ไขประเด็น..เห็นสาระ ตอน ไม่อยากได้ขัน
แค่เคารพ
คำถาม
: “รับขันมาแล้วจำเป็นไหมจะต้องไปเสริม ตอนนี้ไม่อยากจะได้ขัน เพราะเราบูชาและปฏิบัติไม่ได้
ทำให้เราไม่สบายจิตใจเราคิดมาก ก็เลยอยากจะเคารพนับถือท่านด้วยใจไม่ใช่ขัน”
คำตอบ
:
หากมิได้มีความประสงค์ที่จะรับขันธ์นั้น
ครูอาจารย์ย่อมไม่สามารถประสิทธิ์ขันธ์ให้ได้ตั้งแต่แรก
เพราะคนที่จะรับขาดความพร้อมในการยอมรับนับถือที่จะเอาขันธ์นั้นมาเป็นที่ตั้งแห่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ
เป็นสัจจะข้อศรัทธาปฏิบัติต่างๆในการดำรงขันธ์
อย่างกรณีนี้ขันธ์ที่รับมาย่อมถือว่าเป็นโมฆียขันธ์ไปโดยปริยาย
คือมีไว้เฉยๆ แล้วเจ้าตัวปฏิบัติไม่ได้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
ทีนี้ตัววิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยทั้งในตัวเองและองค์ท่านก็จะมีมากขึ้น
ไม่สบายใจ เป็นทุกข์กังวล การรับขันธ์นั้นมีขั้นตอนก่อนรับ เพื่อเป็นการย้ำแก่ผู้รับว่าสามารถรับไปและครองขันธ์นั้นได้
ต้องยอมรับโดยดุษฎีทั้งกาย วาจา ใจ หากไม่เป็นเช่นนั้น
ครูบาอาจารย์จะไม่สามารถประสิทธิ์ขันธ์ให้ได้เลย
ส่วนการเสริมขันธ์เป็นขันธ์ในระดับที่สูงขึ้นนั้น
ความจริงไม่ต้องก็ได้ เป็นการเพิ่มภาระในการปฏิบัติมากขึ้น
แล้วยิ่งเจ้าตัวยังมีกิจกังวลอื่นที่ไม่สามารถปฏิบัติได้
แทนที่จะเป็นคุณจะกลับเป็นโทษในภายหลังได้
ส่วนการแสดงกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อครูบาอาจารย์นั้น เป็นสิ่งสมควร
จะเป็นงานไหว้ครูประจำปี หรือโอกาสวาระต่างๆ
ก็หาเวลาที่จะได้เข้าหาครูบาอาจารย์บ้าง เผื่อมีข้อแนะนำใดๆท่านก็จะได้ชี้แนะ
ให้เราดำรงขันธ์ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร
แนะนำให้ปรึกษาครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ขันธ์ให้ท่านเป็นดีที่สุด
เพื่อหาทางออกที่ถูกต้อง ไม่เป็นการ "ผิดครู" แก้ไขได้อย่างเหมาะสม
ตามสมควรแก่สติกำลังที่เราจะยอมรับนับถือหรือปฏิบัติได้
ไปหาคนอื่นก็จะกลายเป็นมากหมอมากความไป แก้มันที่จุดเดิมนั้นแหละ ผู้ประสิทธิ์ขันธ์มาให้ย่อมต้องรู้ผูกรู้แก้
แต่ถ้าไม่รู้แสดงว่าไม่มีภูมิรู้ภูมิธรรมเพียงพอที่จะประสิทธิ์ขันธ์รับศิษย์ได้
ถ้าเป็นอย่างหลังนี้ก็ถือว่าแย่กันทั้งสองฝ่าย กอดคอกันจมน้ำไป
( ที่ชาวบ้านเขาครหานินทาว่ารับขันธ์มาแล้ว
วิตกจริต เป็นบ้าเป็นบอ ทำอะไรก็แย่ลง ครอบครัวไม่สงบสุข ฯ
ก็เพราะเหตุอย่างกรณีนี้รวมอยู่ด้วย
ความจริงผู้ประสิทธิ์ขันธ์ต้องมีญานหยั่งรู้เป็นทุนเดิมอยู่ก่อน
ว่าเขารับได้หรือไม่ได้ มิใช่ว่าสักแต่จะยัดเยียดขันธ์ ที่แม้แต่ความหมายความเป็นมาของคำว่า
"ขันธ์","การครองขันธ์",การดำรงขันธ์"ก็ยังไม่ทราบเลย แสดงว่าภูมิไม่ถึงบอกกล่าวไม่ได้
แล้วเขาจะนำอะไรไปปฏิบัติ พอชาวบ้านถามเข้าว่าขันธ์คืออะไร เอามาทำอะไร
รับแล้วรวยขึ้นไหม ทำไมต้องรับ ฯลฯ เรียกว่าจนมุมจนแต้มที่จะตอบแล้ว อย่างนี้ถือว่าเป็น
"โมฆียขันธ์") d
(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
ธีรพร เพชรกำแพง
ไขประเด็น..เห็นสาระ