29 มีนาคม 2557

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน ราศีภาคกลางวัน-กลางคืน

ปุจฉา : ขอเรียนสอบถามท่านอาจารย์ฮิปโป เกี่ยวกับราศีภาคกลางวันและกลางคืนต่างกันอย่างไรครับ?

...วิสัชนาประสาฮิปโป...

ราศีกลางวัน ..สิงห์ กันย์ ตุล พิจิก ธนู มังกร
ราศีกลางคืน ..กรกฎ มิถุน พฤษภ เมษ มีน กุมภ์
การแบ่งราศีเป็นภาคกลางวันกลางคืนนี้ เป็นการจำแนกแยกราศีให้มีคุณสมบัติเกี่ยวข้องกับดาว เป็นการตัดข้อสงสัยในเรื่องของดาวเคราะห์ที่เป็นเกษตรสองเรือน คือ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส และเสาร์ ซึ่งจะมีผลต่อการวิเคราะห์ดวงชะตาในระบบเรือน ถือว่าเป็นการให้น้ำหนักดาวน้ำหนักเรือนที่จะมีผลต่อดวงชะตาว่าจะเป็นไปทางไหนมากกว่ากัน
ยกตัวอย่างเช่น คนเกิดลัคนาราศีกันย์ มีดาวพฤหัสเป็นเจ้าเรือนพันธุและปัตนิ สถิตในราศีธนู(เกษตร) เรือนพันธุ เป็นราศีภาคกลางวัน  กรณีนี้จึงพิจารณาให้น้ำหนักพฤหัสในฐานของเรือนพันธุมากกว่าปัตนิ คือดาวสถิตในราศีภาคกลางวันจึงให้น้ำหนักเรือนที่เป็นราศีภาคกลางวันมากกว่ากลางคืนนั้นเอง
อาทิตย์มีน้ำหนักพยากรณ์มากในราศีภาคกลางวัน
จันทร์มีน้ำหนักพยากรณ์มากในราศีภาคกลางคืน
          ในบางแห่งว่าเฉพาะลงไปถึงการให้น้ำหนักของอาทิตย์และจันทร์ คืออาทิตย์ย่อมมีน้ำหนักในการพยากรณ์มากในราศีกลางวัน ส่วนจันทร์นั้นจะมีน้ำหนักมากในราศีกลางคืน เช่น อาทิตย์เป็นเจ้าเรือนปุตตะ สถิตราศีสิงห์(เกษตร) ซึ่งถือว่าเป็นราศีภาคกลางวัน อาทิตย์จึงมีน้ำหนักในทางพยากรณ์มากตามความหมายที่เกี่ยวข้องกับอาทิตย์ทั้งหมด กลับกันในกรณีที่อาทิตย์เป็นเจ้าเรือนปุตตะ สถิตเรือนลาภะ ราศีกุมภ์(ประ) เป็นราศีภาคกลางคืน อาทิตย์ในฐานะเจ้าเรือนปุตตะจึงมีน้ำหนักน้อยลงเพราะสถิตในราศีภาคกลางคืน คุณภาพการพยากรณ์ของอาทิตย์จึงน้อยลง(ซึ่งปกติหากอยูในราศีกลางวันจะมีน้ำหนักมาก)เป็นต้น ในการพิจารณาจันทร์ก็เช่นเดียวกันอย่างนี้ครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง(บุญวงษ์),อ.ฮิปโป
๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗


