10 มิถุนายน 2556

พิจารณาดวงไทยแบบโบราณ ๑

พิจารณาดวงไทยแบบโบราณ ๑
          กัลยาณมิตรอันเป็นที่รัก ห่างหายกันไปนานกับการพิจารณาดวงชะตาบุคคลด้วยวิชาโหราศาสตร์ไทย เพราะสุขภาพร่างกายที่มีโรคภัยเบียดเบียน ทุกขเวทนาทางกายคอยรุมเร้าทรมานกับกายสังขารที่เป็นรังแห่งโรคนี้ จนเป็นอุปสรรคต่อการทำกิจต่างๆ โดยเฉพาะงานในหน้าที่ซึ่งตอนนี้ใจหนึ่งก็เป็นห่วงอย่างมาก เสมือนทำงานได้ไม่เต็มที่เต็มความสามารถ แต่ก็ด้วยผู้บริหารและผู้บังคับบัญชายังให้ความเมตตา จึงได้พักรักษาตัวให้มีอาการดีขึ้น ซึ่งก็ทุเลาเบาบางลงไปบ้างอย่างเนิ่นช้า เป็นเหตุให้ระลึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ถือว่าเป็นความสัจจริงนัก คนเรานั้นหากไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนเสียแล้ว ความคล่องตัวในการประกอบกิจต่างๆ ย่อมมีความสำเร็จโดยง่าย แต่กระนั้นฤๅ..ใครบ้างเล่าที่ไม่เจ็บไม่ป่วย? หมอที่เก่งสักปานใดรักษาโรคหิวได้หรือไม่? หมอที่เก่งสักปานใดรักษาโรคตายได้ไหม? นี่ก็เป็นข้อที่น่าจะครวญคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดความปลงในทุกข์จากความเป็นไปในโลกียวัฏฏสงสารนี้ได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน
          อารัมภบทมาเสียมาก คราวนี้มาเข้าเรื่องการพิจารณาดวงชะตาด้วยวิชาโหราศาสตร์ไทย ต่อเมื่อได้เกริ่นไปถึงเรื่องสุขภาพโรคภัยไข้เจ็บวันนี้ก็คงจะไม่หมดไม่สิ้น มาเข้าสู่การพิจารณาดวงไทยแบบโบราณซึ่งท่านมีหลักเกณฑ์เหตุผลในการใช้อ่านดวงชะตาอยู่หลายรูปแบบ ในครั้งนี้ขอยกเอามาสักอย่างหนึ่งพอเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังตามประสาผู้สนใจใคร่รู้โหราศาสตร์ไทย
ข้อมูลกำเนิดของเจ้าชะตานั้นเป็นเพศหญิง สุริยคติกาล วันศุกร์ ที่ ๑๖ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑  เวลา ๐๘.๕๗ น. กรุงเทพมหานคร จันทรคติกาล วันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน  ๕  ปีชวด จุลศักราช ๑๓๑๐ เฉลิมรูปดวงได้ดังนี้



          การพิจารณาดวงชะตาในครั้งนี้ จะได้นำเอา ตนุเศษ เข้ามาร่วมใช้เป็นหลักในการตั้งเรือนใช้ดาวเกษตรเรือนในไปลอยอยู่ในเรือนนอกชั้นหนึ่ง ให้มีความสัมพันธ์กับดาวเกษตรเรือนในด้วยกันชั้นหนึ่ง และให้มีความสัมพันธ์กับเรือนลัคนาและเรือนตนุลัคน์อีกชั้นหนึ่งด้วย สมอภิเปรยเอ่ยอ้างถึงท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ที่ว่าการพิจารณาดวงชะตานั้นต้องดู ๓ ขา คือ ลัคนา ตนุลัคน์ และตนุเศษ ทำให้นึกไปถึงกระถางธูปของคนจีนที่มีสามขา หากขาใดขาหนึ่งหักไปกระถางก็จะล้มลงทันทีโดยที่สองขาที่เหลือนั้นมิอาจพยุงไว้ได้ ความนี้ท่านเปรียบสำคัญเป็นมั่นถึงการพิจารณาดวงแบบ ๓ ขาดังกล่าว ว่าจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ เป็นกิจที่นักพยากรณ์ทั้งหลายพึงศึกษาให้ละเอียด รอบคอบ และแตกฉานในการใช้ ส่วนในสายของฉันท่านเรียกว่า ขัดตาเรือน โดยมีจุดกำเนิดดั่งดวงสามขานี้แล้วจึงตั้งเรือนพิจารณาหาเอาความหมายได้กว้างขึ้นและขัดลง(พิจารณา)ให้จำเพาะสอบเข้ากับเรื่องราวของเจ้าดวงชะตา
