6 กันยายน 2555

๕ ๗ เจ้าสมญา พิจารณาโชคเคราะห์ ตอน โชคลาภ


ท่านจัดเป็นประธานแห่งพระเคราะห์ด้านดีและร้าย ท่านให้หลักคิดว่าดาวใหญ่อันมีอิทธิพลเหล่านี้เมื่อจรอยู่ในเรือนใดย่อมทำให้เรือนนั้นทำงาน คือแสดงความหมายที่เกี่ยวข้องเดิมออกมา


๕ ๗  เจ้าสมญา

พิจารณาโชคเคราะห์

ตอน โชคลาภ

ธีรพร  เพชรกำแพง
 

สุริยคติวันศุกร์ ที่ ๑๓ เดือน กันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๑  เวลา ๑๑.๐๖ น. ภูเก็ต
จันทรคติวันศุกร์  แรม   ๗ ค่ำ  เดือน ๑๐   ปีวอก สัมฤทธิ์ศก  จุลศักราช ๑๓๓๐
 
          กัลยาณมิตรอันเป็นที่รัก ในครั้งนี้เรายังว่ากันถึงเรื่องของ โชค-เคราะห์ อันเป็นการพิจารณาดวงจรแบบพื้นฐานที่โหรโบราณท่านใช้แล้วได้ให้คติสืบต่อกันมา โดยพิจารณาจากดาว ๕ และ ๗ หากเราพิจารณาดูให้ดีก็ถือว่าเข้าทีแนบเนียนกับการอ่านทางเดิมอยู่ ดาวสองดวงนี้ท่านจัดให้เป็นประธานศุภเคราะห์และบาปเคราะห์ ๕ เป็นตัวแทนของโชค ลาภ ความสำเร็จ , ๗ เป็นตัวแทนของโทษทุกข์ อุปสรรค เคราะห์ ทั้งนี้ตามความหมายท่านจัดเป็นดาวใหญ่ การให้คุณให้โทษจึงเห็นในแนวกว้าง แล้วสอบลงให้ชัดด้วยโครงสร้างดาวประกอบ ทำให้สามารถตีวงแคบจำกัดเวลาลงได้ ผลของการพยากรณ์จึงอยู่ในห้วงเวลาดังกล่าว (อาจมีการหลั่นเวลาบ้าง จากเหตุ ล้นธาตุ ซึ่งเราต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดด้านเวลาไว้ด้วย)
          เจ้าชะตาสอบถามเกี่ยวกับเรื่อง โชคลาภ อันเป็นความหมายเฉพาะของการพิจารณาดวงจรในครั้งนี้ ซึ่งก็คือ ๕ จรที่เราจะต้องพิจารณา แต่ก่อนนั้น ควรที่จะดูถึงเหตุปัจจัย โชคลาภ ในพื้นดวงของเจ้าชะตาเสียก่อนว่ามีทิศทางเป็นเช่นไร
          มองดูเรือนลาภะ ลาภผลรายได้อันสัมพันธ์ส่งเสริมกับเจ้าชะตา เป็นราศีสิงห์ มี ๑ เป็นเกษตร ร่วม ๓ เจ้าการกดุมภะ/ปัตนิ และ ๕ ตนุเศษ เจ้าการสหัสชะ/อริ ตรงตนุเศษนี้น่าสนใจที่ว่าเจ้าชะตามีจิตใจที่จะแสวงหาลาภผลรายได้ ความสำเร็จ(๕ ตนุเศษในเรือนลาภะ) โดยการริเริ่ม บุกเบิก กระทำการขยับขยาย มุ่งไปข้างหน้าอย่างเป็นลำดับ(๑,๓,๕ ในเรือนลาภะ) การสร้างสมคุณค่าฐานะความเป็นอยู่ ทรัพย์สินเงินทองเพื่อครอบครัว(๓ เจ้าการกดุมภะ/ปัตนิ) เพื่อความมั่นคงทางการงานและสังคมแวดล้อมที่จะเอื้อตามความเป็นอยู่ของเจ้าชะตา(๕ เจ้าการสหัสชะ/อริ) ความสัมพันธ์ที่มาถึงอีกอย่างคือ ๗,๘ ในเรือนอริที่แฝงเรือนตาม ๕ เข้าถึงลาภะ อดจะกล่าวถึงไม่ได้ ๗ นั้นเป็นเจ้าการเรือนพันธุ ๘ เป็นเจ้าการเรือน ปุตตะ เราแปลให้สอดคล้องตามวัยและเรื่องจากที่เกริ่นว่าหมายถึงการงาน/อุปสรรคที่มีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้าน สิ่งปลูกสร้าง ที่เมื่อได้รับการกระทำ,การแก้ไข(อริ)แล้วประสบความสำเร็จ(ลาภะ) โดยมีมิตรเกื้อหนุน (๗,๘ คู่มิตร)
