิตรกัน วันนั้นมักจะมีข่าวดีโชคดีและพบมิตรที่ดี ทั้งนี้ย่อมสุดแล้วแต่สถานการณ์ในดวงขณะนั้นด้วย

แม้พระราหูกับพระเสาร์ซึ่งเป็นคู่มิตรกัน ก็นำมาพิจารณาวิถีโคจรซึ่งหลายๆปีจึงจะโคจรมาพบกันสักครั้งหนึ่ง และย่อมให้คุณในฐานะเป็นคู่มิตร ส่งเสริมโชคดีต่อกันด้วย

4 ธันวาคม 2557

ดวงวาสนา

ดวงวาสนา
ดวงวาสนาเป็นดวงมาตรฐานที่อำนวยโชควาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จสมหวัง สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงแข็งแรง ไม่ตกต่ำล่มจม “ดวงวาสนาเป็น ดวงแข็ง” ไม่ใช่แข็งกระด้าง แต่กล้าแข็งไม่อ่อนแอ เป็นดวงที่แสดงสมรรถภาพและประสิทธิภาพสูงเด่น มีความสามารถพิเศษ


พยากรณ์ดาววาสนา

อาทิตย์ สถิต พิจิก ท่านว่า สามารถปกครองบังคับบัญชากล้าหาญ
จันทร์เพ็ญในราศีพฤษภและกรกฎ ท่านว่า สามารถในเศรษฐกิจ การเงิน การบ้านเมือง
อังคาร สถิต สิงห์ ท่านว่า สามารถบริหาร เป็นผู้นำ ชนะอุปสรรค
พุธ สถิต กรกฎและมกร ท่านว่า สามารถในการพูด การเขียน การทูต
พฤหัสบดี สถิต เมษ,พฤษภและตุล ท่านว่า สามารถทางธรรม ปรัชญา ร่ำรวยมาก
ศุกร์ สถิต ธนู ท่านว่า สามารถวางแผนกะการณ์ไกล เด่นการต่างประเทศ
เสาร์ สถิต ท่านว่า มิถุนและกันย์ สามารถประสานงานติดต่อสร้างสรรค์
มฤตยู สถิต กุมภ์ ท่านว่า สามารถประดิษฐ์คิดค้น เป็นผู้เชี่ยวชาญ
เนปจูน สถิต มีน ท่านว่า สามารถทางศิลปะการแสดง การสงเคราะห์

สำหรับราหูและเกตุไม่ใช่ดวงดาวที่มีรูปร่างลักษณะให้เห็นได้ ดังนั้นจึงไม่ได้นำมาเข้าเกณฑ์ในราศีใดๆ ของดวงวาสนา หรือไม่มีโอกาสเป็นดวงวาสนา ส่วนพลูโตเป็นดาวที่เพิ่งพบใหม่ และกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาค้นคว้ากันอยู่ ถ้าจะจัดเข้าเป็นดวงวาสนาก็คงจ้ะองกำหนดไว้ที่ราศีพิจิก ซึ่งพลูโตเป็นทั้งเกษตรและอุจ ยิ่งกว่านั้นถ้ามีองศา ๑๕ ด้วย ก็จะยิ่งทวีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นวรโคตมนวางค์อีกด้วย

ที่มา – ตำราโหราศาสตร์ภาคพยากรณ์


3 ธันวาคม 2557

วิชาเก่าเล่าตำนาน ตอน ตำรับเศษพระนักสิทธิ์

ตำรับเศษพระนักสิทธิ์
ท่านให้เอาวันเดือนปีเกิดรวมกันเข้า บวกด้วยอายุเต็ม คูณ ๗ หาร ๑๒ เอาแต่เศษมาพิจารณาฝอยพยากรณ์ทำนาย
เศษหนึ่งหัวเดียวกระเทียมลีบ กอรปยังชีพมิสมหวัง กลั่นแกล้งแสร้งหักหลัง เร่งระวังคนเบียนตน ดีว่ามีของเก่า ศัตรูเล่าทำมิได้ ธุระและค้าขาย ท่านห้ามไว้ทิศอิสาน
เศษสองเบื้องแรกดี มักจะมีทรัพย์สืบสาน คิดเห็นย่อมเป็นการ จัดสรรงานสำเร็จดี ตอนหลังอย่าประมาท จะผิดพลาดถึงสิ้นดี ตะวันออกเฉียงใต้มิดี เป็นกาลีอย่ามุ่งไป
เศษสามทำคุณบูชาโทษ ท่านมักโกรธผิดวิสัย ดุจฆ่าช้างเอางาใน ให้ระวังถ้อยคดีความ โยกย้ายเสียทรัพย์สิน อยู่ที่ถิ่นคนเหยียดหยาม ทิศตะวันออกอย่าติดตาม มักเกิดความไม่สู้ดี
เศษสี่มีสว่าง จันทร์กระจ่างในถิ่นที่ อริร้ายเหล่าไพรี เหตุมิดีย่อมสูญไป ของหายจะคืนหัน สารพันลาภโชคชัย  ตะวันออกเฉียงใต้อย่าไป มักเกิดให้แต่เสียการ
เศษห้าชะตาล้น สุขท่วมท้นพ้นแก่นสาร มีได้ในหลายกาล แต่ผิดพาลมักเลยมือ แสวงโชคย่อมสมหวัง กิตติดังขจรชื่อ ทรัพย์ได้เมื่อปลายมือ อย่ามุ่งยื้อทิศอิสาน
เศษหกยกสำรับ เจริญจับในถิ่นฐาน โชคลาภมาตรสำราญ อีกกิจการสมมโน ลงทุนสมปรารถนา ความรักมาไม่เอ้โอ้ ทิศใต้อย่าพาโล จักเซโซไม่เป็นการ
เศษเจ็ดไม้หน้าแล้ง มักเหี่ยวแห้งและอับเฉา เหมือนอยู่เคียงคู่เงา เสียทรัพย์เล่าอีกเป็นความ เป็นคนมากภาระ อีกมิตรจะคอยรุมหาม ตะวันตกเฉียงใต้อย่าพยายาม มักเกิดความให้เสียตน
เศษแปดนกในกรงทอง ทรัพย์ข้าวของก็เหลือที่ อิสระนั้นไม่มี ทำให้คนอื่นได้ดี แต่ตนนี้มักหน่ายใจ ระวังจะล้มหมอน ถึงกับนอนให้ป่วยไข้โรคเก่ามาแต่ไกล ตะวันออกเฉียงใต้ไม่สู้ดี
เศษเก้าสมปรารถนา คิดการมาคนเกื้อหนุน อีกคู่ครองจะให้คุณ สนับสนุนเป็นการดี โชคดีมีมาเล่า มิตรก่อนเก่าเฝ้าเป็นศรี กลับร้ายกลายเป็นดี อย่ายายีตะวันตกจะเสียการ
เศษสิบหงส์ต้องบ่วง ทุกข์สุมทรวงเมื่อเริ่มต้น เมื่อปลายจึงกลับดล มโนผลดังใจปอง คลาดทรัพย์อับเสียสิน แต่ไม่สิ้นลาภทั้งผอง กลับได้ดั่งใจปอง อย่าขึ้นล่องตะวันตกเฉียงเหนือ
เศษสิบเอ็ดเพชรปนพลอย คนใช้สอยสร้างแปลงเรือน คู่ครองมิแชเชือน ค้าขายเลื่อนกำไรงาม โชคลาภมาไม่ขาด ใจสะอาดเร่งหาบหาม ทิศอิสานจะเป็นความ เหตุมิงามไม่ควรไป
เศษสิบสองนกปีกหัก คนที่รักมักเข่นที่ เจ็บป่วยให้ยายี ทรัพย์หลีกหนีไม่เป็นการ บางคราวมักเกิดถ้อย ด้วยเหตุน้อยกระทงหลาม แต่พอมีคนช่วยตาม ยามเกิดความทิศเหนืออย่าไป