28 มีนาคม 2557

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน วาทกรรมจากคำพยากรณ์

หัวข้อปุจฉา  :  เรียนถามอ.ฮิปโป อยากทราบว่าดวงเมียน้อยคืออะไรคะ

...วิสัชนาประสาฮิปโป...
เรื่อง "วาทกรรม" ทางการพยากรณ์สมัยนี้ทำให้ฉันปวดหัวอยูไม่น้อย อย่าง ดวงเมียน้อย ดวงแตก ดวงช้ำ ดวงรั่ว ดวงกินผัวกินเมีย ดวงแข็งดวงอ่อน ฯลฯ
ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าวาทกรรมทั้งหลายเหล่านี้คงจะเป็นการเอื้อนเอ่ยอภิเปรยวาจาของนักพยากรณ์ที่สรรคำมาใช้มากกว่า หาได้เป็นมาตรฐานของดวงชะตาแต่อย่างใดไม่ ผู้ศึกษาใหม่มักชอบถามเหลือเกินว่า ดวงที่ยกตัวอย่างมานี้เป็นอย่างไร มีปัจจัยพยากรณ์ใดเป็นตัวบ่งบอก แล้วอย่างนั้นใช่ไหมอย่างนี้ใช่ไหม
ไม่ว่าจะเป็นดวงตามวาทกรรม หรือแม้กระทั่งดวงลักษณะพิเศษใด ก็ไม่พ้นความ "ธรรมดา" แห่งโหราศาสตร์ไปได้ หากจะมีมาตรฐานก็ถือว่ามาตรฐานเดียวกัน ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่ากันทั้งสิ้น เพราะเหตุที่ว่าทุกดวงชะตานั้นมีความ "สมดุล" อยู่ในตัวนั้นเอง ทั้งเหตุและผลย่อมมีความ "สมส่วน" กัน ดังเราจะเห็นถึงการเสริมคุณทอนโทษจากปัจจัยพยากรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ย่อมผ่านไปได้เพราะดวงชะตามีการ "รักษาสมดุล" นั้นเอง
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่เห็นวาทกรรมทางการพยากรณ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมากจนเกินไป นอกจากจะเป็นจุดที่ทำให้หยุดฉุกคิดในการพิจารณาดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์อย่างรอบคอบต่อไป

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)
๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗


วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน ความสำคัญเชิงดาวเชิงเรือน

หัวข้อปุจฉา  :  ขอรบกวนถามผู้รู้ค่ะ บางท่านว่า อ.โหรเก่าๆมักให้ความสำคัญที่ดาว มากกว่าเรือนจริงไหมคะ ถามท่านฮิปโปนี่แหละ ใจดี อิอิ
...วิสัชนาประสาฮิปโป...
จะตอบว่าโหรรุ่นเก่าท่านให้ความสำคัญอย่างไหนมากกว่ากันนั้น ก็ไม่ทราบจะตอบอย่างไร เพราะเกิดไม่ทันครับ(ฮา)
หากกล่าวถึงการเกิดขึ้นของระบบทางโหราศาสตร์ไทยเรานั้น ระบบที่เกี่ยวกับดาวถือว่าเกิดก่อนระบบเรือนชะตา ดังจะมีบทวิเคราะห์ที่เราเห็นบ่อยๆอย่างโคลงพินทุบาทว์ที่มีความเด่นชัดในเรื่องของการใช้ตำแหน่งเชิงดาวอย่างมาก(มุมดาว) และบางท่านกล่าวถึงการกำเนิดขึ้นของระบบเรือนชะตาว่าต้องอาศัยลัคนา ซึ่งในอดีตการคำนวณหาลัคนาดูจะเป็นการลำบาก เลยทำให้ระบบดาวได้รับความสนใจมากกว่าระบบเรือนชะตากระมัง?
สำหรับผมแล้ว จริงอยู่ว่าเรื่องลัคนานั้นเป็นที่ถกเถียงกันมานักว่ามีอยู่จริงหรือไม่ อะไรผิดอะไรถูก ลัคนาคืออะไร ลัคนาคำนวณให้ความถูกต้องจริงหรือ? เพราะในโหราศาสตร์ไทย "ดาวไม่ใช่จุด" แม้จะใช้จุดเป็นตัวชี้วัดก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแม้ไม่รู้จุดจบของข้อทุ่มเถียงนั้นเราก็ยังมีลัคนาให้ใช้เป็นจุดพยากรณ์มาจนถึงทุกวันนี้ ระบบเรือนชะตาเองก็เช่นกันก็น่าจะมีอยู่พร้อมระบบดาว คือมีการใช้การพัฒนาศึกษาและยอมรับถัดต่อกันมา
ถ้าระบบดาวและเรือนชะตานั้นมีอยู่และสืบทอดมาถึงปัจจุบัน เชื่อมั่นเหลือเกินว่าครูอาจารย์โหรเก่าๆท่านย่อมให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างนี้อย่างดีเป็นแน่ เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นเรื่องของระบบฯที่พัฒนาขึ้นต่อจากขั้นพื้นฐานฯทางโหราศาสตร์ไทยครับ
ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗


วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน อ่านความหมาย ๗ ๘ (ผู้เริ่มศึกษา)

หัวข้อปุจฉา  :  ราหูกับเสาร์ ภพปุตตะ ตีความว่ายังไงค่ะ
ราหู(มหาจักร) ราศีมังกร ภพปุตตะ ร่วมกับ เสาร์(เกษตร) ในตำแหน่งเดียวกัน อ่านความหมายว่ายังไงคะ รบกวนผู้รูช่วยแนะแนวทางด้วยค่ะ เพิ่งเริ่มศึกษาค่ะ

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...


