13 กันยายน 2555

... “เกริ่นกลอนปรัมปราโหราศาสตร์”...

ณ โอกาสนี้ จะยกสมญา เรื่องที่มาปรัมปราน่าใหลหลง

ของยกเอาความขึ้นมาดำรง แทนเหล่าองค์ครุครูบา

ขอกล่าวโดยย่อพอสังเขป ตามที่เคยเก็บจดจำศึกษา

ประคับประคองสืบทอดกันมา แต่ผู้โหราเก่าใหม่ที่มี

เพราะว่าจงเจตน์เห็นเหตุอรรศจรรย์ เกิดกับตัวฉันที่เห็นครั้งนี้

ฉันจักสำแดงขอท่านจงแจ้งคดี แด่ท่านผู้มีจิตประภัสร์โหรา

หลักโหรเรานี้มีอยู่หลายอย่าง ยกดีถี่ห่างได้พร่างศึกษา

จะเปรียบดนตรีเรื่องที่มีมา โอ้อนิจจานี้ว่าหลายทำนอง

จะเปรียบการเวกที่ร่ำเวหา พอถึงเวลาย่อมส่งเสียงร้อง

ไม่ว่าอย่างไหนปริศนาทั้งสอง ทั้งทำนองและร้องย่อมให้ผลเท่ากัน

อาศัยเหตุว่าโหราเป็นใหญ่ คือต้องทำใจศึกษาให้มั่น

อย่าปล่อยให้ใจเที่ยวไปฟุ้งซ่าน หลักโหรานั้นย่อมจะเกิดผลดี

มโนปุพพังคมาธัมมา ใจเป็นหัวหน้าการเรียนโหรนี้

ถ้าใจจดจ่อมุ่งต่อสิ่งดี โหราวันนี้ย่อมพาสู่ปัญญา

ถ้าดวงตาเกิดประเสริฐยิ่งนัก เราจะได้รู้จักประสีประสา

ของมวลกำเนิดและหลักโหรา พื้นฐานไม่ว่าเบื้องสูงก็ตาม

มวลก่อกระแสมันไม่แน่ตรงไหน ดังเกิดแก่เจ็บตายอยู่ทุกโมงยาม

ต้องหาปัญญาโหรามาค้ำ ทุกรูปทุกนามจะรู้ซึ่งความเป็นไป

ย่อมใช้ปัญญารักษาตนเอง ให้รู้จักเกรงวัฏฏะทั้งหลาย

ถ้าสิ้นปัญญาในโหราเมื่อใด เขาอุปประมัยเหมือนคนเสียตา

ด้วยเหตุฉะนั้นโหราเหตุ เป็นข้อสังเกตให้เกิดปัญญา

ถ้าปัญญาเกิดธรรมะย่อมเกิดพร้อมหนา องค์พระศาสดาท่านตรัสแสดง

มีทรัพย์ภายนอกหลายเล่าก็ยังไม่เท่าปัญญา นี่แหละท่านหนาโปรดจงรู้แจ้ง

อย่ามัวหนักหน่วงห่วงผิดสำแดง จงเร่งจัดแจงความรู้ให้เกื้อกูล

ในโลกของลวงหนอปวงเราท่าน กระแสเกิดพานก็พลอยเสื่อมสูญ

ที่เปลี่ยนสภาพแล้วย้อนคืนหมุน เข้าเวียนเปลี่ยนทุนเป็นสรรคาลัย

ถ้าเรามัวแต่รีบไม่หาที่มา พอเมื่อถึงคราเข้าไต้เข้าไฟ

จะยกเอาหลักโหราที่ไหน อรรถาธิบายประเหลาะประโลม

สั่งสมความรู้โหรานำพา ไม่ต้องเพรียกหาอัธยามีถม

เนื่องเหตุความรู้ที่ได้ชื่นชม ติดตามดั่งลมที่เราหายใจ

เมื่อถึงวันนี้ปสาทะและศรัทธา ในหลักโหราย่อมมีมากหลาย

ประดับความรู้แต่เกิดก่อกาย ตราบลมหายใจที่เรารักษากันอยู่มินาน ฯ..