ธีรพร  เพชรกำแพง
๔ ธันวาคม ๒๕๕๗


21 พฤศจิกายน 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (21 พฤศจิกายน 2557)

"รอยล้อแห่งเกวียน หมุนเวียนตามรอยเท้าแห่งโค"...
วงรอบแห่งดวงชะตาย่อมย้อนรอยหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป โดยมีต้นแบบจากวิถีในอดีต เป็นปัจจุบัน ส่งผลถึงอนาคต มองภาพรวมคล้ายเป็นเนื้อเดียวกัน แต่มีความ "ต่าง" กันไปทุกขณะ
อาศัยวงรอบที่มีกฎเกณฑ์พอที่จะอนุมานอุปมาเปรียบเทียบเชิงชั้นให้เห็นได้ นั่นก็คือกระบวนวิธีทางโหราศาสตร์ที่นำเอาธรรมชาติหนึ่งมาอธิบายอีกธรรมชาติหนึ่ง ด้วยหลักการที่ว่า อนันตจักรวาลมีผลต่อจักรวาล จักรวาลมีผลต่อสรรพดาวทั้งหลาย สรรพดาวทั้งหลายมีผลต่อดวงดาว ดวงดาวมีผลต่อพื้นที่อาณาเขตของตน อย่างโลกเรานี้ก็อย่างนั้น คือ มีผลต่อพื้นที่ในโลก และก็มีผลต่ออะไรก็ตามที่อยู่ในพื้นที่อาณาเขตนั้น เช่นเดียวกันอีกว่าอาณาเขตใหญ่ก็มีผลต่ออาณาเขตน้อย อาณาเขตที่ว่าน้อยนั้นก็ยังเป็นใหญ่ที่ไปหาน้อยกว่านั้นลงไปอีกเรื่อยๆเป็น "วัฏฏะ"
โดยความเป็นสากลอย่างนั้นก็สามารถที่จะย้อนอนุมานจากสิ่งเล็กน้อยไปหาสิ่งใหญ่ได้ เสมือนกับการได้เห็นผ้าผืนใหญ่ย่อมรู้โดยทันทีว่ามาจากด้ายเส้นน้อย ขณะเดียวกันเมื่อเห็นด้ายเล็กๆก็หมายรู้เอาได้ว่าสามารถรวมเป็นผ้าผืนใหญ่
นี่คือเรื่องการมองว่ากระบวนวิธีทางโหราศาสตร์อธิบายความเป็นไปต่างๆได้อย่างไร ยังไม่ต้องมองว่าจะต้องเอาอะไรมาเป็น "อุปกรณ์" ทางโหราศาสตร์ เราจะเห็นว่านักโหราศาสตร์เก่าๆท่านอนุมานสิ่งต่างๆที่สัมพันธ์รอบตัวออกมาเป็นการพยากรณ์ โดยที่ยังไม่ต้องนำอุปกรณ์อย่าง "ดวงดาว" มาใช้ ท่านก็ทำนายลึกซึ้งไปมากกว่าครึ่งแล้ว นี่เป็นความ "อัศจรรย์" ทางโหราศาสตร์ที่เป็น "ภูมิปัญญา" ของคนในพื้นที่นี้ แถบนี้ อาณาเขตนี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าขึ้นไปตลอดจนถึงอนันต์
ทักทายไปถึงกัลยาณมิตรพี่น้องเพื่อนพ้องสมาชิกชาวสมุดจดดวงของเราทุกท่าน อาจจะเห็นว่าห่างหายไปบ้างในช่วงนี้ ต้องบอกกล่าวกันก่อนว่าภาระหน้าที่ในงานประจำนั้นมีมากพอสมควร ประกอบกับร่างกายที่ไม่ค่อยจะปกติอย่างที่ทราบ พอใช้งานหนักเข้าก็ทำท่าจะแย่ ต้องพักผ่อนพักฟื้นอาศัยประเหลาะใช้ไปก่อน เหตุนี้ก็เลยคล้อยเคลื่อนเลื่อนช้าในการที่จะได้เสนอสิ่งสรรต่างๆที่เป็นประโยชน์ทางโหราศาสตร์ ไม่สมประสงค์ตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อภาระงานเบาลงบ้าง และเมื่อเพลาๆจากการเดินทางไปรักษาตัวที่ศิริราช(๓-๔ ครั้งต่อเดือน) พอหาเวลาสบายใจได้ก็จะลงมือสรรสร้างสิ่งดีๆให้กับท่านกัลยาณมิตรผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทั้งหลายได้ยลกันอีกในโอกาสต่อไปครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง

10 พฤศจิกายน 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (10 พฤศจิกายน 2557)

โหราศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่ว่าด้วยการเรียนรู้ความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ “โหรา” คือทิวาราตรีที่เป็นเรื่องของ “กาลเวลา” สิ่งใดที่อิงกับกาลเวลานี้ย่อมสามารถนำมาใช้เป็นโครงสร้างทางโหราศาสตร์ได้ ด้วยเหตุนี้ดวงดาวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลาเพราะมี “วงรอบการโคจร” ที่สังเกตช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่สัมพันธ์กับบริบทพื้นที่(กาลเทศะ) จึงสามารถนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ทางโหราศาสตร์ได้อย่างดี แทบจะมองแยกออกจากกันได้ยากจนมีคำกล่าวที่ว่าดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เป็น “เนื้อเดียวกัน”
ฉะนั้นโหราศาสตร์ทุกวันนี้จึงต้องศึกษาเรียนรู้ถึงเรื่องดวงดาวบนท้องฟ้าควบคู่ไปกับความเป็นไปขอชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่ในแง่ของความเป็นปัจเจกบุคคลตลอดรวมไปถึงความสัมพันธ์ติดต่อที่เรียกว่าการเป็นสังคม สรุปรวบเอาว่าเป็นเรื่องราวของ “ดวงดาว” ที่สรรด้วยหลักการทางโหราศาสตร์ถ่ายทอดออกมาเป็น “ดวงคน” นั้นเอง
ปัจจุบันเราจะเห็นว่าเรื่องราวของคนเรานั้นมีความสลับซับซ้อนยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ความมุ่งหมายของโหราศาสตร์นี้ก็ยังมีจุดหลักอยู่ที่การ “อ่านวิเคราะห์” ผ่านดวงดาวด้วยกระบวนทัศน์ทางโหราศาสตร์อันเป็นการ “สังเคราะห์” มวลความรู้ต่างๆเข้าด้วยกันแล้วกลายมาเป็นคำพยากรณ์ที่นำมาใช้ในเหตุเรื่องราวต่างๆตามแต่จะเป็นไป เพื่อให้ได้เรื่องราวของคน สังคม บ้านเมือง ตลอดจนถึงโลกของเราซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีการหยุดนิ่ง คือ “เป็นไป” เรื่อยๆ
เหตุดังนี้เอง ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทั้งหลายจึงมุ่งหาเป้าหมายอันสำคัญ คือการรู้ “ความเป็นไป” ของชีวิต และปรับการใช้ชีวิตให้สมควรสอดคล้องกับเหตุปัจจัยที่ได้จากการมองผ่านโหราศาสตร์ อันถือว่าเป็นประโยชน์สูงสุดที่จะพึงมีพึงได้จากการใช้วิชาโหราศาสตร์ในยุคปัจจุบัน จากนั้นจึงผันขึ้นเป็นความสนใจใคร่รู้เชิงเปรียบเทียบในสิ่งอื่นบุคคลอื่นที่มิใช่เพียงแค่ตัวตนและบริบทแวดล้อมของตนเองอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะเรียกว่าเป็นการพยากรณ์ทำนายทายทักในโอกาสต่อมา

กล่าวได้ว่าโหราศาสตร์เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่มีขั้นตอนการศึกษาและกระบวนการใช้ที่เป็นรูปธรรม มีหลักในการอ่านวิเคราะห์แยกแยะตามเหตุผลที่จะพิจารณา แล้วสังเคราะห์กลั่นกรองเป็นผลสรุปออกมาได้อย่างมีที่มาที่ไป ฉะนั้นการศึกษาโหราศาสตร์จึงไม่ใช่เรื่องราวที่เหลวไหลไร้สาระหรือว่าเป็นเรื่องที่งมงายแต่อย่างใด กลับกันแล้วเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ศึกษาพบเห็นความเป็นจริงในแง่มุมต่างๆของชีวิตอย่างชัดเจน นอกเสียจากว่าจะทำให้โหราศาสตร์ถูกมองไปในทิศทางอื่น ที่ไม่ใช่ตามแนวทางของโหราศาสตร์ดังที่กล่าวมานี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องเกินวิสัยที่จะกล่าวหรืออ้างอิงถึงได้ เพราะเจตนาอย่างนั้นเป็นการทำให้โหราศาสตร์ “ไม่เป็น” โหราศาสตร์นั้นเอง

ธีรพร  เพชรกำแพง

สิ่งละอัน..วันละน้อย (9 พฤศจิกายน 2557)

