การอ่านดาวลอยในเรือนชะตา
๒
การพิจารณาดาวลอยในเรือนชะตาแบบเรือนสัมพันธ์นั้น
จำเป็นที่จะต้องสืบสาวเรื่องราวเอาความจากดาวที่มาลอยสถิตและดาวที่เกี่ยวข้องจนสิ้นกระแสความ
เพื่อให้ได้ภาพความหมายที่เกี่ยวข้องกับเป็นเรื่องราวในการพยากรณ์นั้นอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
จะทำให้เห็นความเป็นไปของชีวิตเจ้าชะตาได้ว่ามีทิศทางอย่างไร ความดีร้าย สุขทุกข์
โชคเคราะห์ โอกาสอุปสรรค
ย่อมมาจากการที่เราเห็นภาพความหมายของดวงชะตาอย่างรอบด้านชัดเจนนี้เอง
ดาวเจ้าเรือนล้วนมีหน้าที่ตามภพเรือนของตน
และทำหน้าที่นั้นอย่างเคร่งครัดตรงไปตรงมา
จึงทำให้เราสามารถอ่านความเป็นไปของดวงชะตาได้ในฐานะที่ “ดาว” สวมบทบาทเป็น “เจ้าเรือน”
อย่างหนึ่ง และดาวเองย่อมมีนัยยะความหมายตามความเป็นดาวในฐานะที่สถิต “ราศี”
ความปกติเป็นไปของดาวย่อมขึ้นอยู่ในเรือน “ธาตุ” ที่ตนเองนั้นเข้าไปอาศัย
และดาวนั้นยังมี “อาการร่วม” เมื่อสถิตอยู่กับดาวอื่นหรือดาวใดมีความสัมพันธ์มาถึง
ซึ่งในครั้งนี้เราจะมาว่ากันถึงการพิจารณาดาวลอยด้วยระบบเรือนสัมพันธ์ชนิดสิ้นกระแสความกันเลยทีเดียว
เราจะมาพิจารณาดาว ๕
ที่เป็นดาวลอยมาสถิตในเรือนกดุมภะแห่งลัคนา ซึ่งความหมายของเรือนกดุมภะ คือ ทรัพย์สิน
เงินทอง รายได้ การแสวงหา สั่งสมสะสม การจัดการทางการเงิน โดยมีราศีกุมภ์เป็นเรือนกดุมภะมีความหมายว่า
มีความเชี่ยวชาญในการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านเงิน แต่มักใจใหญ่ทั้งการลงทุนและจับจ่ายใช้สอย
ติดตามพิจารณาความหมายในทางดาว ๕ ที่สถิตราศีกุมภ์ ความว่า ความสำเร็จราบรื่นอันมาจากการพลิกแพลงปรับประยุกต์ด้วยสติปัญญา
และความหมายดาว ๕ สถิตเรือนกดุมภะ คือ ความคล่องตัวลงตัวในการจับจ่ายใช้สอยอย่างพอดิบพอดีตามเหตุตามผลที่เป็นไป
เป็นความหมายในภาพรวมที่ทำให้เรามองเห็นความเป็นไปอย่างกว้างๆ
ก่อนที่จะเข้าสู่การพิจารณาอย่างเป็นลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้
ก.๕ เป็นเกษตรราศีมีน เจ้าเรือนสหัสชะ
ความหมายของสหัสชะคือ เพื่อน มิตรสหาย การคบหาสมาคม สิ่งแวดล้อม
และเป็นเกษตรราศีธนู เจ้าเรือนวินาส ความหมายของเรือนวินาสคือ ปกปิด ความลับ
ไม่คาดคิด อุบายเล่ห์เหลี่ยม ปัญหาเฉพาะหน้า และเมื่อ ๕ มาสถิตเรือนกดุมภะ
ย่อมนำเอาภาพความหมายของสหัสชะและวินาสมาสร้างเหตุแปลงผลในเรือนกดุมภะเป็นความหมายว่า
เพื่อน,มิตร,สังคมของเจ้าชะตา(สหัสชะ) ก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด(วินาส)
ทางด้านการเงินแก่เจ้าชะตา(กดุมภะ)
ความหมายตรงนี้ยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเป็นส่วนได้เสียดีร้ายอย่างไร ต้องพิจารณาสืบต้นค้นปลายต่อไปอีก