นี่คือเหตุปัจจัยที่เราอ่านจากทางเรือนชะตา หากพิจารณาเชิงดาวจาก ๕ เดิม ที่เราใส่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นโชคลาภความสำเร็จเข้าไป ก็จะเห็นภาพความหมายที่มีลักษณะสอดคล้องกับการอ่านทางเรือนนี้ จึงไม่ขออ่านเชิงดาวอีกเพราะเห็นจะเป็นการฟั่นเฝือ เพียงให้ทราบว่าเหตุปัจจัยเกี่ยวกับโชคลาภของเจ้าชะตาในดวงเดิมนั้นมีอยู่เช่นนี้
          พิจารณาต่อที่ ๕ จร ในราศีเมษ เรือนปัตนิ ๕ โชคลาภเกิดจากการริเริ่ม บุกเบิก เริ่มต้นกระทำอย่างจริงจัง(เมษ) โดยได้รับการสนับสนุนส่งเสริม(๕ ราชาโชค) จากครอบครัว หรือผู้ร่วม(๕ จรในเรือนปัตนิ) ผู้ร่วมในที่นี้ยังหมายไปถึงญาติพี่น้อง บุคคลผู้แวดล้อมเจ้าจะชะตาอันเป็น สหายุตภาวะ หมายถึงมิตรที่พึ่งพาอาศัยได้(๕ เจ้าการสหัสชะ) ปัญหาอุปสรรคหรือการงานที่ต้องร่วมกับผู้อื่น(๕ เป็นเจ้าการอริอีกเรือนหนึ่ง) นี่เป็นเหตุปัจจัยจรทางเรือน ส่วนทางดาวนั้นเรามองที่ ๕ ตั้งไว้แล้วพิจารณามุมเรื่องออกไปยังดาวต่างๆที่เกี่ยวข้อง จะเห็นว่าดาวก่ออุปสรรคอยู่ค่อนข้างมากกว่าการส่งเสริม เพราะฉะนั้นเรื่องโชคลาภความสำเร็จหลักๆจึงยังไม่ปรากฏชัดในที่นี้ เช่น ๓ เกณฑ์หรือเป็นสี่(หน่วง) การกระทำมุ่งไปสู่ความสำเร็จยังติดขัดไม่ราบรื่น,เรื่องของการเจรจาติดต่อสื่อสารยังไม่เป็นผล(๔ ก่อความติดขัดไม่ราบรื่น) ความสะดวกส่วนตัวติดขัดไม่เป็นผล(๖ นิจ ก่อความติดขัด) การประสานสัมพันธ์เพื่อความสำเร็จยังเปลี่ยนแปลงเอาแน่เอานอนไม่ได้(๑ ก่อความติดขัด) ความอืดอาดยืดยาดล่าช้าไม่เป็นไปตามประสงค์(๗ ก่อความติดขัด) การประสานประโยชน์ การติดต่อเชิงประโยชน์ร่วมยังไม่ค่อยดีนัก(๘ ก่อความติดขัด) เหตุด้วยโครงสร้างจรในลักษณะนี้ ถึงแม้ ๕ จร จะกระตุ้นเหตุปัจจัยเดิมในดวงชะตา โชคลาภความสำเร็จก็ยังไม่สำเร็จทั้งหมดตามโครงสร้างที่เราอ่าน แต่อย่างไรเมื่อกระตุ้นแล้วมีเหตุรองรับอยู่ก็ย่อมเกิดผลบ้าง แต่ระยะนี้ไม่เด่น เวลาพิจารณาโครงสร้างที่จะเปลี่ยนแปลงเราก็พิจารณาจากส่วนที่ไม่เกื้อกูลนั้นเอง เมื่อถึงตรงนี้ก็ทำให้เข้าใจถึงเรื่องการจำกัดเวลาลงไปด้วยว่าคำพยากรณ์จากโครงสร้างนี้จะมีผลไปถึงเมื่อใด แล้วเมื่อดาวที่ก่อรูปโครงสร้างเปลี่ยนไปความหมายก็ย่อมเปลี่ยนไปตามดาวนั้นๆด้วย โดยเงื่อนไขเวลาก็พิจารณาจากดาวที่ก่อรูปโครงสร้างด้วยนั่นเอง
          ทีนี้มาว่ากันถึงคำพยากรณ์ เราสามารถสรุปจากการอ่านพื้นฐานโครงสร้างทางเดิมและจรที่กล่าวไว้มาเป็นคำพยากรณ์ได้ดังนี้ ..ระยะนี้ถึงเดือนพฤษภาคม 2555 เจ้าชะตามีโอกาสในเรื่องของโชคลาภ,ความสำเร็จเกิดขึ้น อันเนื่องมาด้วยการงานที่มีการพึ่งพาอาศัยหรือทำร่วมกับมิตรสหายญาติพี่น้องอยู่ก่อน แต่จากนี้ต้องขยับขยายก่อความมั่นคงขึ้นอีก จะมีเรื่องของการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ตอบแทน ที่เจ้าชะตาจะต้องดำเนินการด้วยตนเองเป็นส่วนมาก หากให้ใครร่วมดูแลก็จำเป็นที่จะต้องแบ่งประโยชน์ตามสมควร ช่วงนี้ถึง ปลายเดือนตุลาคม 2555 จะยังไม่เห็นผลของความสำเร็จหรือโชคลาภที่ว่านี้ เพราะเป็นช่วงของการกระทำ การปูพื้นฐานเหตุปัจจัย