...อย่าอวดเบ่ง เก่งใหญ่ ในสังขาร
เพราะเรานั้น ไม่อาจ ควบคุมฝืน
เช้าก็แก่ บ่ายก็แย่ แค่ข้ามคืน
ความเป็นอื่น แทรกแซง ไม่จีรัง...
...ขอขอบพระคุณกัลยาณมิตรในความห่วงใยสุขภาพของฉันและทุกคำอวยพร ขอให้ท่านรักษาสุขภาพ และผลดีแห่งพรนั้นจงประสบกับท่านด้วยเช่นกัน ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมาก หนาวมาอยู่ดีๆเข้าก็ร้อนอบอ้าว เมื่อคืนฝนตกเก็บที่หลับที่นอน หนังสือหนังหาคอมพิวเตอร์ หลบฝนแทบไม่ทัน(บ้านฉันแค่พออยู่ได้ แต่ฉันก็พอใจอยู่) ธรรมชาตินี่ยากต่อการคาดเดาเหลือเกิน หวัดที่ทำท่าจะหายกลับมาแน่นตันคอเสียอีก ก็รักษากันไปตามอาการ
...ตามที่คุณ รักจริง ได้กล่าวถึงการดูจิตในขณะนั่งสมาธิแล้วเกิดความเบาสบาย โล่งโปร่งใจดี แต่พอกลับมาอยู่ในสังคมกลับไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ ยังปล่อยไปตามกระแสเช่นเดิม การดูจิตที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นการดูจิตทุกสภาวะอารมณ์ทุกขณะอย่างเท่าทัน ทำบ่อยๆ เรื่อยๆ บางอารมณ์ต้องฝืนทำให้ชิน เมื่อทำได้ระดับหนึ่งแล้วก็จะเกิดความรู้เท่าทันและระงับดับในส่วนที่หยาบ ของอารมณ์ต่างๆลงไป อย่างโทสะก็เป็นเพียงรู้ว่าจะโกรธ..แต่รู้เท่าทัน..ระงับยับยั้งใจ หากทำไปชำนาญอาการโกรธจะไม่มีแสดงออกมาเลย เพียงแต่รู้สึกจิตใจขุ่นมัวโทสะภายในเท่านั้น "การเฝ้าดูและรู้เท่าทัน" จึงเป็นประโยชน์มาก เพียงแต่เราต้องหมั่นฝึกทำให้อิ่มตัวเสียก่อน บางคราวการอ่านธรรมะข้ออธิบายเราก็ได้แต่ความเข้าใจที่เรียกว่า "สัญญา" เท่านั้น มิได้ซึมซาบลึกซึ้งจากการเห็นจริงรู้จริงด้วยจิตที่เรียกว่า "ปัญญา" เพราะฉะนั้นการเห็นผลในการควบคุมอารมณ์จึงต่างกัน "การเฝ้าดูจิตอย่างรู้เท่าทัน" ทีละเล็กทีละน้อย จิตรู้เองเห็นเองปัญญาย่อมเกิดสั่งสม รู้จักจิตภายใน รู้จักตนของตน รู้จักละวางตัวตน ปัญญาจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เวลาสิ่งใดมากระทบจะ "รู้" ก่อน "ร้อน" เสมอ จึงขอย้ำและฝากไว้อีกครั้งหนึ่ง
...ในการดูดวงของฉัน ท่านก็คงสังเกตกันแล้วว่ามีในเรื่องของการพิจารณาดาวใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการกำหนดช่วงเวลาเหตุการณ์ก่อนและหลังดาวใหญ่ยกย้าย แต่ก็มิใช่ว่าพิจารณาดาวใหญ่เสียเพียงอย่างเดียว ในเมื่อจับจุดใหญ่ก็ต้องจับจุดย่อยดูรายละเอียดด้วยแต่สิ่งที่เป็นแม่บท สำคัญของฉันคือการพิจารณาดวงเดิมว่ามีปมใดผูกไว้หรือที่เรียกว่าเงื่อนไข แล้วพอมีดวงจรมากระทบปมเดิม เงื่อนไขนั้นจะทำงานอย่างไร นี่เป็นส่วนสำคัญของการพิจารณาดวงด้วยโหราศาสตร์ไทยในแบบของฉัน ก็ด้วยความรู้ที่มีน้อยก็ขอใช้อย่างน้อยๆตามเข้าใจ ดูผิดด้วยความรู้ที่มี ดีกว่าถูกเพราะการเดา