๗ และ ๘ ถือว่าเป็นคู่มิตรใหญ่ ให้ความเกื้อหนุนส่งเสริมกันในด้านของการประยุกต์สิ่งที่มีอยู่เดิมให้เป็นสิ่งใหม่ หรือการพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิมนั้นเอง

เสาร์(๗) คือ ประธานบาปเคราะห์ หน้าที่ สิ่งที่ต้องกระทำ แผนการ ข้อจำกัด ทุกข์โทษภัย อุปสรรค ระยะยาว โครงสร้าง ผลเนิ่นแต่แน่นอน น่าเกรงขาม ความกลัว ละเอียดรอบคอบ
เสาร์สถิตราศีมกร การใช้ความคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เคร่งขรึม วางหลักการก่อนลงมือปฏิบัติ เล็งหลักเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน มุ่งกระทำตามลำดับขั้นด้วยความอดทน (การกระทำที่ต้องควบคุมได้)
ราหู(๘) หมายถึง เล่ห์เหลียม ไหวพริบ ความมัวเมาลุ่มหลง อบายมุข นักเลงการพนัน การหลอกลวง การพลิกแพลง ของผิดกฎหมาย แหล่งมั่วสุม สถานอบายมุข สถานบันเทิงเริงรมย์
ราหูสถิตราศีมกร มีธรรมชาติเป็นคนมีความสามารถรอบด้าน มีความสามารถเฉพาะทางหรือความสามารถพิเศษ เข้มแข็ง มีความเฉลียวฉลาด สามารถชักจูงและโน้มน้าวให้ผู้อื่นเชื่อถือได้ เหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เก่ง มีความคล่องตัวสูงในทุกสภาวะ

๗ เป็นเกษตรในราศีมกร เน้นเรื่องความมั่นคงของโครงสร้าง หลักฐาน แบบแผนที่รอบคอบรัดกุม
๘ เป็นมหาจักรในราศีมกร เน้นเรื่องความเปลี่ยนแปลง ประยุกต์ โลดโผน ฉับพลัน เฉพาะหน้า ขึ้นๆลงๆ

เรือนปุตตะ หมายถึง คนรักใคร่ บุตร  สิ่งที่เกิดจากความหลง ความเสน่หา ความรัก ความสนุกสนาน ความสุข ความยินดี ความต้องการ การลงทุน ความจำเป็น สิ่งที่สนใจ ความสัมพันธ์
ราศีมกรเป็นเรือนปุตตะ หมายถึง ความต้องการสรรสร้างอย่างเป็นระบบ โครงสร้างที่จับต้องได้ มุ่งมั่นรอบคอบชัดเจนเห็นผลจริง
เรือนอริ หมายถึง โรคภัย  ความไม่ปลอดภัย  อุบัติเหตุ สุขภาพ ความเดือดร้อนทางกายหรือทางใจ อุปสรรค ความไม่ราบรื่น การงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ ความขัดแย้ง เหตุผลในทางออกของปัญหา ความมานะเพียรสติปัญญาในเชิงแก้ไขวิกฤต
ราศีมกรเป็นเรือนอริ หมายถึง การจัดระดับโครงสร้างและความสำคัญของปัญหา แล้วแก้ไขไปอย่างตรงจุดตรงประเด็น

ลองอ่านความหมายเชิงรูปธรรมว่า เจ้าชะตามีความสามารถทักษะพิเศษทางด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้มีความมั่นคง แม้จะมีอุปสรรคแต่ก็สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผ่านไปได้ การงานมักมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นๆลงๆอย่างโลดโผน คือเมื่อทำกิจใดมีความมั่นคงดีแล้ว มักต้องโยกย้ายหรือเปลี่ยนแปลงไปทำกิจอื่น หรืออาจมีมากกว่า ๑ อาชีพ(หลักและเสริม) การลงทุนกระทำกิจในระยะยาวที่ได้รับความสนับสนุนส่งเสริม แต่ด้วยลักษณะเนื้องานที่มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จึงทำให้ต้องเหนื่อยกับการตามแก้ไข หากแก้ไขปัญหาผ่านพ้นไปได้จะทำให้ชีวิตมีความพัฒนาก้าวหน้าตามลำดับเป็นขั้นเป็นตอน(อุปสรรคเพื่อความพัฒนาของชีวิต)