ในการศึกษาโหราศาสตร์ท่านมักสอนเสมอว่าให้ทำตนเป็นผู้มีจิต "อ่อนน้อม" พร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลานั้นแหละเป็นการดี เพราะจิตอ่อนน้อมเป็นจิตที่ "ควรแก่งาน" มากกว่าจิตที่กระด้างอยากเรียนรู้เพื่อเสริมอัตตาของตนเองให้ใหญ่โตขึ้นไปว่า "ข้านี้ก็มีภูมิรู้"
การศึกษาในระบบรูปแบบของสายวิชาใดหรือครูบาอาจารย์ท่านใด หากจิตไม่อ่อนน้อมที่จะรับรู้ในหลักคิดดังกล่าวนั้น ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จในการศึกษานั้น เพราะมิได้มองจากจุดเดียวกันกับผู้ที่ถ่ายทอดเป้าหมายแห่งวิชานั้นๆ มิซ้ำจะพลอยว่าหลักการหรือหลักวิชานั้นไม่สามารถใช้ได้จริงไปเสียอีกด้วย เหตุเพราะจิตกระด้างกลายๆว่าอคติแต่เดิมเป็นทุน จึงยากที่จะซึมซับรับรู้ความรู้ที่อาจจะมีความแผกแปลกไปจากตนอย่างเป็นการเสียโอกาสที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะความรู้ทางโหราศาสตร์นี้ไม่ว่าจะดีเด่นด้อยถอยค่าอย่างใดก็ตาม เมื่อรับรู้อย่างถี่ถ้วนด้วยจิตที่อ่อนน้อมแล้ว ความรู้นั้นย่อมมี "คุณค่า" เสมอ แม้จะเป็นเพียง "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" นั่นก็เป็นคุณประโยชน์อย่างมหาศาลในการที่จะมุ่งปฏิบัติตามหรือพัฒนาต่อยอดความรู้ให้แตกฉานมั่นคงขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็เป็นภูมิรู้เชิงเปรียบเทียบ ดีกว่าปฏิเสธที่จะไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

ความอ่อนน้อมในทางโหราศาสตร์ทำให้มองเห็นภูมิรู้ของท่านนั้นๆเป็นอย่างดี โดยเฉพาะครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนแม้ท่านไม่รู้อะไรแต่กลับเป็นผู้ทรงภูมิแตกฉานในการใช้วิชาทางโหราศาสตร์อย่างแท้จริง สมควรที่เราจะเอาเยี่ยงอย่างท่าน เพื่อเป็นบรรทัดฐานความดีงามของผู้ที่ก้าวเข้าสู่วงการโหราศาสตร์ในโอกาสต่อไป

ธีรพร  เพชรกำแพง

28 ตุลาคม 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (28 ตุลาคม 2557)

เรื่องราวชีวิตของคนเรานั้นมีมากมายหลายประเด็น การยกความเห็นแง่มุมจากดวงดาวเพื่อเล่าเรื่องราวความเป็นชีวิตของ "ดวงคน" นี้ จึงมีความหลากหลายในรูปแบบของการพยากรณ์ ดวงดาวมี "อธิปไตย" อยู่เต็มพร้อมและไม่เคยหยุดหน้าที่ในการให้ผลบุญคุณโทษต่างๆแก่ดวงชะตา
ท่านเปรียบอารมณ์ของคนเรานั้นมีอารมณ์แห่งความพอใจและไม่พอใจเป็นส่วนน้อย ส่วนอารมณ์ "เฉยๆ" มีมากกว่าหรือเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับในดวงชะตาของคนเราที่ปกติมันก็จะ "เฉยๆ" ของมันอยู่เรื่อยๆ พอมีสิ่งเร้าก็จะเกิดสิ่งที่ "พอใจ" หรือสิ่งที่ "ไม่พอใจ" ขึ้น ที่เรามักเรียกว่า "โชคเคราะห์" ซึ่งเราถือว่าเป็นลักษณะดวงที่เกิดขึ้นน้อย แต่ให้ผลซึมซาบตรึงใจมากกว่าดวงที่มีลักษณะ "เฉยๆ" แต่ดวงคนเรานั้นมันไม่ได้ชั่วตลอดปีดีตลอดศก สิ่งที่จะเป็นเหตุร้ายหรือดีจะมี "เงื่อนไขดวงชะตา" และ "เงื่อนไขเวลา" เป็นตัวบ่งบอกให้ทราบ แต่เมื่อว่างจากนั้นดวงชะตามันก็จะเข้าสู่ภาวะปกติคือ "เฉยๆ" อยู่นั่นเอง อย่างกรณีที่ดาวพฤหัสจรมาในสถานที่ให้คุณกับดวงชะตาโดยมีช่วงเวลาการโคจรอยู่จุดนั้นถึง ๑ ปี แต่พิจารณาว่าความเด่นดีที่ได้นั้นมันแสดงอาการอยู่ตลอดปีหรือไม่ และเสาร์ที่อยู่ในจุดที่ให้โทษนั้นแสดงอาการเป็นโทษทุกวันตลอด ๒ ปีครึ่งหรือไม่ ก็ปรากฏว่าเหตุการณ์ดีร้ายไม่ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดกาลสมัยในอิทธิพลของดวงดาวนั้นๆ แต่จะเกิดขึ้นตามเงื่อนไขดวงชะตาและเวลาอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น

การมุ่งเอาดวงดาวเป็นที่หมายแห่งการพยากรณ์ทำนายชีวิตคน จึงต้องคำนึงถึงเหตุที่ควรเกิดหรือไม่ควรเกิดด้วยปัจจัยต่างที่ให้ผลในดวงชะตา การจะสำทับเรื่องดีร้ายว่าให้ผลโดยไม่มีสิ่งใดที่จะมาทัดทานกันย่อมไม่ถูกไม่ควร เพราะต้องไม่ลืมว่าดวงชะตาคนเรานั้นมีความ "สมดุล" ของตนเอง มีดีร้ายทัดทานสมดุลให้เกิดความ "พอดี" แก่ความเป็นไปในชีวิตของแต่ละคน เมื่อดวงชะตาเสียสมดุลดังกล่าวความเป็นชีวิตนี้คงไม่มีอัตภาพความคงอยู่อีกต่อไป หรือเรียกว่าไร้ความหมายที่จะพยากรณ์ คือดวงชะตาของผู้ไม่ข้องอยู่กับโลกแล้ว(พระอริยบุคคล) คนบ้าเสียจริต และเสียสมดุลถึงขั้นไม่อาจยังอัตภาพนี้ได้คือตายไปเลยนั่นเอง

