พอดีมีท่านที่เปิดประเด็นในเรื่องวันเพ็ญเดือนสิบสอง
ความว่า
“ถ้าผิดไปชำระกรรมกันนะ
แสงจันทร์วันนี้จะชำระผ่อนหนักเป็นเบา”
ด้วยตัวฉันเองก็ด้อยความรู้หรือจะขาดตกบกพร่องในเรื่องเหล่านี้ไป
ว่า “แสงจันทร์ชำระกรรม” ได้อย่างไร?
ท่านที่เปิดประเด็นก็มิได้เมตตาอธิบายขยายความให้ จึงขอพับไปไว้คิดต่อเมื่อมีโอกาส
พอกล่าวถึงเรื่องนี้ “ฉุกคิด” ได้ถึงปูมปัญญาพิธีกรรมของบรรพชนไทยโบราณของเรา
ที่ทราบความเป็นไปของวิถีธรรมชาติ ด้วยการสังเกต และนำมาปรับประยุกต์ใช้ได้อย่างดี
เรียกว่าโบราณท่านก็มีความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์มานานแล้ว
เพียงแต่คนสมัยนี้เห็นว่าคร่ำครึของเก่า เลยมองเป็นไสยศาสตร์ไปแต่ถ่ายเดียว
พิธีกรรมที่กล่าวถึงนี้ก็คือ “พิธีอาบน้ำเพ็ญ” หรือจะเรียกให้ง่ายตามประสา คือ
การอาบน้ำมนต์ในคืนวันเพ็ญ(พระจันทร์เต็มดวง) ซึ่งเชื่อว่าเป็นพิธีที่ช่วยเสริมบารมี
สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เพิ่มพลังวาสนา ชะตาชีวิตให้ดีขึ้น
ดูเหมือนเป็นความเชื่อในสมัยนี้
แต่โบราณท่านกลับรู้จริงอย่างน่าอัศจรรย์ใจนัก
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการดำเนินพลังงานธาตุในจักรวาลบรรจุเข้ามาสู่โลก ๓
ส่วนด้วยกัน คือ ดวงอาทิตย์เป็นต้นกำเนิดกระแสพลังงานแห่งจักรวาลส่งอิทธิพลไปทั่ว
รวมถึงโลกเราก็ได้รับกระแสพลังงานที่ว่านี้ด้วย โดยผ่านดวงจันทร์เป็นตัวกรองกระแสบ่งบอกถึงการรับกระแสพลังงานนั้น
แล้วกระแสพลังงานที่ว่านี้ก็เกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งในโลกทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
โดยเฉพาะกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตายกันเลยทีเดียว อย่างเช่น น้ำขึ้นน้ำลง
การเกิดเป็นชีวิตของพืช(พลังงานบ่มเพาะ)
การเจริญไปของธาตุอ่อนแข็งในตัวคน(หยินหยาง) ฯลฯ เป็นต้น
พิธีกรรมอาบน้ำเพ็ญ
เป็นการสังเคราะห์พลังภายนอกเข้าสู่ร่างกายและจิตใจของคน
มีจิตตานุภาพจนเป็นชีวกำลังอานิสงส์อย่างที่เกริ่นกล่าวไว้ฉันใด
ก็เหมือนกับทางวิทยาศาสตร์บอกว่ารับแสงแดดอ่อนตอนเช้าร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีบำรุงกระดูกฉันนั้น
โดยต้องรวมกัน ๓ อย่าง คือ พิธีกรรม + ธรรมชาติ + คน(ร่างกายและจิตใจ)
เรื่องนี้มิได้กล่าวอย่างเลื่อนลอยไร้เหตุผล
แต่ที่มาที่ไปปรากฏมีอยู่ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕
เดิมนั้นจะจัดพิธีกรรมนี้ในวันเพ็ญเดือน ๓ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา
ต่อมาจัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๑๒ ที่เห็นจะมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว คือ
พิธีอาบน้ำเพ็ญของสายวัดสุทัศน์ ของสมเด็จพระสังฆราชแพ ติสฺสเทโว พิธีของท่านจะให้อาบกลางแจ้ง
โดยรอฤกษ์ที่พระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางศีรษะ
ในช่วงเวลานั้นจะพบว่าเงาของพระจันทร์ลอยอยู่กลางขันน้ำมนต์พอดี
เพราะทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง
แรงพลังอำนาจจากพระจันทร์จะทำให้น้ำในโลกถูกยกตัวสูงขึ้นกว่าธรรมดาทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกตามธรรมชาติ
บางสำนักจะจัดให้มีพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา
อธิษฐานบารมีจิตร่วมด้วย บางที่ท่านจะคำนวณเวลาเพ็ญจริงของดวงจันทร์
คือช่วงเวลาดวงอาทิตย์ตกและดวงจันทร์ขึ้น(ทางโหราศาสตร์เรียกว่าการเล็งกันหรือทำมุม
๑๘๐ องศา) เป็นองค์ฤกษ์ประกอบพิธีประสิทธิ์น้ำ และใช้องค์ฤกษ์เวลาดวงจันทร์ตรงศีรษะเป็นพิธีกรรมการอาบน้ำเพ็ญ
สำหรับฉันถือว่า วันเพ็ญ เดือน ๑๒ นี้
เป็นวันที่ดวงจันทร์สังเคราะห์กระแสธาตุจากดวงอาทิตย์เข้าสู่โลกอย่างเต็มที่
สังเกตจากดวงจันทร์จะใหญ่มาก
ตามสายวิชาของฉันจะประสิทธิ์น้ำพระพุทธมนต์อิงซึมซาบกระแสโลกธาตุ(ที่สังเคราะห์แล้วจาก
อาทิตย์ จันทร์ และโลก)ในคืนนี้ โดยใช้ขันน้ำมนต์โลหะทรงบาตร
ยิ่งได้ขันนวโลหะยิ่งดี หรือจะเป็นขันเงิน ขันทองเหลือง ขันนาก
แต่ถ้าเป็นขันทองแดงให้ใช้รดน้ำมนต์เพื่อป้องกันอย่างเดียว(ห้ามดื่มกิน)
เพราะโลหะแต่ละชนิดมีธาตุพิเศษอยู่ในตัว อย่างธาตุทองนี่รักษา ทองเหลืองส่งเสริม
ทองแดงป้องกัน เป็นต้น พอได้องค์ฤกษ์ก็ประกอบขั้นตอนประสิทธิ์น้าพระพุทธมนต์
อาราธนาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทพยุดา
เหล่าพรหมเจ้า แลด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ อัญเชิญบารมีท่านมาประสิทธิ์ประสาทเป็นน้ำพระพุทธมนต์ไว้สงเคราะห์ชนทั้งหลาย(อย่าลืมหัวใจสำคัญของการทำน้ำมนต์
๔ บทหลักต้องท่องบรรจุไว้ด้วย)
เป็นพิธีกรรมที่สำคัญสำหรับฉันอย่างหนึ่งที่ทำเพียงปีละครั้งเท่านั้น.
ธีรพร เพชรกำแพง
๑๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ที่มาของการเขียนบทความ
: จากกลุ่มสมาคม ร่างทรงแห่งสยามประเทศ(facebook)
เห็นโพสต์อะไรแปลกๆ แล้วอยากให้ความจริงละอัตตา(ปราบพยศ)บ้าง