หมายเหตุ : อาจพิจารณาความหมายในความแตกต่างจากนี้ไปได้ และยังต้องพิจารณาปัจจัยพยากรณ์อื่นร่วมด้วย

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๗

22 มีนาคม 2557

บ่นความโหราศาสตร์ ตอน โหราศาสตร์ไทย..วิวัฒนาการแห่งความเป็นชีวิต

โหราศาสตร์ไทย..วิวัฒนาการแห่งความเป็นชีวิต
การศึกษาโหราศาสตร์นั้นเป็นกระบวนการเรียนรู้วิวัฒนาการของชีวิต ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น คล้ายกับกฎไตรลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป โดยวิวัฒนาการที่ว่านี้สามารถสังเกตได้จากดาวในดวงชะตา หากจะเปรียบกับชีวิตเราจะเห็นว่า ๑ คือการเริ่มต้นความเป็นชีวิต ๒ คือการหล่อเลี้ยงประคองความเป็นชีวิตนั้น ๔ คือการรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ ๖ คือการตัดสินคุณค่าของที่สิ่งที่รับรู้ ๓ คือการการกระทำ เคลื่อนไหว เคลื่อนย้าย ๕ คือการเจริญขึ้นของชีวิต ๗ คือความเสื่อมที่มาถึง
เมื่อเห็นภาพชัดอย่างนี้เราจึงทราบว่าทุกขณะมีวิวัฒนาการที่เคลื่อนไปอยู่ตลอดในบริบทของความเป็นชีวิต ดาวยังทำหน้าที่สื่อความหมายในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเป็นชีวิตนั้นด้วย อย่าง ๑ ที่ว่าเป็นการเริ่มต้นของชีวิต ก็จะมีความหมายถึง พ่อ(ผู้เริ่มต้น, เหตุแห่งการเกิดเป็นชีวิต) สามี(การเริ่มต้นชีวิตคู่)  ส่วน ๒ หล่อเลี้ยง ประคอง รักษา ก็จะให้ความหมายถึงแม่(รับเหตุจากพ่อมาหล่อเลี้ยงในตน) ภรรยา(ประคับประคองชีวิตคู่) อย่างนี้เป็นต้น
วิวัฒนาการแห่งชีวิตนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่หยุดนิ่ง ซึ่งก็เกิดจากการหมุนวนของดวงดาวทั้งหมดนั่นเอง จึงทำให้เกิดหลักวิชาในการพิจารณาความเคลื่อนไปแห่งชีวิต เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่อง "วัย" ไม่ว่าจะเป็นทักษาเสวยอายุ ภูมิทักษา เทวดาเสวยอายุ ตรีวัย อายุจร ชะตาจร ชันษาจร ฯ เหล่านี้ล้วนอยู่ในหลักคิดของความเคลื่อนไปหรือวิวัฒนาการของชีวิตทั้งสิ้น
การศึกษาจุดเบื้องต้นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมให้ผลในความเข้าใจบริบทของโหราศาสตร์ไทยมากขึ้น ว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องนั้นคืออะไรและมีเหตุผลที่มาที่ไปอย่างไร(อะไรเป็นอะไรในโหราศาสตร์ไทย) ยิ่งทำหลักคิดให้แตกฉานจะยิ่งมีความเข้าใจมากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ศึกษาจะกระทำได้ หลังจากที่เรียนรู้เบื้องต้นของวิชาโหราศาสตร์ไทยมาแล้ว

ธีรพร  บุญวงษ์(เพชรกำแพง)
๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗ – ๑๕.๓๐ น.


14 มีนาคม 2557

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน แบบไหนแม่นกว่ากัน

หัวข้อปุจฉา  เหตุใดดวงโหราศาสตร์ไทยกับยูเรเนียนแม่นกว่าศาสตร์อื่น
จากคุณ mean ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ - ๑๙.๒๒ น.
คือดูดวงมาหลายแบบล่ะคะ ทั้งถูกมาก จนแบบหลักหลายหมื่น แต่ติดใจที่ว่าเหตุใดดวงไทยที่เป็นจักรราศีดูนิสัยเราไม่แม่นเลย ทุกอย่างที่ดูก็ไม่เคยแม่นด้วย ทั้งที่เวลาเกิดเราก็มีแบบตรงๆ ไม่คลาดเคลื่อนเลย กลายเป็นว่าเลขเจ็ดตัวพอทายนิสัยเราตรงบ้างสัก ๓๐% แต่เหตุใดยูเรเนียนทายตรงหมด อยากรบกวนผู้รู้แสดงความคิดเห็นด้วยค่ะ

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...

