ขั้นตอนการพิจารณาเรือนสัมพันธ์
การพิจารณาถึงดวงชะตากำเนิดอันเกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเป็นข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่จะมีแนวโน้มทิศทางไปในแง่มุมต่างๆ
จะต้องจับจุดพิจารณาที่ “เรือน”
ตามความหมายที่บ่งถึงเกี่ยวข้องเป็นหลักโดยยึดเอาความเป็นเจ้าเรือนที่เป็นเกษตรราศีนั้น
มาพิจารณาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกเหตุดีร้ายคุณโทษแก่ชีวิต
โดยพิจารณาให้เป็นลำดับขั้นตอนเพื่อจะได้รู้สถานะความหมายแห่งดาวนั้นจนสิ้น ดังนี้
๑.ดาวเจ้าเรือนนั้นสถิตที่ราศีใด
มีตำแหน่งมาตรฐานเข้มแข็งหรืออ่อนแอ เช่น ดาวนั้นเป็นเกษตร ประ อุจ นิจ มหาจัก
ราชาโชค เป็นต้น
๒.ดาวเจ้าเรือนไปสถิตในราศีแห่งดาวเกษตรอะไรและความสัมพันธ์ระหว่างดาวเจ้าเรือนที่ไปสถิตกับดาวเกษตรเจ้าเรือนที่ตนสถิตเป็นคู่มิตร
คู่ศัตรู หรือเป็นกลางๆต่อกัน หากเป็นคู่มิตรความหมายย่อมเสริมส่งด้านดี
คู่ศัตรูบ่อมบั่นทอนให้ผลทางร้าย หากเป็นกลางๆความหมายมักไม่ดีไม่เสียจนเกินไปนัก
๓.ดาวเจ้าเรือนนั้นเป็นดาวธาตุใด
และสถิตในราศีธาตุใด ธาตุแห่งราศีนั้นหักล้างทำลาย เสริมส่งสนับสนุน
หรือเป็นกลางๆต่อกัน พิจารณาเป็นความราบรื่นที่ดาวจะแสดงผลความหมายต่างๆออกมา
๔.ดาวเจ้าเรือนสถิตในเรือนใดของดวงชะตา
เป็นความหมายขั้นตอนตามเรือนสัมพันธ์ที่ตนสถิต
อันจะบอกถึงความหมายที่จะเกิดตามความสัมพันธ์ความหมายแห่งเรือนนั้นๆ
๕.เกษตรเจ้าเรือนที่ที่ดาวเจ้าเรือนสถิต
ไปสถิตอยู่ในเรือนใดของดวงชะตา เป็นความหมายบอกผลประกอบเรื่องราวของเจ้าเรือนที่เราพิจารณาให้ได้รายละเอียดชัดเจนขึ้น
การอ่านความหมายทางเรือน
แต่ละเรือนจะมีความหมายหลากหลายมากมาย
แต่จุดประสงค์ในการอ่านดาวในความเป็นเจ้าเรือนนั้น ได้ขมวดความหมายหลักไว้ ๑๒
เรือน ซึ่งเราจะต้องตีความเรื่องราวที่ประสงค์จะพิจารณานั้นเข้าหาภาพความหมายของเรือนต่างๆที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องฝึกอ่านเรื่องราวชีวิตแล้วตีประเด็นเป็น “เรือน”
แล้วนำเรือนนั้นมาพิจารณาหาความหมายทางการพยากรณ์ต่อไป ซึ่งจะขอหยิบยกตัวอย่างมาประกอบการพิจารณาตามลำดับขั้นที่กล่าวไว้พอสังเขป
จากรูปดวงชะตาลัคนาสถิตราศีเมษ
เรือนปัตนิคือราศีตุล ดาว ๖ เป็นเกษตรเจ้าเรือนปัตนิ ในที่นี้เราจะพิจารณา “ปัตนิ”
ให้เห็นภาพความหมายตามขั้นตอนดังนี้
ก.ดาว ๖ เจ้าเรือน ปัตนิ มากุมลัคนาหรือสถิตในเรือนตนุ
แสดงถึงภาวะชีวิตครอบครัวคู่ครองถึงตัวเจ้าชะตาในลักษณะ “กุมลัคน์”
คือครองคู่ใช้ชีวิตใกล้ชิดผูกพัน และดำเนินชีวิตอย่างสนิทแม่นมั่นต่อเจ้าชะตา
ข.ดาว ๖ สถิตในราศีเมษ เป็นราศีที่มีดาว
๓ เป็นเกษตรเจ้าเรือน พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง ๖ กับ ๓
ถือว่าเป็นดาวคู่มิตรแก่กัน ดาว ๖ จึงมีภาวะราบรื่นเพราะเจ้าเรือนคือมิตร ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลและให้ความรักเสริมส่งกันและกัน
ค.ดาว ๖ เป็นดาวธาตุน้ำ
มาสถิตราศีเมษอันเป็นราศีธาตุไฟ ความเป็นธาตุน้ำของดาว ๖
จึงเกิดความสั่นคลอนหวั่นไหว จากที่เคยยืดหย่อนเยือกเย็นตามธรรมชาติของน้ำ
ก็ต้องลดลงไปเพราะแรงไฟแห่งธาตุราศีเป็นสิ่งบันทอนคุณสมบัติเดิมลงไป