...หมอดูเรานี่อุปาทานมันเกิดนำได้ แค่เห็นวันเดือนปีเกิด ข้อมูลที่เขาให้มาบางทีความรู้สึกนึกคิดมันเกิดนำไปแล้วว่าเขาจะต้องเป็น อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นตุเป็นตะลามไปถึงเรื่องต่างๆ สิ่งของ ที่อยู่ที่อาศัย ไสยศาสตร์ เทพพรหม อะไรหลายอย่างไปหมด จริงปนเท็จ เท็จปนจริง บ้างคละเคล้ากันไป นี่ยังไม่ว่ากันถึงการเห็นดวงตามหลักวิชาที่พอเห็นดวงแล้วตีความไม่ออกก็ยัง ต้องคาดเดากันอีก แล้วยังมีประเด็นของพยากรณ์ศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในยุคหลังๆ บางคนก็เอามาสวมเข้ากับโหราศาสตร์โดยขาดความเข้าใจถึงความเข้ากันได้หรือไม่ ตั้งเป็นกฏหลักเกณฑ์ใหม่ขึ้นมา นานไปก็จะกลายเป็นสิ่งห่อหุ้มโหราศาสตร์ไทยไว้เข้าไปอีกหลายชั้น
...ยุคนี้สมัยนี้จะเป็นพยากรณ์ศาสตร์หรือโหราศาสตร์ใดก็ดี ขอให้มีความแม่นยำเป็นพอ คนก็ให้ความเคารพนับถือ บางคนก็อยากจะศึกษาไว้เพื่อให้ได้ผลอย่างนั้นบ้าง ท่านเชื่อไหมว่า พยากรณ์ศาสตร์ที่คนหนึ่งใช้ได้ดี อีกคนหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ดีก็ได้ เป็นเหตุผลเฉพาะตนของใครของมัน ยากต่อการพรรณาอธิบายได้
...วันนี้ขอคุยแค่นี้ก่อน เพราะสุขภาพยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไร หากว่างจากภาระก็จะเข้ามาตอบกระทู้ต่อ ขอให้กัลยาณมิตรอันเป็นที่รักทุกท่านจงมีความสุขสบายใจ ปลอดโปร่งโล่งใส มีสุขในธรรมะ คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองทุกท่านครับ
เพราะเรานั้น ไม่อาจ ควบคุมฝืน
เช้าก็แก่ บ่ายก็แย่ แค่ข้ามคืน
ความเป็นอื่น แทรกแซง ไม่จีรัง...
...ขอขอบพระคุณกัลยาณมิตรในความห่วงใยสุขภาพของฉันและทุกคำอวยพร ขอให้ท่านรักษาสุขภาพ และผลดีแห่งพรนั้นจงประสบกับท่านด้วยเช่นกัน ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมาก หนาวมาอยู่ดีๆเข้าก็ร้อนอบอ้าว เมื่อคืนฝนตกเก็บที่หลับที่นอน หนังสือหนังหาคอมพิวเตอร์ หลบฝนแทบไม่ทัน(บ้านฉันแค่พออยู่ได้ แต่ฉันก็พอใจอยู่) ธรรมชาตินี่ยากต่อการคาดเดาเหลือเกิน หวัดที่ทำท่าจะหายกลับมาแน่นตันคอเสียอีก ก็รักษากันไปตามอาการ
...ตามที่คุณ รักจริง ได้กล่าวถึงการดูจิตในขณะนั่งสมาธิแล้วเกิดความเบาสบาย โล่งโปร่งใจดี แต่พอกลับมาอยู่ในสังคมกลับไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ ยังปล่อยไปตามกระแสเช่นเดิม การดูจิตที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นการดูจิตทุกสภาวะอารมณ์ทุกขณะอย่างเท่าทัน ทำบ่อยๆ เรื่อยๆ บางอารมณ์ต้องฝืนทำให้ชิน เมื่อทำได้ระดับหนึ่งแล้วก็จะเกิดความรู้เท่าทันและระงับดับในส่วนที่หยาบ ของอารมณ์ต่างๆลงไป อย่างโทสะก็เป็นเพียงรู้ว่าจะโกรธ..แต่รู้เท่าทัน..