27 ตุลาคม 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (25 ตุลาคม 2557)

ปัจจุบันเห็นว่าการศึกษาทางโหราศาสตร์นี้เป็นไปโดยง่ายสะดวกดายมากยิ่งขึ้นกว่าสมัยก่อน คงด้วยเหตุผลด้านช่องทางการสื่อสารที่มีมากและสามารถเข้าถึงไม่ยากเย็นนัก ประกอบกับมีผู้ส่งสารได้แสดงความรู้ต่างๆไว้มากพอสมควร ผู้จะเรียนรู้สมัยนี้จึงดำเนินด้วยความราบรื่นในส่วนของการมีข้อมูลความรู้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เทคโนโลยีอะไรยังเข้าไม่ถึง แค่นิตยสารโหร หนังสือ ตำรา บทความอะไรที่เป็นพื้นฐานยังหาได้ยากยิ่ง การจะหวังใจว่าจะเรียนโหรอย่างง่ายนั้นจึงไม่มีให้เห็น เป็นประเภทว่าถ้าเรียนรู้เองก็ต้องวาสนาปัญญาดีและมีตำราดีเข้าว่าไว้ หรือเรียนตามสำนักก็ต้องสรรเวลาเล่าเรียนอย่างจริงจังจึงจะได้วิชาไว้กับตน

ข้อดีของการผ่านความลำบากก็ทำให้เป็นผู้ทรงภูมิในระดับหนึ่ง ผิดกับประเดี๋ยวนี้ที่อาจจะมีคนรู้กันเกร่อ แต่ก็อย่างว่า ที่ "เกร่อ" นี้ เรียกว่า "ใช้ได้" แต่อาจจะไม่ใช้ผู้ที่ "ใช้เป็น" และ "ใช้ดี" ในวิชาความรู้ทางโหราศาสตร์ ที่เห็นจริงๆสมัยนี้คือการไขว้ระบบกันของความรู้ให้ไขว่ไปหมด ไม่รู้ว่าภพใดภูมิใดใช้อย่างไร อะไรมาจากไหน เป็นมาเป็นไปอย่างไร เพื่ออะไร เวลาไหนสมควรใช้ไม่ควรใช้ ด้วยความที่ศึกษากันให้ "ไขว่" ไปหมดอย่างนี้นานไปก็จะกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่น ว่านี่แหละเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว และก็อาจจะเผยแพร่ความรู้นั้นไปกลายเป็นระบบใหม่ที่ดีหรือไม่ดีขึ้นมาได้ ตรงนี้ก็น่าเป็นห่วงว่าระบบเดิมจะจางหายไปเรื่อยๆ

26 ตุลาคม 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (26 ตุลาคม 2557)

วิทยาการสมัยนี้ทำให้การศึกษาแง่มุมทางโหราศาสตร์มีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น เพราะการเข้าถึงข้อมูลต่างๆทำได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว จึงทำให้ผู้ที่ประสงค์จะศึกษามีแหล่งเรียนรู้ที่ใกล้ตัว ไม่จำเป็นต้องออกแสวงหาความรู้จากตำราและครูบาอาจารย์อย่างแต่ก่อน
นับเป็นเรื่องดีในแง่ของการได้ "ปริมาณ" คนที่สนใจเข้ามาศึกษาศาสตร์นี้ เป็นการสืบทอดความรู้ให้คงอยู่ต่อไป แต่ในแง่ของ "คุณภาพ" แล้ว คงจะกล่าวได้ยากว่าผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งในด้านความจำได้หมายรู้ในถ้อยอักษรเนื้อความตามบริบทแหล่งเรียนรู้นั้นคงจะไม่ด้อยกว่ากันสักเท่าใดนัก ประสงค์จะรู้เรื่องใดก็มีข้อความรู้รองรับ หรือสามารถสอบถามกันในสื่อสังคมออนไลน์ได้
ซึ่งตรงนี้ทำให้นึกถึงระดับของการใช้โหราศาสตร์ว่าเป็นระดับที่ "ใช้ได้ ใช้ดี และใช้เป็น" นั้นเกิดขึ้นกับผู้ศึกษาได้มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่มากในส่วนที่ผู้ศึกษาจะหยิบคว้าเอาความรู้ทางโหราศาสตร์แต่ละระบบมา "ไขว้" กัน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วก็พยายามศึกษาไปทั้งอย่างนั้น จนวันหนึ่งอัตตาความด้อยไม่ได้ว่า "ฉันก็เชิงรู้" ในโหราศาสตร์คนหนึ่งเกิดขึ้น ก็จะใช้หรือถ่ายทอดเผยแพร่ความรู้นั้นออกมาด้วย ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมามากแล้ว ทำให้บิดเบือนภาพที่แท้จริงของโหราศาสตร์ไป จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในรุ่นถัดมา

ฉะนั้นการศึกษาโหราศาสตร์อย่างถูกต้องตรงประเด็นนั้นจักต้องทำความเข้าใจให้มาก และคิดให้ได้ว่าอะไรมีความเป็นมาอย่างไร นำไปใช้อย่างไรให้ถูกสัดถูกส่วน จึงจะถือว่าเป็นการศึกษาที่บรรลุเจตนารมย์ของการดำรงไว้ซึ่งโหราศาสตร์อย่างแท้จริง

24 ตุลาคม 2557

สิ่งละอัน..วันละน้อย (24 ตุลาคม 2557)