การดูดวงนั้นมีอยู่สองส่วน คือ ศาสตร์และศิลป์
ศาสตร์จะว่ากันด้วยหลักวิชาที่ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทย สากล พาราณสี-ภารตะ-ฮินดู ยูเรเนียน เลข ๗ ตัว ฯลฯ
ส่วนศิลป์นั้นคือการถ่ายทอดคำพยากรณ์ของแต่ละท่านให้เราเข้าใจ
ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใด จะหาความแม่นยำไปเสียทั้งหมดไม่ได้ ขึ้นกับอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจต่อคำพยากรณ์ ที่อาจจะเป็นศิลป์ที่ถ่ายทอดศาสตร์ได้ไม่ตรงกับดวงชะตาของเรานัก ปัญหาตรงนี้อยู่ที่นักพยากรณ์ที่เราไปประสบพบเจอเข้า บางทีท่านที่ใช้ความรู้ธรรมดาๆ แต่มีศิลปะการดูดวง(หลักวิชา+ประสบการณ์)ก็สามารถทำนายทายทักได้แม่นยำ (หมอเส็ง วัดเลียบ ท่านไม่เคยมีวิชาหรืออาจารย์เลย แต่อาศัยเรียนจากตำราเล่มละไม่กี่บาทธรรมดาๆ คนก็ขึ้นท่านมาก)
หากประสงค์พิสูจน์ความรู้ข้อเท็จจริงทางด้านนี้ ขอเชิญมาร่วมศึกษาหาความรู้ในโหราศาสตร์ด้วยกัน ในศาสตร์ที่ท่านสนใจ แล้วเริ่มต้นพิสูจน์จากดวงตัวเอง แล้วพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ทราบถึงปัจจัยต่างๆที่ทำให้คำพยากรณ์ออกมาแม่นหรือไม่แม่น มาเป็นส่วนหนึ่งของคนโหราศาสตร์นะครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)

๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ - ๑๙.๒๒ น.

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน กังวลใจ..มฤตยูเล็งมฤตยู..ในดวงชะตา

หัวข้อปุจฉา  มฤตยูเล็งมฤตยู จะเกิดอะไรขึ้นบ้างคะ หากมฤตยูจรมาอยู่ภพกัมมะ ราศีเมษร่วมกับดาวเกตุเดิม และมาเล็งมฤตยูเดิมกับราหูเดิมภพพันธุราศีตุล
จากคุณ Ben ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ - ๑๘.๓๗ น.

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...

การต้องใช้เทคนิควิธีการ,ความรู้ความสามารถ,ทักษะเฉพาะตัวที่แผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับฐานะครอบครัว มฤตยูนี้ครองราศีหนึ่งเรียกว่านานถึง ๗ ปี และมีอิทธิพลกดทับในเรื่องที่ไปสถิตอยู่ อย่างกรณีการงานอาจจะฉลีกเรี่ยเสียหายผิดพลาดหรือไม่ก็ถึงกับปรับปรุง-ปรับเปลี่ยน-โยกย้ายแวดวงสายงานไปเลยก็ได้ แล้วทำมุมเล็งกับมฤตยูเดิมในเรือนพันธุ นี่ความมั่นคงของชีวิตมักเสียหาย ครอบครัวยุ่งยากมักมีแต่เรื่องปัญหาอุปสรรคให้หนักใจ หรือแม้แต่การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เคารพ หรือผู้มีพระคุณ ก็เป็นได้
แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าการจับดาวมาวิเคราะห์แค่ part เดียวหรือบางส่วนจากดวงชะตา ก็จะได้แนววิเคราะห์แค่พอสังเขป จะไปสรุปประเด็นเรื่องทั้งหมดไม่ได้ เพราะปัจจัยการพยากรณ์นั้นมีความเกี่ยวข้องโยงใยกันทั้งกระดาน เราจึงต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทั้งหมด แล้วสรุปออกมาทั้งในส่วนดีและส่วนร้ายครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ - ๑๘.๓๗ น.

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน ดวงเสียชื่อเสียงดูอย่างไร

หัวข้อปุจฉา  โหรทำนายว่ามีเกณฑ์จะเสียชื่อเสียง เขาดูจากอะไรคะ
จากคุณ สอบถามค่ะ ๑๖ Feb ๒๐๑๔ - ๑๕.๑๗ น.