ระงับยับยั้งใจ หากทำไปชำนาญอาการโกรธจะไม่มีแสดงออกมาเลย เพียงแต่รู้สึกจิตใจขุ่นมัวโทสะภายในเท่านั้น "การเฝ้าดูและรู้เท่าทัน" จึงเป็นประโยชน์มาก เพียงแต่เราต้องหมั่นฝึกทำให้อิ่มตัวเสียก่อน บางคราวการอ่านธรรมะข้ออธิบายเราก็ได้แต่ความเข้าใจที่เรียกว่า "สัญญา" เท่านั้น มิได้ซึมซาบลึกซึ้งจากการเห็นจริงรู้จริงด้วยจิตที่เรียกว่า "ปัญญา" เพราะฉะนั้นการเห็นผลในการควบคุมอารมณ์จึงต่างกัน "การเฝ้าดูจิตอย่างรู้เท่าทัน" ทีละเล็กทีละน้อย จิตรู้เองเห็นเองปัญญาย่อมเกิดสั่งสม รู้จักจิตภายใน รู้จักตนของตน รู้จักละวางตัวตน ปัญญาจะเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เวลาสิ่งใดมากระทบจะ "รู้" ก่อน "ร้อน" เสมอ จึงขอย้ำและฝากไว้อีกครั้งหนึ่ง
...ในการดูดวงของฉัน ท่านก็คงสังเกตกันแล้วว่ามีในเรื่องของการพิจารณาดาวใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการกำหนดช่วงเวลาเหตุการณ์ก่อนและหลังดาวใหญ่ยกย้าย แต่ก็มิใช่ว่าพิจารณาดาวใหญ่เสียเพียงอย่างเดียว ในเมื่อจับจุดใหญ่ก็ต้องจับจุดย่อยดูรายละเอียดด้วยแต่สิ่งที่เป็นแม่บท สำคัญของฉันคือการพิจารณาดวงเดิมว่ามีปมใดผูกไว้หรือที่เรียกว่าเงื่อนไข แล้วพอมีดวงจรมากระทบปมเดิม เงื่อนไขนั้นจะทำงานอย่างไร นี่เป็นส่วนสำคัญของการพิจารณาดวงด้วยโหราศาสตร์ไทยในแบบของฉัน ก็ด้วยความรู้ที่มีน้อยก็ขอใช้อย่างน้อยๆตามเข้าใจ ดูผิดด้วยความรู้ที่มี ดีกว่าถูกเพราะการเดา
...หมอดูเรานี่อุปาทานมันเกิดนำได้ แค่เห็นวันเดือนปีเกิด ข้อมูลที่เขาให้มาบางทีความรู้สึกนึกคิดมันเกิดนำไปแล้วว่าเขาจะต้องเป็น อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นตุเป็นตะลามไปถึงเรื่องต่างๆ สิ่งของ ที่อยู่ที่อาศัย ไสยศาสตร์ เทพพรหม อะไรหลายอย่างไปหมด จริงปนเท็จ เท็จปนจริง บ้างคละเคล้ากันไป นี่ยังไม่ว่ากันถึงการเห็นดวงตามหลักวิชาที่พอเห็นดวงแล้วตีความไม่ออกก็ยัง ต้องคาดเดากันอีก แล้วยังมีประเด็นของพยากรณ์ศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในยุคหลังๆ บางคนก็เอามาสวมเข้ากับโหราศาสตร์โดยขาดความเข้าใจถึงความเข้ากันได้หรือไม่ ตั้งเป็นกฏหลักเกณฑ์ใหม่ขึ้นมา นานไปก็จะกลายเป็นสิ่งห่อหุ้มโหราศาสตร์ไทยไว้เข้าไปอีกหลายชั้น
...ยุคนี้สมัยนี้จะเป็นพยากรณ์ศาสตร์หรือโหราศาสตร์ใดก็ดี ขอให้มีความแม่นยำเป็นพอ คนก็ให้ความเคารพนับถือ บางคนก็อยากจะศึกษาไว้เพื่อให้ได้ผลอย่างนั้นบ้าง ท่านเชื่อไหมว่า พยากรณ์ศาสตร์ที่คนหนึ่งใช้ได้ดี อีกคนหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ดีก็ได้ เป็นเหตุผลเฉพาะตนของใครของมัน ยากต่อการพรรณาอธิบายได้
...วันนี้ขอคุยแค่นี้ก่อน เพราะสุขภาพยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไร หากว่างจากภาระก็จะเข้ามาตอบกระทู้ต่อ ขอให้กัลยาณมิตรอันเป็นที่รักทุกท่านจงมีความสุขสบายใจ ปลอดโปร่งโล่งใส มีสุขในธรรมะ คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองทุกท่านครับ