...มีเหตุผลหลายประการที่ฉันไม่อาจตั้งตัวเองเป็นครูบาอาจารย์ทางโหราศาสตร์ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เห็นว่าตนเองนั้นความรู้ความสามารถยังไม่ถึงขั้นที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ที่มีอยู่ให้ใครได้ อีกประการมาจากการที่ได้เห็นพ่อทวดเองก็มิได้ตั้งตัวเองเป็นครูบาอาจารย์เลย แต่ปรากฏว่าลูกศิษย์ลูกหาของท่านมีมาก ทั้งที่เป็นพระและฆราวาสต่างมาฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน เพราะต่างเห็นปฏิปทาความรู้ความสามารถอัธยาศัยน้ำใจของท่านเป็นสำคัญ ที่กล่าวนี้มิได้หมายเอาตัวเข้าเทียบเคียงกับพ่อทวด ซึ่งฉันเองความรู้ความสามารถไม่หาญกล้าที่จะคิดและทำได้อย่างพ่อทวด อาศัยเหตุว่าท่านเป็นบุพพาจารย์ในตระกูลจึงเจริญตามรอยท่าน เพื่อสืบทอดความรู้ไว้ไม่ให้สูญหายไปในช่วงชีวิตของฉัน
...หากแต่มีคนขานฉันว่า “อาจารย์” นี้ ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะเขาใช้เป็นสรรพนามเรียกต่างแทนตน แต่ก็ทำให้ฉันต้องประพฤติตนให้งามตามความหมายของคำว่า “อาจารย์” คือ อาจาร + อริยะ เป็นผู้มีความประพฤติ(อาจาระ)มุ่งพัฒนาตนให้เจริญขึ้น(อริยะ) ซึ่งก็หนีไม่พ้นปฏิปทาของพ่อทวดที่นำมาเป็น “แบบอย่าง” จนกลายเป็น “แบบแผน” การปฏิบัติในด้านการดำรงโหราศาสตร์เรื่อยมา และฉันเองก็มีอัธยาศัยถูกจริตกับการประพฤติปฏิบัติแบบนี้เป็นรากฐานมาตั้งแต่เด็ก ถือว่าซึมซับเข้าสู่สายเลือดจนกลายเป็นปกติวิสัยของตนไปแล้วก็ว่าได้

...ความสุขของการมีธาตุแห่งการสอน(นำเสนอ)นี้ จึงทำให้ฉันตั้งใจตรึกตรองถนอมวิชาความรู้ แล้วกลั่นกรองว่าถูกต้องดีงามมาเผยแพร่แก่ท่านทั้งหลาย ในฐานะของผู้ที่ต่างก็ศึกษาวิชาโหราศาสตร์เหมือนกัน เป็น “สหโหรามิก” ที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยจิตที่อ่อนน้อมซึ่งกันและกัน ตามวิถีทางที่โหรโบราณท่านกระทำสืบต่อกันมานั้นเอง

10 ตุลาคม 2557

เกณฑ์เด่นดวงชะตา

เกณฑ์เสาไชย ๔ ต้น
(เสาร์ชัย)
๑.เสาร์ในราศีพฤษภ ท่านว่าเจรจาพาทีเป็นที่พอใจ น้ำเสียงเพราะ มีกำลัง อำนาจ วาสนา
๒.เสาร์ในราศีกันย์ ท่านว่าเนื้อหนัง รูปร่าง ผิวพรรณมีลักษณะดี
๓.เสาร์ในราศีพิจิก ท่านว่าเป็นคนที่มีโสตสัมผัส(หู,การได้ยิน)ดี

๔.เสาร์อยู่ในราศีมีน ท่านว่าเป็นคนมีตาดี มีจักขุสัมผัส สามารถรู้เห็นได้กว้างไกล
พฤฒิเกณฑ์
ดวงชะตาที่มีดาวอาทิตย์(๑) สถิตราศีเมษ สิงห์ ธนู ท่านว่าชีวิตจะมีความสุขความเจริญวัฒนาถาวร
ปรักเกณฑ์
ดวงชะตาที่มีดาวอังคาร(๓) สถิตราศีพฤษภ กันย์ มกร ท่านว่าเป็นดวงชะตาที่มีความกล้าหาญ ก้าวหน้ารุ่งเรือง
จักรเกณฑ์
ดวงชะตาที่มีดาวเสาร์(๗) สถิตราศีมิถุน ตุล กุมภ์ ท่านว่ามักจะได้ครองแผ่นดิน นั่งบ้านกินเมือง มีอำนาจวาสนา
ไทยเกณฑ์
ดวงชะตาที่มีดาวราหู สถิตราศีกรกฏ พิจิก มีน ท่านว่ามีความสามารถมาก หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก

ธีรพร  เพชรกำแพง
คัดสำเนาเค้าสำนวน

30 สิงหาคม 2557

ความหมายเลข ๗ ตัว ประกอบทักษา (๓)

ความหมายเลข ๗ ตัว ประกอบทักษา (๓)
มรณะ-บริวาร คนต่ำกว่า บุตรบริวาร ญาติพี่น้อง คนใช้ คนใกล้ชิด นำเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้
มรณะ-อายุ โรคภัยบ่อนเบียนร่างกาย หาความสุขความมั่นคงยาก เลี้ยงชีวิตด้วยความลำบาก
มรณะ-เดช ไม่นิยมถือยศถือศักดิ์ อำนาจเสื่อมถอย การพยายามใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาอุปสรรคอันหนักหน่วง
มรณะ-ศรี มรดกจากความตาย ผลประโยชน์จากความสูญเสีย การเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีขึ้น
มรณะ-มูละ จะได้มรดกจากความตาย ผลประโยชน์จากความสูญเสีย เกิดความเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเก่าไปสู่ผลประโยชน์ใหม่ที่ดีกว่า
มรณะ-อุตสาหะ มีสมองในการดัดแปลงแก้ไขในของที่เสียให้กลับมาดี มักถูกคนอื่นดูแคลนเรื่องหน้าที่การงาน การงานประสบความล้มเหลวแล้วเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่(จบเพื่อเริ่ม)
มรณะ-มนตรี ได้รับมรดกจากผู้หลักผู้ใหญ่ ผลประโยชน์อันเกิดจากความเสียหาย การสูญเสียบุคคลที่พึ่งพาอาศัยได้ ได้รับความกดดันบีบคั้นการกระทบทางอารมณ์กับผู้ใหญ่
มรณะ-กาลี มีปัญหาจนปลงตก จิตใจใฝ่ไปทางธรรมทางสงบ มรดก หลักทรัพย์ ผลประโยชน์ที่ได้รับเป็นผลร้ายตามมาภายหลัง ความเสียหายลึกลับซับซ้อนยากที่จะแก้ไข