เขาทำนายว่ามีเกณฑ์จะเสียชื่อเสียงช่วงต้นปีนี้ หมายความว่าจะถูกดิสเครดิต ถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
อยากทราบว่ามีหลักเกณฑ์ทำนายแบบนี้อย่างไรคะ เขาดูจากภพอะไร ดาวอะไร เกี่ยวกับทักษาไหมคะ
อยากขอความรู้เป็นวิทยาทานหน่อยค่ะ

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...

เป็นคำถามเดียวที่คำตอบอาจจะกว้างมากนะครับ ในการดูว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงนั้นดูได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเอาอะไรมาดู ในตำราท่านบอกว่า "ทายเกียรติยศชื่อเสียงทายอาทิตย์" นี่ก็ส่วนหนึ่ง ดาวศุกร์เสียในดวงก็เสื่อมเสียชื่อเสียงได้(อย่างเหล่าดาราทั้งหลาย) ตนุลัคน์เสีย,เจ้าการปุตตะเสียคึกคะนองทำให้เสื่อมเสียได้(เรื่องผิดพลาดเพราะความประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์),เจ้าการอริเสียส่งผลร้ายต่อดวงชะตา ศัตรูพาให้เสียได้,เจ้าการปัตนิเสียก็มีเรื่องเสื่อมเสียอื้อฉาวเรื่องคู่ครองได้(หรือฝ่ายตรงข้ามทำให้เสื่อมเสีย),เจ้าการศุภะเสีย เรื่องดีงามต่างๆกลายเป็นเสียได้,ฯลฯ ดาวเดชในทักษาเสีย เรื่องชื่อเสียงเกียรติยศก็เสื่อมเสียได้ และอีก ฯลฯ เอ้อ..ชักเยอะ แต่ก็ไม่เลอะเทอะสักเท่าไร นี่ยังไม่นับเงื่อนไขดวงจรร่วมด้วย

สรุปคือการดูในเรื่องหนึ่งๆนั้นสามารถดูได้จากหลายปัจจัยในการพยากรณ์ เพียงแต่ว่าจะหยิบเอาส่วนไหนขึ้นมาอ่าน ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเขาเอาตรงไหนมาพยากรณ์ เพราะอย่างที่บอกว่าจุดพยากรณ์หลากหลายเหลือเกิน แต่หากเป็นอย่างทั่วๆไปอาจจะดูดาวที่สัมพันธ์ร้ายกับดวงชะตา(ลัคนา ตนุลัคน์ ตนุเศษ อาทิตย์ จันทร์)ก็ได้ครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)

๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ - ๑๕.๑๗ น.

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน ดาวเด่น,ดาวสวย..ในดวงชะตา

หัวข้อปุจฉา  ถามเรื่องทักษา และ ดาวประจำตัวเด่น
จากคุณ Anne   ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ - ๐๗.๒๒ น.

ขอความกรุณาด้วยค่ะ
๑ หากคนอายุ ๕๘ บวกกัน ได้ ๑๓ นอกจากการนับวนตั้งแต่ปีเกิดแรกแล้ว มีวิธีนับแบบทางลัดไหมคะ สำหรับคนอายุที่บวกกัน ไม่ได้เลขเกิน ๘
๒ นักพยากรณ์มักพูดว่า ดาวศุกร์ สวยมากมาย ดาวนี่นั่นสวยมาก มีอุจด้วย ... ข้อนี้แยกเป็นสองประเด็น
   ๒.๑  ดาวต่างๆ ไปอยู่ตรงไหนจึงนับว่าเป็นดาวสวย
   ๒.๒  อย่างไรจึงเป็นอุจเป็นมหาจักรคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...

คุณ Anne  คงต้องศึกษาความรู้ทางโหราศาสตร์ให้แน่นกว่านี้สักหน่อย ก็คงจะเข้าใจเรื่องที่ถามมาได้ไม่ยากเลยครับ

.เรื่องทักษามีการนับหลายอย่างตามแต่มติหลักวิชาใด สำนักใด หรือนักโหราศาสตร์ท่านใด..จะเลือกใช้อย่างใด
ในกรณีที่คุณ Anne กล่าว ถึงคือการนับแบบเศษ ๙ คือนำตัวเลขมาบวกกันจนเป็นเลขหลักเดียว ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับนำเอาเลขอายุ ไปหารด้วย ๙ ตัวอย่างที่ยกมาคือ ๕๘ [+=๑๓]..๑๓ ยังเป็นเลขสองหลักอยู่ ก็บวกกันให้ได้หลักเดียว คือ ๑๓..+= ๔ สรุปว่าลัพธ์ที่ได้จากการคิดแบบเศษ ๙ ของอายุ ๕๘ คือ ๔ ทีนี้ก็นับจากภูมิวันที่เราเกิดไป หากนับแบบทักษาสยามพอถึงภูมิอาทิตย์ ก็วกเข้าตากลางเสียทีหนึ่งก่อนแล้วค่อยนับขึ้นไปหาภูมิจันทร์