          เพื่อมิให้พูดพล่ามอารัมภบทไปมากกว่านี้ ขอเข้าเรื่องเพื่อให้เห็นเนื้อวิชาอันเป็นบาทของการพิจารณาตามที่โหรโบราณท่านเก่าๆ ได้ใช้กันมา ดังดวงชะตานี้มี อาทิตย์เป็นตนุเศษอยู่ราศีเมษ(อุจ) ตนุเกษตรคืออังคาร ไปสถิตอยู่ที่ราศีกรกฏ(นิจ) ในเรือนสหัสชะลัคน์ ตนเองมีความก้าวหน้าสำคัญแต่เสียไปด้วยวงสังคมที่ตนมีคนรายล้อมทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง ทำบุญทำคุณคนไม่ขึ้น อุปถัมภ์ช่วยเหลือเลี้ยงดูผู้คนไม่ได้ มักจะมีเหตุเสื่อมเสียเพราะบุคคลเหล่านั้น โดยที่ฝ่ายเจ้าชะตาเองเสียเปรียบและก็เป็นฝ่ายยอมเพื่อให้ผ่านพ้นเสียทุกครั้งไป ข้อนี้จึงเป็นประสบการณ์สั่งสมหล่อหลอมตัวของเจ้าชะตาเป็นอย่างดี ในที่นี้อังคารยังร่วมเสาร์เจ้าเรือนกัมมะเกษตร(ประ) กล้าแข็งขยันทายอังคาร อังคารร่วมเสาร์(ประ)เจ้าเรือนการงาน เจ้าชะตาจึงมีความขยันมุมานะอดทนในการทำกิจการงาน แม้การื้อวิชาการพิจารณาแบบที่บางตั้งเรือนพิจารณาหาเอาความหมายที่กว้างงานนั้นจะให้ผลทีละน้อยในระยะยาว ประกอบกับความผันผวนขึ้นๆลงๆ มีความเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน มีการกลั่นแกล้งเบียดเบียนในอาชีพ เจ้าชะตาก็ยังมีความอดทนมุมานะแข็งขันดันหน้าไปเรื่อย มือเท้าสติปัญญาของตนเป็นกำลังหวังพึ่งจมูกคนอื่นมาหายใจได้ยาก เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่งลักษณาการดังกล่าวเริ่มให้คุณ เจ้าชะตาจึงมีความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ด้วยดาวคู่นี้ส่วนหนึ่ง (อังคารร่วมเสาร์ในพันธุเกษตร=การมุ่งกระทำเพื่อผลความมั่นคงระยะยาวในชีวิต ครอบครัว ฐานะ ความเป็นอยู่)
          พิจารณาศุกร์อันเป็นกดุมภะเกษตรสถิตราศีพฤษภ(เกษตร) เป็นเจ้าเรือนตนุลัคนา เจ้าชะตามีความต้องการและตั้งใจเป็นกำลังในการแสวงหาเงินทองที่ดินทรัพย์สินรายได้ต่างๆ เพื่อให้เกิดมั่นคงในชีวิตจากวันเริ่มต้นจนถึงวันประสบความสำเร็จของชีวิตในระดับหนึ่ง แม้จะมีคู่เรียงเคียงหมอนแต่ก็มีอุดมการณ์ในการทำมาหาได้เป็นของตนเอง ดีมิดียังต้องจูงจมูกคนอื่นให้เดินตามเสียด้วยซ้ำ หนักหน่วงแต่ก็อดทนเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายโดยมิเกิดความย่อท้อ(มีวิสัยทัศน์สู้ชีวิตแบบคนหัวโบราณ) ลำบากเสียคราวหนึ่งก่อนแล้วจึงมีความราบรื่นคล่องตัวตามมาในภายหลัง เมื่อเข้าที่อับคับที่จนจะมีหนทางแก้ไปหรือบุคคลเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่เจ้าชะตามักเกรงใจเป็นอันมากต้องการยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้ มากกว่าที่จะยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ (อย่าลืมว่า อาทิตย์ เป็นตนุเศษ)
          แล้วทีนี้มาพิจารณาหลักฐานความมั่นคงของชีวิตเจ้าชะตา พิจารณาดูที่ พันธุ อันหมายถึงความมั่นคงของชีวิตที่ตนได้กระทำสั่งสมเพียรพยายามสร้างหาหรือของเก่ามีมาให้ต่อยอดในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว บ้านเรือน สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ฯ มีอังคาร(นิจ)มาจากเรือนตนุและมรณะทางตนุเศษ เจ้าชะตามีความเพียรมากขึ้นกว่าคนอื่นหลายเท่ากว่าจะได้มาซึ่งความมั่นคงของชีวิต