4 เมษายน 2558

ตัวอย่างการพยากรณ์ดวงชะตาพื้นฐาน ตอน การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย 3

การอ่านเรือนสัมพันธ์ประสมดาวลอย ๓

          จากที่ได้แสดงการพิจารณาดวงชะตาด้วยระบบเรือนสัมพันธ์มาในครั้งก่อนๆ สิ่งที่เน้นย้ำมากคือเรื่องของการฝึกอ่านเพื่อเป็นแนวทางไปสู่การพยากรณ์อย่างเป็นลำดับขั้นตอน โดยการอ่านความหมายดาวที่สถิตราศีหรือที่เรียกว่า “ดาวลอย” ประสมกับการอ่านทางเรือนสัมพันธ์ให้มีความเกี่ยวเนื่องกัน ทิศทางของคำพยากรณ์นั้นจะมีความสอดคล้องให้ความหมายเสริมเรื่องประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องชัดเจนขึ้น
          ในครั้งนี้เราจะพิจารณาเรือน “กัมมะ” คือเรือนที่ ๑๐ นับจากลัคนา ให้ความหมายถึงอาชีพการงาน ภารกิจ การกระทำ ในการพิจารณาดวงชะตาเรายังคงยึดหลักเกณฑ์เพื่อปรับความคิดให้เป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งต่อไปเมื่อมีความชำนาญแล้วเราจะสามารถพิจารณาดวงชะตาได้คล่องตัวรวดเร็วและไม่ตกหล่นจากหลักการพยากรณ์ที่มีเหตุมีผลรองรับ โดยหลักการพิจารณาที่ต้องเน้นย้ำอยู่เสมอมีดังนี้
๑.ดาวเจ้าเรือนกัมมะสถิตที่ราศีใด มีตำแหน่งมาตรฐานเข้มแข็งหรืออ่อนแอ
๒.ดาวเจ้าเรือนกัมมะไปสถิตในราศีแห่งดาวเกษตรอะไรและความสัมพันธ์ระหว่างดาวเจ้าเรือนที่ไปสถิตกับดาวเกษตรเจ้าเรือนที่ตนสถิตนั้นเป็นอย่างไร
๓.ดาวเจ้าเรือนกัมมะเป็นดาวธาตุใด และสถิตในราศีธาตุใด ธาตุแห่งราศีนั้นหักล้าง ส่งเสริม หรือเป็นกลางๆต่อกัน (พิจารณาความราบรื่นของดาวกัมมะ)
๔.ดาวเจ้าเรือนกัมมะสถิตในเรือนใด จะบอกถึงความหมายที่จะเกิดตามความสัมพันธ์ความหมายแห่งเรือนนั้นๆ
๕.เกษตรเจ้าเรือนที่ที่ดาวเจ้าเรือนกัมมะสถิต ไปสถิตอยู่ในเรือนใด จะเป็นความหมายบอกผลประกอบเรื่องราวให้ได้รายละเอียดชัดเจนขึ้น
๖.พิจารณาความสัมพันธ์ในเรือนกัมมะว่ามีดาวลอยปรากฏหรือไม่ หากมีให้พิจารณาความหมายความเป็นดาวหรือเจ้าเรือนนั้นประกอบด้วย