.เป็นเรื่องของมาตรฐานดาว เมื่อดาวสถิตราศีหนึ่งราศีใดตามมาตรฐานกำหนด จะมีสถานภาพ(คุณภาพ)เป็น เกษตร ประ อุจ นิจ มหาจักร ราชาโชค ฯลฯ

เกษตร ทายความมั่นคงในหลักทรัพย์ วิชาการอาชีพ
ประ ทายความผันแปร ผิดหวัง ไม่สมหวัง อุปสรรค ข้อขัดข้อง
อุจ ทายความแข็งแกร่งในผลงาน หน้าที่การงาน
นิจ ทายความต่ำต้อย อับเฉา เสื่อมผล เศร้าโศก
มหาจักร   ทายความสง่าโอ่อ่า แคล่วคล่องว่องไว มีเสน่ห์
ราชาโชค  ทายมีวาสนา ผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือ โอกาสดี
หากกล่าวถึง "ดาวเด่น" นักโหราศาสตร์ ส่วนใหญ่ก็จะว่ากันถึงดาวที่ได้มาตรฐาน เกษตร อุจ มหาจักร และราชาโชคเป็นสำคัญ และสรรเสริญว่าดาวที่ได้มาตรฐานเหล่านี้เป็นดาวที่ให้คุณต่อดวงชะตา ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อศีกษาให้สูงและลึกขึ้น จะทำให้ทราบว่า "ดาวสวย" ไม่จำเป็นต้องได้มาตรฐานตามที่กล่าวมา แต่มี "โครงสร้างดาว" ที่ดีในดวงชะตา ก็ถือว่าเป็นดาวสวยได้เช่นกัน หรือแม้แต่ดาวที่ไม่มีมาตรฐานใดเลย แต่มีโครงสร้างที่ดีอย่างที่กล่าว กลับเป็น "ดาวเด่น" มีอิทธิพลต่อดวงชะตามาก อย่างนี้ก็มีไม่น้อย

หากคุณ Anne ศึกษามากขึ้นก็จะเข้าใจในพื้นฐานโหราศาสตร์ไทยเหล่านี้ได้ไม่ยากครับ

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)

๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ - ๐๗.๒๒ น.

13 มีนาคม 2557

วิสัชนา..ประสาฮิปโป ตอน อริ>กดุมภะ ทำไมถึงดี?

ปุจฉา จากคุณชนานาถ

...ทำไมบางตำราบอกว่าดาวอริไปอยู่กดุมภะจะมีทรัพย์คะ ?
ดาวเกษตร  ภพ  กดุมภะ   ไปอยู่  ภพมรณะ        ฉิบหายเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง
ดาวเกษตร  ภพ  มรณะ    ไปอยู่  ภพกดุมภะ     ได้รับมรดกจากคนตาย
ดาวเกษตร  ภพ  กดุมภะ  ไปอยู่  วินาศ              ฉิบหายเพาะคนใกล้ชิดทำลาย
ดาวเกษตร  ภพ  อริ         ไปยู่   กดุมภะ            ดี มีทรัพย์
...อ่านมาอย่างนี้จริงหรือคะ ? (สงสัยเพราะเราแอบมี อริ อยู่กดุมภะค่ะ) ขอบคุณค่ะ

...วิสัชนา..ประสาฮิปโป...