ข.พิจารณา ๘ คือเจ้าเรือนกดุมภะที่ดาว ๕
สถิต ไปสถิตเรือนสหัสชะ อันเป็นเรือนเกษตรของ ๕ เป็นการสลับเรือนเกษตร
หมายถึงการยักย้ายถ่ายเท การหมุนเวียนเงิน บริหารเปลี่ยนผ่านเพื่อหาผลประโยชน์จากเงิน
ค.ดาว ๕ เป็นดาวธาตุดิน
สถิตราศีกุมภ์อันเป็นราศีธาตุลม ถือว่าธาตุระหว่างดาวไม่ขัดแย้งและไม่ส่งเสริมกัน
ง.ดาว ๕ มีความสัมพันธ์กับดาว ๘
เจ้าเรือนที่ดาว ๕ สถิตในฐานะเป็น “คู่ศัตรู”
มีความขัดแย้งปรวนแปรรบกวนกับเจ้าเรือน ความว่า ๕ คือ สังคม
เพื่อนมิตรสหาย(สหัสชะ) และปัญหาที่ไม่คาดคิด(วินาส)
เป็นความขัดแย้งที่ไม่สงบราบรื่น(๕ ๘ คู่ศัตรู)
จ.ดาวที่มีความสัมพันธ์ถึงโดยลักษณะการอิงอาศัยเรือนมาถึงกันนั้นไม่มีในที่นี้
จะมีก็แต่ดาว ๗ ที่เล็งดาว ๕ ในที่นี้ดาว ๗ เป็นตนุลัคน์ อันถือว่าเป็นจุดตั้งรับในดวงชะตาหรือที่เรียกว่าจุดเจ้าชะตา
ซึ่งตนุลัคน์นำมาอ่านความเป็นไปของชีวิตอย่างเดียวกับลัคนา จึงสอบดาว ๕ เข้าหา ๗
ตนุลัคน์ด้วยอีกทางเพื่อให้ได้ภาพความหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยที่ดาว ๕
สถิตเป็นปัตนิแก่ ๗ ตนุลัคน์ ปัตนิหมายถึงคู่ครอง,ความเสน่หาในเพศ และดาว ๘
เจ้าเรือนที่ดาว ๕ ไปสถิตนั้นออยู่ราศีมีนเป็นมรณะแก่ ๗ ตนุลัคน์
มรณะนั้นบอกถึงความเสียหาย สูญเสีย สิ้นเปลือง หมดไป
เมื่อพิจารณาจากองค์รวมดังกล่าวแล้ว
ทำให้ได้ภาพความหมายว่า การยักย้ายถ่ายเทหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านเงิน เป็นเงินของคู่ครอง
ทำให้เกิดความสูญเสีย,เสียหาย หรือเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาทางด้านเงินทองอันเกี่ยวแก่เพื่อน,สังคมที่เสียหายนั้น
ขยายด้วยความสัมพันธ์ที่มีต่อ ๗ ตนุลัคน์ได้ความหมายย้ำถึงเพื่อน สังคม เพศตรงข้าม
สรุปความหมายว่า “เป็นความเสียหายหรือเกิดปัญหาทางด้านการเงินเพราะเพศตรงข้าม” นั้นเอง
ติดตามถึงตรงนี้แล้ว
ท่านอาจจะมองเห็นว่ายุ่งยากซับซ้อน ความจริงแล้วอาจจะดูเหมือนว่าอึดอัดอย่างนั้นอยู่ในที
ในเบื้องแรกขอให้ท่านพยายามอ่านทำความเข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไป
พิจารณาเป็นลำดับขั้นตอนไปอย่าผลีผลาม
และคอยใช้สายตามองดาวในรูปดวงให้เห็นจริงสอดคล้องกับข้อเขียนที่ได้อ่านประกอบกัน
ท่านจะเกิดความเข้าใจชัดแจ้งเป็นวรรคเป็นตอนไป เมื่อถึงกระนี้ท่านจะเกิดความกระจ่างคล่องตัว
คลายความอึดอัดที่บังเกิดขึ้นในตอนแรกนั้นลง และเมื่อมีความคล่องตัวเกิดขึ้นแล้ว การพิจารณาดวงชะตาด้วยระบบเรือนสัมพันธ์นี้
ย่อมทำให้ท่านพิจารณาดวงได้อย่างละเอียดชัดเจน สะดวก รวดเร็ว ง่ายต่อการทำความเข้าใจรอบด้านอย่างนี้
ย่อมปรากฏแก่ท่านแน่นอน
ธีรพร
เพชรกำแพง
12
มีนาคม 2558