โองการไหว้ครู
กัลยาณมิตรอันเป็นที่รัก
ในครั้งนี้มีโอกาสได้กล่าวถึงพระคาถาหนึ่งซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้ให้ไว้ นั้นคือ
โองการไหว้ครู หรือบ้างก็ว่า โองการเรียกครูเข้าตัว โองการเชิญครู โองการบูชาครู
อย่างนี้ โดยท่านมุ่งสร้างกุศโลบายศรัทธาสำคัญแห่งจิตให้มีพละกำลังใจมั่นคง
แกล้วกล้าเป็นที่สามารถ ในการประกอบกิจทางอาถรรพเวทย์ใดๆทั้งปวง
ไม่ว่าจะเป็นการว่าพระมนต์ดลพระคาถา ดูดวงฤกษ์ยามโหรา ลงอักขระสักเสกเลขยันต์ ฯลฯ
ต่างๆให้ประสิทธิเป็นที่สำเร็จเป็นอันดี
ซึ่งพระคาถาโองการที่ว่านี้ก็มีหลายบทหลายตอนมากรูปแบบ แล้วแต่ท่านจัดแต่งขึ้นไว้อย่างไร
แต่วัตถุประสงค์ก็อย่างที่ได้เกริ่นไว้แล้วนั้นเอง ในที่นี้จะหยิบยกโองการไหว้ครู
หรือที่ฉันมักเรียกว่า “โองการเรียครูเข้าตัว”
ในแบบฉบับที่ฉันใช้มาเป็นตัวอย่างพอสังเขป ดังนี้
โองการไหว้ครู(เรียกครูเข้าตัว)
พึงว่า นะโม ขึ้นไว้ ๓ จบ แล้วพึงว่าพระคาถาโองการ
ดังนี้
โอม สิทธิการ ข้าฯจะไหว้ครูอาจารย์ทั้งปวง
ข้าฯจะไหว้ครูผู้เฒ่า บรมครูปู่เจ้าสมิงพราย ครูกูคนหนึ่งชื่อว่าฤๅษีนารอท
ครูกูคนหนึ่งชื่อว่าฤๅษียอดฟ้าเธอได้เรียนมาทั่วไตรภพ
ครูกูคนหนึ่งชื่อว่าฤๅษีกัสสปเธอได้เรียนมาจบทั่วแดนไตร
ครูกูคนหนึ่งชื่อว่าฤๅษีตาไฟ เธอจึงเอาใบไม้เข้ามากวาด
ทั้งฝูงผีปีศาจก็แล่นลงใต้สมุทรบาดาล เดชะครูอาจารย์ให้กรรมสิทธิ์แก่กู สวาหะฯ
เมื่อจิตเปี่ยมไปด้วยความแกล้วกล้าฮึกเหิมหาญทะนงที่เรียกว่าเกิดปีติเป็นแม่นมั่นอันดีแล้ว
พึงอธิษฐานให้กิจที่เราจะประกอบนั้นบังเกิดความสำเร็จในขณะที่จิตเป็นอุปจารฌานแล้วว่า
“ขอกิจใดๆสรรพทุกประการจงประสิทธิสำเร็จดังเจตนาเถิด”
จากนั้นพึงลำดับต่อจากอุปจารฌานจนถึงองค์ฌานที่ตนได้(อัปปนาสมาธิ)
จากปฐมฌานจนถึงจตุถฌาน แล้วลำดับคลายองค์ฌานไล่ถอยหลังมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ
จากนั้นจึงอธิษฐานในกิจนั้นซ้ำอีกครั้ง “ขอกิจใดๆสรรพทุกประการจงประสิทธิสำเร็จดังเจตนาเถิด” แล้วจึงประกอบการในกิจที่ตนปรารถนานั้นจักมีความประสบผลสำเร็จในกิจเพราะจิตมีอำนาจฤทธิ์พละกำลังมั่นคงเป็นอันดีควรแก่การที่จะกระทำแล้ว
พร้อมด้วยอำนาจทิพยญาณจากครูบาอาจารย์ทีท่านจัดแต่งไว้รวมถึงครูบาอาจารย์ทั้งหลายแห่งตนได้ร่วมดลผลสรรพสิทธิหนุนนำดีแล้วทุกประการนั้นเอง
ธีรพร เพชรกำแพง
๑๐
พฤศจิกายน ๒๕๕๕