ง.ดาว ๖ ในราศีเมษมีตำแหน่งเป็นประ
แสดงถึงการเสื่อมทางการให้ความหมายที่เคยเสถียรของดาว ๖ เดิม
ทำให้เป็นความหมายตรงกันข้ามจากความเป็นเกษตรของ ๖ (ประ)
เมื่อได้พิจารณาข้อมูลสถานะของดาว ๖
เจ้าเรือนปัตนิแล้ว ย่อมจะทราบเหตุแห่งความเป็นปัตนิอันเป็นสถานะในเบื้องแรก
ที่บ่งพื้นฐานชีวิตความเป็นครอบครัว คู่ครอง หรือความรักของเจ้าชะตา ดังนี้
ดาว ๖ เจ้าเรือนปัตนิมาสถิตเรือนคู่มิตรดาว
๓ ชีวิตความรักและครอบครัว มีความรักเอื้อเฟื้อเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอันดี
แม้บางครั้งจะมีความขัดแย้งกัน แต่ก็เป็นไปในลักษณะของความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ดาว ๖ เจ้าเรือนปัตนิมีตำแหน่งเป็นประ
สามีภรรยา คนรัก ที่มีความหมายมาจากปัตนินั้นมีภาวะพื้นฐานชีวิตที่ไม่มั่นคงมาก่อน
และความเป็นปัตนิคือการใช้ชีวิตร่วมกันนี้อยู่ในสภาพที่ขาดหลักประกันทางความมั่นคงของชีวิต
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ทำให้เห็นภาพความหมายของดาว
๖ มาจนสิ้นกระแสในความเป็นเจ้าเรือนปัตนิในระดับหนึ่งแล้ว
ความหมายนั้นย่อมมีเสริมเพิ่มเติมขึ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ โดยการพิจารณาดาว
๓ อันเป็นเจ้าเรือนตนุที่ดาว ๖ มาสถิตอยู่ โดยเมื่อดาว ๓
ไปสถิตเรือนใดย่อมจะบอกความหมายอันเป็นผลแห่งเหตุที่เราอ่านมาดังกล่าวแล้วนั้น
ติดตามดูดาว ๓ จะเห็นว่าสถิตในราศีกุมภ์
เรือนลาภะ ได้ภาพความหมายว่า ภาวะชีวิตครอบครัว ความรัก คู่ครอง ของเจ้าชะตานั้น(ปัตนิ)
แม้จะไม่มีความมั่นคงในเบื้องแรก(๖ ประ) แต่ก็จะได้ความช่วยเหลือส่งเสริมกัน(๓ ๖
คู่มิตร) จนประสบความสมหวังราบรื่นสำเร็จขึ้นมาได้( ๓ ลาภะ)
สรุปความหมายที่เราได้จากการพิจารณา “ปัตนิ”
ตามตัวอย่างนี้ เป็นภาษาพูดจะได้ว่า “ชีวิตคู่ของเจ้าชะตามีพื้นฐานที่ไม่มั่นคงทางฐานะมาก่อน
แต่อาศัยความร่วมมือร่วมใจกันจึงสร้างหลักฐานฐานะความเป็นอยู่ขึ้นมาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
แม้จะมีปัญหาใดๆบ้างแต่เจ้าชะตาและคู่ครองก็ปรับปรุงแก้ไขด้วยกันอย่างความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน”
ท่านผู้ศึกษาเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ อย่าเพิ่งคิดท้อใจว่าอ่านภาพความหมายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมาเสียมาก
แต่กลับได้คำพยากรณ์เพียงไม่กี่ประโยค ออกจะดูเหมือนการ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน”
ซึ่งลงทุนมากแต่ได้ผลน้อย
ขอให้เข้าใจว่าในชั้นนี้เป็นขั้นของการศึกษาอันเป็นขั้นตอนกระบวนวิธีทางโหราศาสตร์แบบการอ่านเรือนสัมพันธ์
ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไปจึงจะเกิดความเข้าใจอย่างหนักแน่น
ได้ผลที่ถูกต้องตรงตามหลักการของวิชา คือรู้ที่มาที่ไปแบบมีเหตุผลรองรับต่างจาก “การเดา”
โดยสิ้นเชิง ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบรัดเร่งร้อน ขอให้เรียนรู้ทำตามเป็นลำดับไปก่อน
เมื่อมีความชำนาญแล้วต่อไปจะเกิดความคล่องตัวในการหาภาพความหมายออกมาจากโครงสร้างดวงชะตาแบบเรือนสัมพันธ์ในได้โดยไม่ยากอีกต่อไป
ธีรพร
เพชรกำแพง
15
มีนาคม 2558