ประกอบกับประสบเรื่องยุ่งยากติดขัด ภาระทางเวลาและครอบครัว แต่ก็จะเริ่มเบาบางลงไปเมื่อเข้ากลางๆเดือนตุลาคม พอเข้าพฤศจิกายนผลของโชคลาภ,ความสำเร็จที่ว่านี้จะปรากฏชัด (๓ ยกเข้าราศีสิงห์ เงื่อนไขเดิมทำงาน ๔,๖ เอื้อในทางดีมากกว่าเสีย) ช่วงธันวาคมโชคลาภเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เกริ่นไว้จะเริ่มเห็นผลชัดเป็นต้นไป ในดวงนี้ผู้เขียนมองว่าเรื่องโชคลาภนั้นถึงตัวอยู่ ขณะเดียวกันปัญหาอุปสรรคต่างก็เกิดมีอยู่ด้วย ตามรูปดวงปัญหาลักษณะนี้เราเรียกว่า ปัญหาเพื่อความพัฒนา คือบททดสอบที่ผ่านไปได้ก็จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับชีวิตของเจ้าชะตา ขอให้เจ้าชะตาทราบว่าโครงสร้างดวงโชคลาภอย่างนี้เจ้าชะตาต้องริเริ่ม บุกเบิก และลงมือกระทำอย่างเต็มที่ วางเหตุปัจจัยไว้รอผลที่จะเกิดตามมา และพร้อมรับกับการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอันใด เจ้าชะตาก็จะสามารถประสบความสำเร็จจากโชคอันนี้ตามที่ปรารถนา (ผู้เขียนเข้าใจตามรูปดวงว่ามีลาภลอยด้วยจาก ๕ ราชาโชค ตามโครงสร้างดาวที่เอื้อต่อไป)
          ความที่ ๕ และ ๗ เป็นดาวใหญ่จนท่านจัดเป็นประธานแห่งพระเคราะห์ด้านดีและร้าย ท่านให้หลักคิดว่าดาวใหญ่อันมีอิทธิพลเหล่านี้เมื่อจรอยู่ในเรือนใดย่อมทำให้เรือนนั้นทำงาน คือแสดงความหมายที่เกี่ยวข้องเดิมออกมา หรือเราจะเรียกว่าเงื่อนไขเดิมทำงานจากเงื่อนไขโครงสร้างจรก็ไม่ผิด จึงเป็นเคล็ดที่เวลาท่านสอนทางจรมักเอ่ยว่า ให้ดูดวงเดิมให้แตก เสียก่อน เพราะคำว่าดวงเดิมนั้นไม่ใช่ดวงประเภทผ่านแล้วผ่านไป แต่เป็นดวงที่ยังคงทำงานเสมือนหนึ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเรา (ทำไมดวงจึงบอกชีวิตได้ เป็นคำถามที่ไขความผูกพันระหว่างดวงที่เป็นของกลางๆกับชีวิตคนเรา) จึงต้องพิจารณาประกอบกับทางจรที่มากระตุ้น และพึงทราบว่าเงื่อนไขทางจรอาจทำให้เกิดเรื่องราว,เหตุการณ์ตามโครงสร้างเดิมตามโครงสร้างจรขณะนั้น ซึ่งผลทางเดิมไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นทุกส่วน ทั้งนี้แล้วแต่เงื่อนไขเดิมและจรที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่การใช้สมญาลักษณ์แห่ง ๕, ๗ นี้ ก็ทำให้เราได้เห็นภาพความเป็นไปได้กว้าง พร้อมกับสามารถเจาะจงลงได้ หากมีโอกาสคราวหน้าจะได้กล่าวถึงการเห็นภาพ(รูปดวง)วกทวนเข้าจนสามารถหยิบมาใช้ในการพยากรณ์ได้ นี่คือความอัศจรรย์ของพื้นฐานโหราศาสตร์ไทยที่น่าสนใจใคร่รู้ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่วิชาประยุกต์ขั้นต่อไป
          ขอให้เจ้าชะตาและกัลยาณมิตรอันเป็นที่รัก จงมีความสุขกายสุขใจ สำเร็จผลตามความมุ่งมาดปรารถนา บารมีพระศรีรัตนตรัยดลอภิบาลชูช่วยอุปถัมภ์ บุญกุศลรักษาเทวดาคุ้มครองให้นิราศอุปทวันตราย โรคภัยอย่าได้มี ให้พบคนดี สังคมดี โอกาสดี สร้างบารมีของตนให้มีความวัฒนาถาวรเป็นคุณประโยชน์สืบไปเถิด d
ธีรพร เพชรกำแพง