ด้วยความลำบากเหน็ดเหนื่อย การกระทำที่ต้องลงแรงต่อสู้ฝ่าฟัน พร้อมกันนั้นยังทีเสาร์(ประ)จากเรือนกัมมะเกษตร การกระทำดังกล่าวนั้นเจ้าชะตาต้องอาศัยความอดทนในการกระทำสิ่งลงทุนลงแรงมาก แต่ได้ผลกลับมาน้อย มีอารมณ์ความจริงจังมุ่งกระทำในสิ่งที่ตนตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างไม่วางธุระ พิจารณาเจ้าเรือนพันธุเกษตรคือ จันทร์ สถิตอยู่เรือนสหัสชะเกษตรร่วมกับมฤตยู เจ้าชะตามีรูปแบบการปรับเปลี่ยนพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็มีความผันผวนขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา พลิกแพลงตามจังหวะทีละน้อย เมื่อเห็นช่องทางดีแล้วจึงมุ่งเฉพาะหน้าให้มีความมั่นคงสั่งสมไป พอถึงตามช่วงวัยช่วงอายุที่เหมาะสม สิ่งที่เรียกว่าเป็นหลักฐานหลักทรัพย์นั้นเกิดมีขึ้นทีละก้าว ตั้งใจอะไรไว้ต้องได้ด้วยความเพียรพยายามไม่ลดละแม้จะล้มเหลวก็ลุกหันกลับมาสู้ใหม่ แม้ไม่มีใครให้ความสนับสนุนส่งเสริมในคราวแรก เมื่อบ้างท้ายมีผู้ให้ความส่งเสริมอุปถัมภ์ เหตุเพราะเอกลักษณะของความตั้งใจจริงนั้นเอง ตรงนี้หากเห็น อังคารและเสาร์ เป็นคู่ศัตรูและตกสถานภาพคือเป็นประเป็นนิจ แล้วอ่านความหมายเข้ามาทำลายฐานะความเป็นอยู่คงมิใช่ความหมายที่ตรงประเด็นสักเท่าไรนัก แม้จะเป็นความจริงอยู่บ้าง แต่โหราศาสตร์ไทยโบราณเราอ่านในลักษณะ เสริมกัน มิได้อ่านในลักษณะเชิง หักล้าง เพราะจะทำให้ตันความหมายได้ง่ายและไม่ค่อยจะตรงกับความเป็นจริงของชีวิตทั้งหมด จึงต้องพิจารณาให้มากในการพยากรณ์ในทางที่เสริมกัน อย่างดวงนี้เมื่อช่วงวัยผ่านไปมากความมั่นคงในชีวิตย่อมมีมากขึ้นตามกาลเวลา หากอ่านในเชิงหักล้างเจ้าชะตาคงมิได้มีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงในชีวิตเป็นแท้ การอ่านในเชิง เสริมกัน ตามหลักโหราศาสตร์ไทยนี้จึงต้องตระหนักไว้ให้มาก
          ต่อไปพิจารณาดวงคู่ครองของเจ้าชะตา ดูที่ปัตนิเกษตรคือดาวศุกร์ ไปสถิตเป็นกดุมภะตนุเศษ และสถิตกุมลัคนาเดิม เจ้าชะตาได้คู่ครองที่มีฐานะดี หรืออีกอย่างคือได้คู่ครองที่เสริมส่งร่วมกันแสวงหาทรัพย์สินความมั่นคงของชีวิตเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าชะตา ศุกร์ปัตนิเกษตรนี้ยังเป็นดาวบริวารกุมลัคนา เจ้าชะตาจึงมีความเกี่ยวข้องดูแลความเป็นครอบครัวในการตัดสินใจหรือประเมินสิ่งใดที่จะลงมือกระทำ ที่จะได้ที่จะมี เรียกว่าเป็นผู้จัดการความเป็นอยู่ดูแลความเรียบร้อยของครอบครัว ปัตนิเดิมคืออังคาร(นิจ)และเป็นเจ้าเรือนวินาสเดิมด้วยในเรือนสหัสชะ ร่วมเสาร์(ประ)เจ้าเรือนศุภะ ความหนักเหนื่อยในหลายเรื่องไม่เป็นไปตามเป้าหมายของชีวิต จึงปรากฏให้เจ้าชะตามีความรับผิดชอบมากกว่าคู่ครอง แล้วในช่วงเวลาหนึ่งความเป็นคู่ครองนั้นต้องแยกทางกันไป(๗ และ ๓ คู่แตกแยก,ในความสัมพันธ์(สหัสชะ))