          ในที่นี้ราศีเมษเป็นเรือนกัมมะ ให้ความหมายว่า “ความกล้า บุกเบิก ริเริ่มกระทำในกิจการงาน โดยเฉพาะเมื่อมีแรงกระตุ้นหรือสิ่งเร้าท้าทายความตั้งใจ” แสดงถึงว่าการงานของเจ้าชะตานี้เป็นลักษณะที่ต้องบุกเบิก ริเริ่ม พุ่งมุ่งกระทำอย่างตรงประเด็นไปตามความหมายของราศีเมษ
          ก.ดาว ๓ เจ้าเรือน กัมมะ สถิตราศีเมษเป็นเกษตรในเรือนกัมมะเอง ให้ความหมายถึงการประกอบการงานที่จะสร้างความมั่นคงเป็นปึกแผ่นให้เจ้าชะตา ความหมายทางดาวสถิตเรือนของดาว ๓ ในเรือนกัมมะ ความว่า “การมุ่งพุ่งกระทำ บุกเบิกเร่งรีบ ราวกับการเร้าการแข่งขันท้าทายกับเวลา หวังผลโดยเร็ว” สอดคล้องให้ความหมายเต็มที่ในลักษณะของราศีเมษเป็นเรือนกัมมะ เพราะดาว ๓ เป็นเกษตรมีอำนาจความหมายชัดเจนในทางส่งเสริมกันของเรือนนี้
          ข.ดาว ๓ เจ้าเรือน กัมมะ สถิตราศีเมษอันเป็นเกษตรราศีตนเอง จึงไม่ต้องพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างดาว ๓ กับเกษตรเจ้าเรือนอีก
          ค.ดาว ๓ ธาตุลม มาสถิตในราศีเมษธาตุไฟ และเป็นเรือนเกษตร จึงถือว่าธาตุดาวและธาตุราศีมีความส่งเสริมกันเป็นอย่างดี
          ง.ดาว ๓ ในราศีเมษมีมาตรฐานตำแหน่งเป็นเกษตรแสดงถึงความหมายที่เถียรของดาว ๓ ราศีเมษ และเรือนกัมมะ เสมือนมีอำนาจเต็มในบ้านของตน จึงไม่ต้องติดตามอ่านดาวเจ้าเรือนกัมมะว่าไปอยู่ที่ใดเพื่อขยายผลภาพความหมายอีก
          จ.พิจารณาความสัมพันธ์ในลักษณะ “ดาวลอย” สถิตเรือนกัมมะในที่นี้คือดาว ๖ อันเป็นเจ้าเรือนพันธุและลาภะ มาสถิตราศีเมษมีมาตรฐานตำแหน่งเป็นประ ความเป็นประของดาว ๖ นี้แสดงถึงความพร่องให้ผลไม่เต็มที่ ต้องสรรสร้างสั่งสมให้เกิดมีขึ้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการงานของเจ้าชะตานั้นมักมีความพร่องทางด้านความมั่นคงมาก่อน(พันธุ-ประ) จึงต้องเพียรแสวงสั่งสม(๖ ประ) ตามจุดมุ่งหมายแห่งความสำเร็จที่หลากหลาย(ลาภะ-ประ) เพื่อให้เกิดความมั่นคงเป็นปึกแผ่นประดุจเนื้อเดียวกัน(๓ เกษตร) สอดคล้องกับความหมายดาวสถิตเรือนที่ว่าดาว ๖ สถิตเรือน กัมมะ “การใช้อรรถแวดล้อมที่เป็นประโยชน์สร้างความคล่องตัวในการทำกิจการงาน รวมถึงการกระทำที่เป็นข้อตกลง”
          ข้อเท็จจริงดวงนี้เป็นดวงฤกษ์ก่อตั้งชมรมพัฒนาวิชาโหราศาสตร์ไทย ที่นำมาอ่านอย่าง “ดวงคน” ตามรูปแบบระบบการอ่านด้วยเรือนสัมพันธ์ ความหมายประกอบความจริงในภาพรวมของ “กัมมะ” ตามดวงนี้จะต้องกระทำเพื่อให้เกิดความมั่นคงเป็นปึกแผ่น(กัมมะ-เกษตร) โดยการบุกเบิก บากบั่น ริเริ่ม พุ่งมุ่งกระทำให้เกิดความชัดเจนเห็นผล(๓-เมษ) แต่การกระทำนั้นต้องสั่งสมรวบรวมสิ่งที่พร่องกระจัดกระจายอยู่เดิม(พันธุ-ประ) เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ต้องการอย่างค่อยเป็นค่อยไป(ลาภะ-ประ) เพราะความสำเร็จราบรื่นมิได้ปรากฏในคราวเดียว(๖ ประ) จะต้องใช้ความเพียรพยายามกระทำการเพื่อให้ไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงถาวร(๓ กัมมะ เกษตร)
ซึ่งจุดประสงค์ของชมรมพัฒนาวิชาโหราศาสตร์ไทยนั้นเพื่อเป็นไปในการรวบรวมพัฒนาความรู้ทางโหราศาสตร์ที่มีความหลากหลายอยู่เดิม มาสรรประโยชน์ให้เป็นระบบสะดวกต่อเชิงชั้นกระบวนวิธีทางการศึกษาและเผยแพร่โหราศาสตร์ในลักษณะที่เป็นรูปธรรม ซึ่งก็มีความยากที่จะปฏิบัติเพราะ “ความหลากหลาย” ที่ถือว่าเป็นความพร่องจะต้องเก็บรายละเอียดต่างๆมาเสริมเติมเต็มให้เกิดความเป็น “น้ำหนึ่ง” ทางโหราศาสตร์ไทยต่อไปในอนาคต

ธีรพร  เพชรกำแพง
4 เมษายน 2558