รำลึกเรื่องเก่า..เล่าความหลัง
ตอน
คาถาดูดวง
สมัยก่อนคนมาหาพ่อทวดอยู่เป็นอันมาก
ต่างก็มีจุดประสงค์แห่งการมาเยือนด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมาขอฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาโหราศาสตร์
ไสยศาสตร์ มารักษาตัวเพราะโรคภัยไข้เจ็บ มาตรวจดวงชะตาขอฤกษ์พานาทีก็มากราย
จำได้ว่าท่านหนึ่งมาแต่เมืองไกลทางใต้
นัยว่าท่านเป็นหมอดูนักพยากรณ์อยู่แล้ว
เคยได้ยินชื่อเสียงพ่อท่านสมัยอยู่เมืองปทุม ก็ติดตามมาด้วยความศรัทธาเคารพ จุดประสงค์การมาเยือนของท่านนั้นแปลก
คือท่านมาเพื่อขอเรียนคาถาเพื่อประกอบการดูดวงให้แม่นยำ
ครั้งนั้นพ่อทวดหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ บอกว่าดี เป็นวิธีสร้างกำลังใจให้จิตตั้งมั่น
การดูดวงหรือพยากรณ์นั้นจะได้ไม่ฟั่นเฟือนเฝือออกนอกลู่นอกทางเข้าป่าเข้าพงไป
พ่อทวดว่าคาถาอื่นท่านคงจะพอมีพอรู้อยู่แล้ว
ด้วยว่าท่านก็เป็นผู้รู้ภูมิศึกษาด้านนี้มานาน พ่อท่านจึงให้คาถาว่า “โลกะวิทู”
เป็นคาถาพระพุทธเจ้าในบทสรรเสริญพุทธคุณ(อิติปิโสฯ)ที่แปลว่า “ผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง”
นั่นเอง
วิธีการของท่านสอนว่าให้ภาวนาในเวลากลางวันแล้วมองความสว่างให้เต็มที่จนจดจำได้
เมื่อเพ่งในอารมณ์ก็นึกได้ พอตกกลางคืนเพ่งหรือนึกถึงแล้วจิตใจก็สว่าง
คือนึกถึงคำว่าโลกะวิทูคราใดใจก็ย่อมสว่างเช่นนั้น
ทำอย่างนี้เป็นปกติอย่าให้เสื่อมหรือเคลื่อนไปจากใจ โลกะวิทูแล้วใจสว่างมากแค่ไหนสิ่งที่จะรู้จะเห็นย่อมมีความชัดมากเท่านั้น
ท่านสอนดังกล่าวแล้วท่านผู้นี้ก็เอาดีได้ คือฝึกเรียนจากพ่อทวดให้ท่านคอยกำกับชี้แนะอารมณ์ใจ
ภายในสามวันนี่ท่านมองความสว่างได้ชัดเจนแล้ว พอวันที่เจ็ดนี่เอาเรื่องเข้าที
ช่วยพ่อทวดดูดวงท่านให้อารมณ์วางเข้าปีติขนลุกขนชันเข้าว่าก่อน แล้วอารมณ์รู้เห็นต่างมันตามมาพรั่งพรูไม่รู้จะเอาอะไรก่อน
ท่านบอกให้กำหนดสติจับลงไปด้วยแล้วแยกแยะออกเป็นเรื่องๆ
หากตรึกไม่ได้ให้นึกถึงเรื่องราวในดวงชะตาจะเป็นเรือนเป็นดาวตัวแทนความหมายต่างๆมาจับเป็นบาทพยากรณ์วิถี
เพื่อให้ได้ความหมายในเรื่องราวลีลาชีวิตของเขา
พ่อทวดท่านกำกับอารมณ์ฝึกสอนอยู่อย่างนี้
พร้อมคอยชี้แนะแก้ไขเมื่อกำลังใจตกหรือเสื่อมลงไป ปรากฏว่าท่านนี้เป็นที่ชอบใจในวิชาความรู้ที่พ่อทวดให้และสรรเสริญคุณเป็นอันมาก
ช่วยตอบแทนเป็นลูกมือพ่อทวดอยู่ร่วมสามเดือน คือช่วยดูดวงบ้าง รักษาคนบ้าง
ทำไร่ทำนาช่วยลูกๆของพ่อทวดบ้าง คือทำทุกอย่างตามที่ท่านจะตอบแทนคุณได้
จากนั้นท่านก็ลากลับและนานทีปีหนก็ขึ้นมาเยี่ยมเยียนพ่อทวดอยู่มิได้ขาด
ธีรพร
เพชรกำแพง(บุญวงษ์)
๓๐
พฤษภาคม ๒๕๕๗