ศุภะ-บริวาร บริวารเสริมคุณ ร่วมหัวจมท้ายพายเรือลำเดียวกัน เป็นที่รักใคร่ของบริวาร
ศุภะ-อายุ มุ่งมั่นทำมาหาเลี้ยงชีวิตโดยมีจุดหมายที่สำเร็จเป็นรากฐาน มีผู้อุปถัมภ์ในความเป็นอยู่
ศุภะ-เดช มีอำนาจวาสนาก้าวหน้าได้เป็นใหญ่ มีความคิดมุ่งใช้สติปัญญาพัฒนาก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายความสำเร็จของชีวิต
ศุภะ-ศรี มีความราบรื่นสำเร็จในการมุ่งสู่เป้าหมาย ความตั้งใจมีความก้าวหน้าเห็นผลชัดเจน ผูใหญ่ให้การสนับสนุน ผลประโยชน์ก่อเกิดเป็นรูปธรรม
ศุภะ-มูละ มีหลักฐานที่อยู่บ้านช่องดี ผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือจุนเจืออุปถัมภ์ เป้าหมายความตั้งใจประสบความสำเร็จ
ศุภะ-อุตสาหะ การทำงานที่เป้าหมายของชีวิตชัดเจน การมุ่งมั่นโดยใช้ความรู้ความสามรถพัฒนางานให้ประสบความสำเร็จ ผู้หลักผู้ใหญ่ในการสนับสนุน ผลงานเข้าตากรรมการ
ศุภะ-มนตรี ผู้อาวุโสกว่ามักให้การอุปถัมภ์สนับสนุนให้ความเมตตาปราณีเพราะเล็งเห็นอัธยาศัยและความกล้าในสิ่งที่จะกระทำจนเป็นผลสำเร็จ
ศุภะ-กาลี ผู้หลักผู้ใหญ่ให้โทษ เป้าหมายที่ตั้งใจไม่สมหวัง ขาดความมั่นคงในการดำเนินชีวิต คลอนแคลนขัดข้องไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์วางแผนไว้

กัมมะ-บริวาร บริวารเสริมงานด้วยชาญสันทัด เอาการเอางาน ขยันขันแข็ง บริวารพางานสำเร็จ
กัมมะ-อายุ ใจมุ่งกับการงาน เสมอต้นเสมอปลายในหน้าที่ ขยันอยู่ไม่สุขชอบทำงานหาเลี้ยงชีพ
กัมมะ-เดช เป็นผู้มีอำนาจวาสนาหน้าที่การงานเป็นใหญ่ ความคิดลำดับขั้นตอนการงานให้ราบรื่นลงตัว
กัมมะ-ศรี การกระทำกิจการงานมักบังเกิดผลดี การงานมีความมั่นคงก้าวหน้า มีอารมณ์สนใจรักใคร่เอาใจใส่ในกิจที่กระทำ
กัมมะ-มูละ ทำกิจงานใดเป็นหลักเป็นฐาน การงานราบรื่นประสบผลสำเร็จ ต่อยอดผลประโยชน์ที่มั่นคง ตั้งตัวได้
กัมมะ-อุตสาหะ การงานที่ต้องเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ได้รับผลดี เป็นคนไม่วางธุระไม่ทิ้งภาระหน้าที่ กระทำกิจเสมอต้นเสมอปลาย ทำงานมีงานทำแม้เหน็ดเหนื่อยก็มีความสุข ชอบการทำงาน
กัมมะ-มนตรี จะได้รับความสนับสนุนทางด้านการงานจากผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นผู้มีอำนาจในกิจที่กระทำนั้น ได้รับความร่วมมือในแวดวงสายงานเป็นอย่างดี การทำงานอย่างต่อเนื่องเสมอปลายเกิดผลประโยชน์เป็นอันดี
กัมมะ-กาลี การงานมีความขาดตกบกร่อง ท้อถอยในการทำหน้าที่ เกิดความผิดพลาดในกิจการงานที่กระทำ ประกอบกิจใดไม่เป็นผลดี ตัดสินใจผิดพลาดในหน้าที่การงาน เกิดความล้มเหลว

ลาภะ-บริวาร บริวารนำเอาลาภผลมาสู่ เอ็นดูรักใคร่ ให้ความสนิทสนมปานญาติพี่น้อง
ลาภะ-อายุ ทำมาหาเลี้ยงชีวิตได้อย่างราบรื่น มิตรดีสังคมดี ลงทุนลาภผลกำไรเพิ่มพูน
ลาภะ-เดช มีความมุ่งมั่นในการหาลาภผลรายได้ ใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์ มิตรภาพและสติปัญญาในการหาลาภผลรายได้เงินทอง
ลาภะ-ศรี มีลาภผล รายได้ กำไรเสมอๆ หาได้ใช้คล่อง มีที่พึ่งพาทางด้านการเงินทรัพย์สิน สติปัญญาและลู่ทางที่ดีในการก่อเกิดลาภผล
ลาภะ-มูละ มักได้ลาภผล กำไร รายได้ เป็นหลักเป็นฐาน สติปัญญาคล่องแคล่วในการหาทรัพย์ มิตรดีมีสัมพันธภาพเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ลาภะ-อุตสาหะ ความขยันในหน้าที่การงานเกิดผลดี ได้รับผลประโยชน์ ลาภผลกำไร ค่าตอบแทนจากกิจการงานที่กระทำนั้นอย่างดี การได้คบหาสมาคมกับบุคคลที่พึ่งพาอาศัยได้
ลาภะ-มนตรี ผู้หลักผู้ใหญ่นำมาซึ่งลาภผล ชี้ช่องทางทำมาหาได้ แนะนำหลักคิดการกระทำจากประสบการณ์ มีมิตรที่พึงพาอาศัยได้ ได้รับผลดีทางลาภผล กำไร ทรัพย์สิน โชคลาภ
ลาภะ-กาลี เสียประโยชน์ลภผลรายได้กำไรอันพึงได้รับ ยุ่งยากขัดสนในการจับจ่ายใช้สอย ถูกหลอกลวงคดโกงจากคนใกล้ตัวหรือมิตรร้าย ประกอบกิจใดมักไม่สมประสงค์ดังตั้งใจ