..เรื่องการยึดตำราเป็นที่หมายของการพยากรณ์นั้นขอให้ยกไว้ก่อน รวมถึงการเข้าใจว่าดาวหรือเรือนใดเสียหรือร้ายนั้นก็ต้องยกไว้ก่อนด้วยเช่นกัน
..สิ่งที่คุณ ชนานาถ ต้องทำความเข้าใจคือ ไม่ว่าดาวหรือเรือน..ย่อมมีส่วนดีส่วนร้ายทุกดาวทุกเรือนไป
..คนที่ดาวอริไปอยู่กดุมภะ บางคนไม่เหน็ดไม่เหนื่อยนี่เขานอนไม่หลับ เพราะเหน็ดเหนื่อยทีไรเขาได้เงินทุกครั้ง บางคนไม่มีปัญหาอุปสรรคนี่เขาอยู่ไม่ได้เพราะมีหน้าที่แก้ไขปัญหาอุปสรรค เช่น ช่างซ่อมต่างๆ ที่ปรึกษาทางกฎหมายหรืออื่นๆ บางคนถ้ามีศัตรูทีไรได้เงินทุกที เช่น นักมวยถ้าไม่ได้ชกคู่ต่อสู้เห็นทีจะแย่ นักแข่งรถประลองความเร็วกับคู่แข่งเป็นต้น
..ส่วนบางคนดาวกดุมภะเป็นเกษตร ร่ำรวยหนี้สินก็มีมาก เงินเข้าทีละมากๆตลอดแต่ไม่เคยได้ใช้เพราะเป็นพนักงานเก็บเงิน เป็นคนมั่งมีทางหลักทรัพย์แต่ตระหนี่เสียจนคนไม่คบ มีเงินทองที่ทางบ้านช่องทรัพย์สินมากมายเพราะโกงเขามา บ้างก็รวยเสียจนทำอะไรไม่ได้เพราะเจ็บป่วยนอนพังพาบไปไหนไม่ไหวแล้ว บ้างก็รวยจนคนใกล้ตัวฆ่าตายเอาสมบัติเอาเงินประกัน เช่นนี้ก็มี
..อย่างนี้เห็นทีว่าจะไปโทษดาวโทษเรือนคงจะไม่ได้ คงจะมีเงื่อนไขปัจจัยในการพิจารณามากกว่านั้น
..กรณีคุณ ชนานาถ ในดวงชะตามีดาวเจ้าการอริสถิตในเรือนกดุมภะ แล้วในตำราที่คุณยกมาบอกว่าดี "ดาวเกษตรภพอริไปอยู่กดุมภะ..ดี มีทรัพย์" ก็อาจจะกล่าวได้ว่า คนที่รู้จักแก้ไขปัญหาอุปสรรคหรือความยุ่งยากทำให้เกิดทรัพย์สินเงินทอง(เพราะตำราบอกว่าดีมีทรัพย์) คือ "อริ>กดุมภะ" นี่แน่นอนหนีคำว่า "ปัญหา อุปสรรค ความยุ่งยาก ศัตรู" ไปไม่พ้นเป็นแท้ อยู่ที่ว่า "เงื่อนไข" ดวงชะตานั้นบ่งบอกหรือไม่ว่าเจ้าชะตาเผชิญกับ "อริ>กดุมภะ" นั้นอย่างไร การจะรู้ถึงตรงนี้ได้เราจะต้องพิจารณาจาก "โครงสร้างดวงชะตา" ทั้งหมดนั่นเอง
..สรุปว่าเราต้องศึกษาพื้นฐานทางโหราศาสตร์ไทยให้มีความเข้าใจในลำดับแรกก่อน จึงจะทราบว่าเหตุที่ท่านครูอาจารย์จำกัดคำพยากรณ์ไว้เป็นฝอยในการทำนายสั้นๆแค่นั้นเพราะอะไร ท่านเอาหลักตรงไหนมาจับเป็นคำพยากรณ์ เมื่อเข้าใจทั้งหมดแล้วก็จะไม่ยากที่จะกลั่นกรองเป็นคำพยากรณ์ออกมาในลักษณะที่ตรงกับความเป็นจริงของชีวิตมากที่สุด ไม่ใช่ชนิดกำปั้นทุบดินหรือดีสุดขั้วชั่วสุดขีด อย่างนี้ไม่ใช่หนทางหรือกระบวนวิธีทางโหราศาสตร์ไทยครับ

(อีกอย่างการดูเฉพาะบางส่วน(part)ของดวงชะตาอาจจะยังไม่เพียงพอ ผมกล่าวเสมอว่าดูดวงต้องดูทั้งกระดาน เพราะปัจจัยพยากรณ์ต่างๆมีความเกี่ยวข้องโยงใยกันทั้งหมด เพียงแต่เราต้องการรู้เรื่องใดจึงจะหยิบส่วนนั้น(part)ออกมาพยากรณ์ เพราะรู้เห็นความเป็นไปหมดทั้งดวงแล้ว)

ธีรพร  เพชรกำแพง(ฮิปโป)

๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗_๒๑.๒๘ น.