          หน้าที่การงานคือเสาร์(ประ)กัมมะเกษตร สถิตเรือนพันธุตนุเศษ ร่วมอังคาร(นิจ)เป็นตนุเกษตรและมรณะเกษตร การงานเป็นที่หนักเหนื่อยมีอุปสรรคปัญหาให้ได้แก้ไขทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว มีล้มลุกคลุกคลานเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้งหลายครากว่าจะตั้งตัวขึ้นได้ มาดูทางลัคนากันบ้าง เจ้าเรือนกัมมะคือราหู(เดิมในสายของฉันใช้เสาร์ลมเป็นเกษตรราศีกุมภ์ตามอย่างพ่อทวด ต่อมารับเอาราหูมาใช้ตามมติของคณาจารย์โหรหลายท่าน เห็นว่าผลการพยากรณ์เป็นที่พอใจจึงนำมาใช้เรื่อยมา) สถิตวินาส ส่งผลย้ำเรื่องของความผกผันเปลี่ยนแปลงในเรื่องการงาน ร่วมอาทิตย์(อุจ)อันเป็นเจ้าเรือนพันธุและเป็นตนุเศษด้วย และพุธเจ้าเรือนกดุมภะและปุตตะ เรื่องของหน้าที่การงานจึงมีความเปลี่ยนแปลงด้วยอุปสรรคปัญหา ส่งผลต่อความเป็นอยู่รายได้การจับจ่ายใช้สอย พิจารณาราหูเป็นฉายาเคราะห์ที่มีความหมายทางด้านการประยุกต์เปลี่ยนแปลง(๘) ด้วยความรู้ความสามารถทักษะเฉพาะด้านหรือความถนัดของตนเอง(๑+๔) จึงผลักดันให้เจ้าชะตาต้องต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคหนักหน่วงนานาประการกว่าจะตั้งหลักฐานมั่นคง
เราจะเห็นได้ว่าความหมายในเชิงพยากรณ์ทางลัคนาและตนุเศษนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันเป็นเอกลักษณ์ของโหราศาสตร์ไทยโบราณที่ใช้การอ่านแบบ เสริมกัน ทำให้ได้ภาพความหมายที่มีความชัดเจนและสามารถขยายต่อยอดออกไปได้ทั้งในเชิงกว้างความหมายกลางๆและในเชิงลึกคือความหมายเชิงจำเพาะเจาะจงลงไปตามเรื่องราวที่เราประสงค์จะทราบ ซึ่งการอ่านแบบ หักล้าง กันนั้น ความหมายที่ได้ดูเหมือนจะชัดเฉพาะ แต่เมื่ออ่านต่อไปเรื่อยๆ ความหมายเกิดความขัดแย้งกัน ส่วนหนึ่งดีส่วนหนึ่งร้ายความหมายค้านกันเอง ไม่รู้จะตัดสินความหมายออกมาเป็นคำพยากรณ์อย่างไร จนในที่สุดก็ ตัน ความหมายขยายต่อไปไม่ได้ ต่างจากการอ่านความหมายแบบ เสริมกัน ซึ่งให้ภาพความหมายได้ชัดเจนกว่าทั้งในด้านดีและด้านร้าย บางท่านเข้าใจว่าการอ่านเสริมกันนั้นความหมายจะต้องออกมาดีอย่างเดียว ซึ่งความจริงความหมายนั้นมีทั้งด้านดีและด้านร้าย แต่สามารถสืบเสาะความหมายขยายออกไปได้ ไม่เป็นคำตอบชนิดกำปั้นทุบดิน ที่ว่าดีนั้นดีอย่างไร ที่ว่าร้ายนั้นร้ายอย่างไร มีสิ่งใดเป็นมูลความหมายที่จะพยากรณ์ออกมาได้ เอกลักษณ์นี้จึงเป็นการอ่านดวงชะตาที่ยกเป็นศิลปะการพยากรณ์เลยทีเดียว ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทั้งหลายจึงจำเป็นต้องฝึกฝนการอ่านความหมายในเชิง เสริมกัน นี้ให้มีความคล่องตัวและถนัดในการใช้ เมื่อเห็นรูปดวงก็จะทำให้ทราบความเป็นไปของเจ้าชะตาได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะพิจารณารายละเอียดต่างๆ ลงไป เป็นการสร้างความประทับใจเบื้องแรกให้มีขึ้นระหว่างผู้มาขอรับการพยากรณ์ได้อย่างดี มากกว่าที่จะเห็นนักโหราศาสตร์เพ่งพินิจพิจารณาตั้งแต่ขั้นวางปูมดวง จนถึงการอ่านรูปดวงเพื่อหาความหมายในใจอันเป็นเวลานาน ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่านักพยากรณ์ ทรงภูมิ หรือ อมภูมิ หรือนิ่งโด่เป็น ศาลพระภูมิ กันแน่(ฮา)
          ท้ายที่สุดแห่งบทความนี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ราบรื่น รุ่งเรือง ร่ำรวย มีความแตกฉานในโหราศาสตร์ เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ด้วยกันถ้วนทั่วทุกท่านเถิด .

ธีรพร  เพชรกำแพง
๙ มิถุนายน ๒๕๕๖