พยายะ-บริวาร บริวารก่อความเสียหาย แปรใจไปเป็นอื่น ทรยศคดโกง ขาดบริวารที่พึ่งพาอาศัยได้
พยายะ-อายุ ความเป็นอยู่ไม่แน่นอน ขึ้นๆลงๆ ขัดสน ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าร่ำไป โยกย้ายเปลี่ยนแปลง
พยายะ-เดช มักสูญเสียเสื่อมซึ่งอำนาจ ขาดความน่าเชื่อถือ ใช้ความรู้ความสามารถไปในทางที่ผิด ยึดมั่นแต่ความคิดตนเป็นใหญ่
พยายะ-ศรี ลงทุนกิจใดไม่สำเร็จ ขาดทุนขาดรอน เสียหายในผลประโยชน์อันพึงได้รับ ปัญหาได้รับการแก้ไขทีละเล็กละน้อยแต่ไม่ทันใจ ใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่าเหตุผล ขาดความรอบคอบ
พยายะ-มูละ ความเป็นอยู่ขัดสน ขาดตกบกพร่อง การตัดสินใจในการแสวงหา/ใช้สอยที่ผิดพลาดด้วยอารมณ์ที่รีบร้อนเป็นที่ตั้ง
พยายะ-อุตสาหะ ถูกบ่อนเบียนเอาเปรียบทางด้านการทำงาน การงานมีผลเสียหาย มีอุปสรรคข้อยุ่งยากให้ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าร่ำไป การงานมากแต่ผลประโยชน์ได้ยากหรือเนิ่นกว่าจะได้ สิ่งตอบแทนจากงานไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย การตัดสินใจที่ผิดพลาดในการดำเนินกิจการงาน
พยายะ-มนตรี ขาดที่พึ่ง มักอาศัยใครได้ยาก มีคนชี้นำกดดันตลอดเวลาทำให้อึดอัดใจ การปะทะทางอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความยุ่งยากลำบากใจ คนจ้องจับผิดทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง
พยายะ-กาลี มีเหตุให้ปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ การโยกย้ายเปลี่ยนแปลง อารมณ์ขึ้นๆล่องๆกระทบจิตใจกับคนอื่น การเงินการทองเดี๋ยวมีเดี๋ยวขาด เกิดความเสียหายจากการบริหารเวลาและการตัดสินใจที่ผิดพลาด ก้าวพลาดในสิ่งผิด

ทาสา-บริวาร มักเหน็ดเหนื่อยกับบริวาร บริวารเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้ในกิจการงานหนัก รับผิดชอบบริวารมาก
ทาสา-อายุ เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและครอบครัว ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนอื่น พวกพ้องหมู่คณะ แบกภาระหลายอย่าง มีความเหนื่อยใจ
ทาสา-เดช มีเรื่องเดือดร้อนเพราะผู้อยู่ใกล้ตัว ต้องเป็นภาระธุระจัดการให้คนอื่น
ทาสา-ศรี ผลสำเร็จจากการรับผิดชอบงานหนัก ภาระที่สร้างความสำเร็จ
ทาสา-มูละ กิจธุระหรือภาระที่ต้องรับผิดชอบนำไปสู่ความมั่นคงของชีวิต
ทาสา-อุตสาหะ ต้องพยายามฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จ
ทาสา-มนตรี แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค แต่ก็จะมีหนทางหรือบุคคลช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้
ทาสา-กาลี ไว้ใจคนใกล้ตัวหรือคนอื่นไม่ได้ จะสร้างเรื่องเกิดภัยเพราะคนต่ำชั้น แม้กระทั่งคนในครอบครัว ก็นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ทุกข์ใจ

ทาสี-บริวาร มักเหน็ดเหนื่อยกับบริวาร บริวารเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้ในกิจการงานหนัก รับผิดชอบบริวารมาก
ทาสี-อายุ เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและครอบครัว ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนอื่น พวกพ้องหมู่คณะ แบกภาระหลายอย่าง มีความเหนื่อยใจ
ทาสี-เดช มีเรื่องเดือดร้อนเพราะผู้อยู่ใกล้ตัว ต้องเป็นภาระธุระจัดการให้คนอื่น
ทาสี-ศรี ผลสำเร็จจากการรับผิดชอบงานหนัก ภาระที่สร้างความสำเร็จ
ทาสี-มูละ กิจธุระหรือภาระที่ต้องรับผิดชอบนำไปสู่ความมั่นคงของชีวิต
ทาสี-อุตสาหะ ต้องพยายามฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จ
ทาสี-มนตรี แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค แต่ก็จะมีหนทางหรือบุคคลช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้
ทาสี-กาลี ไว้ใจคนใกล้ตัวหรือคนอื่นไม่ได้ จะสร้างเรื่องเกิดภัยเพราะคนต่ำชั้น แม้กระทั่งคนในครอบครัว ก็นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ทุกข์ใจ

ธีรพร  เพชรกำแพง